xs
xsm
sm
md
lg

หายป่วยจากโรคเบาหวาน โดยไม่เน้นการใช้ยาและไม่ต้องตัดอวัยวะ!? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



คอลัมน์ : ธรรมชาติบำบัด
ผู้เขียน : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
นิตยสารฟรีก็อบปี้ Good Health & Well-Being ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 12 กุมภาพันธ์ 2560


เมื่อวันอังคารที่ 24 มกราคม 2560 มีแขกพิเศษท่านหนึ่ง ได้มาเยี่ยมที่ แมนเนเจอร์ แลป ที่บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพมหานคร โดยเธอต้องการมาพบเพื่อแจ้งกับเราด้วยความดีใจว่า เธอหายป่วยจากโรคเบาหวานที่เรื้อรังมานาน และไม่สามารถหายเป็นปกติได้ด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่วันนี้เธอหายเป็นปกติแล้วด้วยการปรับพฤติกรรมและการกินอาหารตามที่แนะนำในรายการ "ปฏิวัติสุขภาพกับปานเทพ" ที่ลงในเว็บไซต์ยูทูป ซึ่งได้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม นิวส์ วัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
สิ่งที่เธอได้ทำคือ การดื่มน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น การงดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีโอเมก้า 6 มาผัดทอดทั้งหลาย หยุดข้าวเหนียวและของหวานที่มีดัชนีน้ำตาลสูง ลดเนื้อสัตว์ลงและรับประทานอาหารจากพืชเป็นหลัก

เป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า "หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง" เพราะหมอคนนี้จะอยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมง ขอเพียงมีข้อมูลที่ถูกต้องและมาพร้อมกับจิตใจที่เข้มแข็ง ปรับพฤติกรรมการกินอย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถเอาชนะโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการกินได้ โดยไต้องไปรักษากับหมอที่ไหนเลย

เพื่อเป็นการสรุปรวบยอดสำหรับคนที่ต้องการชนะเบาหวานได้โดยไม่เน้นการใช้ยาดังนี้ และย้ำว่าก่อนจะเริ่มปรับพฤติกรรมนั้น จำเป็นต้องหยุดการใช้อินซูลินเสียก่อน เพื่อป้องกันทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในกระแสเลือดตกจนเสียชีวิตในระหว่างควบคุมอาหาร ดังนี้

1.หยุดน้ำตาลทุกชนิด หมายถึง ของหวานทุกชนิดที่ทำให้เกิดความหวาน แม้จากงานวิจัยก็พบว่าผู้ที่ใช้สารแทนน้ำตาลเป็นประจำก็ยังมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานอยู่ดี จากภาวะโหยแป้งและน้ำตาล หยุดเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลทั้งหมดด้วย

2.หยุดอาหารจำพวกแป้งที่มีดัชนีน้ำตาลสูงๆ ทั้งหมด เช่น ข้าวหอมมะลิขัดขาว ข้าวเหนียว ขนมปัง ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด หรือทางที่ดีให้เลี่ยงอาหารพวกแป้งให้น้อยที่สุด แล้วหันมาเน้นอาหารที่เป็นผักและธัญพืชที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำๆ ให้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ไขมันจากธัญพืชก็มักจะมีไขมันโอเมก้า 6 สูง ทำให้หลอดเลือดอักเสบ จึงควรเสริมด้วยไขมันโอเมก้า 3 เพื่อลดการอักเสบของหลอดเลือดเพิ่มด้วย เช่น งาขี้ม้อน, น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์, เมล็ดเชีย, ผักไวน์ ร็อคเก็ต, ดอกกระหล่ำ ฯลฯ

3.หยุดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีไขมันโอเมก้า 6 สูงๆ มาผัดทอดทั้งหมด เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันรำข้าว ซึ่งนอกจากจะทำให้หลอดเลือกอักเสบจนไขมันไปพอกตามหลอดเลือดแล้ว ยังทำให้น้ำตาลไม่สามารถถูกดูดซึมไปด้วย (น้ำตาลจึงค้างอยู่ตามหลอดเลือดกลายเป็นเบาหวาน)

โดยงานวิจัยในวารสารทางวิทยาศาสตร์ PLoS One เมื่อปี พ.ศ. 2559 ได้เผยแพร่การทดลองในหนูทดลองพบว่า หนูที่กินน้ำตาลฟรุ๊กโตส (น้ำตาลจากผลไม้) มาก ไม่เป็นเบาหวานแต่เป็นไขมันพอกตับ หนูที่กินน้ำมันมะพร้าวมากอย่างเดียวไม่เป็นทั้งเบาหวานและไม่เป็นทั้งไขมันพอกตับ หนูทดลองที่กินน้ำมันมะพร้าวและกินน้ำตาลฟรุ๊คโตสด้วยไม่เป็นเบาหวานแต่ยังคงมีไขมันพอกตับเหมือนกัน แต่หนูที่กินไขมันไม่อิ่มตัวจากน้ำมันถั่วเหลืองเป็นไขมันพอกตับสูงและเมื่อกินน้ำมันฟรุ๊คโตสร่วมด้วยจะเป็นทั้งเบาหวานและไขมันพอกตับ ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะพร้าวมาเป็นพลังงานแทนไขมันชนิดอื่น และเป็นพลังงานแทนน้ำตาลด้วย

4.ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เพื่อทำให้เกิดการใช้พลังงานในร่างกาย เพื่อที่จะได้นำน้ำตาลที่สะสมอยู่ในรูปของไขมันให้ถูกนำมาใช้มากขึ้น ในขณะเดียวกันให้ลดความเครียดซึ่งจะเป็นสาเหตุทำให้น้ำตาลสูงขึ้น ด้วยการฝึกสมาธิ โยคะ ชี่กง ฟังเพลง ร้องเพลง เล่นกีฬา ฯลฯ

5.รับประทานอาหารที่ช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือดได้ ซึ่งนอกจากผักหลากสีแล้ว ยังรวมถึงอาหารบางชนิดที่สามารถหารับประทานได้ตามรอบกายเราทุกวัน ให้เลือกเอา เช่น กระเทียม หอม มะระขี้นก ใบบัวบก ฟีนูกรีค เปลือกฝรั่ง รากบัว เห็ดหลินจือ ทับทิม มะตูม ขมิ้นชัน ผักตำลึง ขิง รากเบอร์ด็อก (โกโบ) ฯลฯ โดยมีข้อแม้ว่าห้ามใส่น้ำตาลผสมร่วมกับอาหารหรือทำเป็นเครื่องดื่มเหล่านี้ (เพราะเดี๋ยวจะผิดวัตถุประสงค์ในการลดน้ำตาลในกระแสเลือดได้

6.ดื่มน้ำในปริมาณให้มากขึ้น เพื่อลดความเข้มข้นของน้ำตาลลงและขับออกจากทางปัสสาวะให้มากขึ้น และจะให้ดีควรเป็นน้ำที่มีค่าความเป็นด่างด้วย

7.สามารถใช้บริการจากคลินิกเพิ่มเติม เพื่อลดปัญหาความหนาตัวจากไขมันหลอดเลือดอันเนื่องมาจากมีโลหะหนักที่เกิดอนุมูลอิสระ เช่น การทำคลีเลชั่นเพื่อลดโลหะหนักตามผนังหลอดเลือด ภายใต้หลักคิดที่ว่า เมื่อโลหะหนักในเลือดลดลง ไขมันตามผนังหลอดเลือดเพื่อหยุดความเป็นพิษจากโลหะหนักก็จะลดลง หลอดเลือดก็จะดูดน้ำตาลไปเลี้ยงเซลล์ได้มากขึ้น จึงช่วยทำให้ปริมาณน้ำตาลในหลอดเลือดลดลง และเป็นผลช่วยทำให้แผลเบาหวานลดลงไปด้วย อันเป็นการแก้ไขปัญหาของหลอดเลือดที่ตรงประเด็นที่สุด

รวมถึงการให้อาหารเสริมที่ มีกรดอัลฟา ไลโปอิก (ALA) ร่วมกับวิตามินที่เหมาะสม จะทำให้การเปลี่ยนน้ำตาลกูลโคสให้กลายเป็นพลังงานเสริมกับการออกฤทธิ์จากอินซูลินที่ผลิตจากตับอ่อน อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในระดับสูงที่จะช่วยทำลายอนุมูลอิสระที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการสลายน้ำตาลกลูโคสภายในเซลล์ จึงมีผลทำให้ลดระดับน้ำตาลและอาการแทรกซ้อนจากเบาหวานได้ด้วย เช่น ปลายประสาทอักเสบ อากาชาปลายมือ-ปลายเท้า ต้อกระจก ฯลฯ


ทำตามข้างต้นอย่างเคร่งครัดและครบถ้วน ก็เชื่อได้ว่าจะได้เห็นน้ำตาลในเลือดลดลงได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
(สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ แมนเนเจอร์ แลป บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-629-4630 ถึง 4 หรือ 096-065-3684 ถึง 5 ทุกวันจันทร์ถึงเสาร์ หรือสนใจติดต่อเอ็มดับบลิวคลินิก ที่ถนนรัชาภิเษก ทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-276-5093 ถึง 4 หรือ 096-081-2533)


กำลังโหลดความคิดเห็น