xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กบอสนิสสันเยือนเวียดนามส่งซิกฟื้นโรงงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



กรุงเทพฯ – นายใหญ่ของบริษัทนิสสันมอร์เตอร์ จำกัด (Nissan Motors Co Ltd) เดินทางไปเวียดนามเงียบๆ โดยไม่เป็นข่าวอึกทึกครึกโครม แต่วงการอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศนี้กล่าวว่า นับเป็นสัญญาณดีที่แสดงว่า บริษัทยานยนต์ญี่ปุ่นรายนี้อาจจะกลับไปรื้อฟื้นโครงการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์นิสสันอีกครั้ง หลังจากที่ได้หยุดชะงักไปเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย

จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมรายงานว่า นายคาร์ลอส กอส์น (Carlos Ghosn) ประธาน และหัวหน้าคณะผู้บริหารบริษัทนิสสันมอเตอร์ จำกัด เดินทางถึงเวียดนามเมื่อวันศุกร์ (13 ต.ค.) เพื่อดูลาดเลาสภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำระดับสูงสุดของค่ายรถยนต์ใหญ่ญี่ปุ่นแห่งนี้ไปเยือนเวียดนาม

นายกอส์นไปเยี่ยมดูงานที่บริษัท Nidec Tosok Vietnam ในเขตอุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อส่งออกเติ่นถวน (Tan Thuan Export Processing Zone) นครโฮจิมินห์ เพื่อดูสภาพแวดล้อมการลงทุนของประเทศ แรงงาน ตลาดยานยนต์ รวมถึงข้อกำหนดใหม่ด้านภาษีศุลกากรนำเข้ายานยนต์

บริษัท Nidec Tosok Vietnam เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการลงทุนของญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการผลิตสายไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า พัดลมไฟฟ้าต่างๆ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และกระปุกเกียร์รถยนต์ นอกจากนี้บริษัทแห่งนี้ยังจัดเตรียมชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ให้แก่บริษัท Jatco Co ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้จัดส่งอะไหล่ให้แก่บริษัทนิสสันฯ รายใหญ่ที่สุดด้วย

แหล่งข่าวรายหนึ่งในบริษัท Nidec Tosok Vietnam กล่าวว่า นายกอส์นได้เข้าพบหารือกับนายกุนิฮิโกะ นิชิฮารา ( Kunihiko Nishihara) ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท Nidec Tosok Vietnam อีกทั้งยังต้องการเรียนรู้จากประสบการณ์ของบริษัทแห่งนี้ในเวียดนามด้วย

บริษัทนิสสันมอเตอร์ได้รับใบอนุญาตการลงทุนในเวียดนามตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว (2539) สำหรับการตั้งโรงงานมูลค่ากว่า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อประกอบรถยนต์ 3,600 คันต่อปี แต่ก็ยังไม่ได้มีการก่อสร้างฐานการผลิตในเวียดนามแต่อย่างใดจนใบอนุญาตได้ถูกเพิกถอนไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมาแล้ว

การเดินทางเยือนเวียดนามของนายกอส์น จึงถูกมองว่าอาจจะเป็นสัญญาณแสดงว่าบริษัทผลิตยานยนต์จากญี่ปุ่นแห่งนี้กำลังมองหาลู่ทางเพื่อกลับไปรื้อฟื้นโครงการในเวียดนามขึ้นอีกครั้ง

จนถึงปัจจุบันนี้ในเวียดนามมีบริษัทผลิตรถยนต์ที่ได้รับอนุญาตเข้าร่วมการลงทุนกับบริษัทเวียดนามจำนวน 17 แห่ง มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามได้มีการลงทุนจริงๆ ไปแล้วเพียง 700 ล้านดอลลาร์

ตลาดรถยนต์ในเวียดนามยังเป็นตลาดที่เล็กมากหากเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศที่มีอยู่กว่า 83 ล้านคน แต่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้งค่ายญี่ปุ่น เกาหลี จีน และ เยอรมนี คือ บริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ ต่างเข้ายึดหัวหาดตั้งศูนย์การประกอบรถที่นั่น เพื่อใช้ประโยชน์ด้านภาษีในการส่งออก

เจ้าหน้าที่เวียดนามกล่าวว่า ราคารถยนต์ในประเทศจะยังคงสูงต่อไป แม้ว่าเวียดนามจะเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) แล้วก็ตาม ตามพันธสัญญาที่คณะเจรจาให้ไว้กับประเทศคู่ค้าต่างๆ นั้นเวียดนามจะปรับการคิดคำนวณอัตราภาษีเฉพาะการนำเข้ารถยนต์แบบสำเร็จรูปหรือ ซีบียู (Completely Built Unit)

ในทางกลับกันผู้ประกอบรถยนต์ในเวียดนามก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการส่งออกรถประกอบสำเร็จ จากประเทศคู่ค้าของเวียดนามเช่นเดียวกัน

ในปัจจุบันเวียดนามคิดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์แบบซีบียู 90% ไม่ว่าจะเป็นรถที่มีความจุของกระบอกสูบขนาดใด แต่ฐานการคิดคำนวณอัตราภาษีนี้จะเปลี่ยนไปหลังเข้าเป็นสมาชิก WTO ซึ่งคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 47-70% ตามขนาดความจุของกระบอกสูบ

ในเวียดนามยังมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับภาษีผู้บริโภคพิเศษอีก 2 ทอด จากทั้งผู้นำเข้าและผู้ประกอบรถยนต์ในประเทศในอัตราที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้รถยนต์นำเข้ามีราคาแพงกว่ารถประกอบในประเทศมาก แต่เมื่อเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกแล้ว เวียดนามจะต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน

ปัจจุบันรถยนต์โตโยต้า เป็นยี่ห้อที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในเวียดนาม ติดตามด้วยรถยนต์ของค่ายฟอร์ดจากสหรัฐ และ รถยนต์ค่ายเกาหลีรถยนต์ ส่วนฮอนด้ามอเตอร์ จำหน่ายรุ่นแอคคอร์ดมานาน และเริ่มทำตลาดรุ่นซีวิค 1.6 ลิตรเมื่อเร็วๆนี้ ยอดขายไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากตั้งราคาสูงมาก

อย่างไรก็ตามราคารถยนต์ญี่ปุ่นที่ผลิตในเวียดนามของทั้งสองค่าย ก็ยังนับว่าแพงมากสำหรับชาวเวียดนามโดยทั่ว แพงกว่าราคาในประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทย 25-30% เมื่อเทียบรุ่นต่อรุ่น.
กำลังโหลดความคิดเห็น