แนว ดนตรี
ระบบ PS4, Xbox One, Switch
เรตเกม PEGI: 12 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
ครั้งแรกของซีรีส์เกมผจญภัยโลกดิสนีย์ ที่ไม่ได้นำเสนอออกมาในรูปแบบแอ็คชั่นอาร์พีจี เพราะสิ่งที่คุณจะได้รับไปจากเกมนี้คือท่วงทำนองแห่งบทเพลงเก่าๆที่ยังตกค้างอยู่ในความทรงจำ
ต้องบอกว่า Kingdom Hearts ถือเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์เกมที่ขยันปล่อยภาคใหม่ออกมาให้เล่นเยอะมากนับกันไม่หวาดไม่ไหว ตั้งแต่สมัยเครื่องเล่นคอนโซล เพลย์สเตชัน 2 จวบจนถึงปัจจุบัน แม้ตัวเลขห้อยท้ายจะไม่ค่อยขยับขึ้นตามจำนวนสักเท่าไหร่ ซึ่งแต่ละภาคก็จะมีเรื่องราว?และเพลงประกอบเฉพาะตัวต่างกันไป ถ้าคิดจะทำเป็นเกมคอลเลคชันรวมทุกฉากซีนเหตุการณ์ทุกบทเพลงสุดประทับใจให้แฟนๆหายคิดถึง มันก็คงเป็นงานที่ยากลำบากและอาจไม่คุ้มทุนสักเท่าไหร่ ครั้นจะปั๊มแผ่นรวมซาวด์แทร็กขายมันก็ดูธรรมดาเกินไป ดังนั้นจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นใดให้ สแควร์เอนิกส์ นอกเสียจากนำเสนอมันในรูปแบบเกมแนวดนตรี
หากใครเคยเล่นและสัมผัสเกมดังๆอย่าง Guitar Hero หรือ Rock Band มาก่อน คงไม่ต้องเรียนรู้ทำความคุ้นเคยอะไรกับเกมนี้มากนัก เพราะระบบเกมเพลย์แทบจะลอกเลียนแบบคลานตามกันมาเลย จากการบังคับควบคุมที่ให้ผู้เล่นต้องกดปุ่มแอ็คชั่นให้ตรงตามจังหวะตรงคีย์ที่ค่อยๆร่วงหล่นมา อาจมาไว มาช้า มาพร้อม หรืออยู่นานต้องกดปุ่มแช่ค้างสลับกันไป ที่เห็นเด่นโดดแตกต่างออกไปก็คงจะมีเพียงแค่การดึงตัวละครเอกแม่เหล็กจากซีรีส์ คิงดอมฮาร์ต มายืนประจำจุดเส้นเสียงทั้งสาม คอยตีเหล่าสมุนฮาร์ตเลสและเจ้าพวกโนบอดี้ ซึ่งทำหน้าที่แทนตัวโน้ต นั่นเอง
เกมนี้จะมีส่วนที่คล้ายคลึงเกมมือถือเล็กน้อย ตรงที่เราต้องเล่นเคลียร์เงื่อนไขในแต่ละด่าน เช่น ทำสกอร์ให้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด หรือพยายามอย่ากดพลาด เพื่อเก็บสะสมดาวเอาไปปลดล็อคเส้นทางเดินข้างหน้า ปลดล็อคโลกดิสนีย์และแทร็คเพลงใหม่ๆให้ได้เล่นไปต่อเรื่อยๆ ซึ่งเงื่อนไขส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ยากมากมายนัก หากว่าคุณเลือกเล่นมันในระดับ Beginner ที่ศัตรูมักโผล่มาไม่ค่อยถี่ มีเวลาเหลือเฟือที่จะคิดที่จะกดทันให้ติดเพอร์เฟกต์อยู่ตลอด ก็แทบจะรับประกันดาวสามดวงได้เลยในการเล่นเพียงรอบเดียว แต่ถ้าหากใครต้องการความท้าทายจะปรับเลื่อนขึ้นไปเล่นในระดับความยาก Standard หรือระดับโหดสุด Proud ที่ไม่มีเวลาให้คุณหยุดพักหายใจก็ได้ตามความถนัด
ถ้าเป็นเกมแนวดนตรีอื่นๆ เมื่อกดพลาดเรามักจะได้ยินเสียงคีย์ผิดเพี้ยนเหมือนแผ่นตกร่องในบทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ แต่สำหรับเกมนี้มันจะแตกต่างออกไปเพราะยังไงเพลงก็ยังดำเนินต่อไปไม่มีสะดุด แม้เราจะกดผิดติดต่อกันมากแค่ไหนก็ตาม โดยบทลงโทษในเกมนี้ที่ผู้เล่นจะได้รับนอกจากคอมโบสกอร์ที่ถูกรีเซตนับหนึ่งใหม่ นั่นคือเกจหลอดเลือด HP ของตัวละครที่จะถูกหักลบทุกครั้งที่เรากดพลาด และเมื่อใดที่พลังชีวิตลดเหลือศูนย์ ก็จะถือว่าเกมโอเวอร์ต้องเริ่มเล่นเพลงนั้นใหม่ทันที ดังนั้นค่าประสบการณ์ Exp ที่ได้รับมาจึงเป็นสิ่งจำเป็น ยิ่งเราขยันเล่น ตัวละครก็จะยิ่งเลเวลอัพ มีหลอดพลังชีวิตที่ยาวขึ้นอยู่รอดในบทเพลงได้นานขึ้นตาม
ตัวละครที่มาร่วมปรากฏ ก็ล้วนเป็นเหล่าตัวละครหลักชูโรงของซีรีส์ โดยแบ่งออกเป็น 4 ทีม อาทิ ทีมของโซระ, ทีมของร็อกซัส, ทีมของริคคุ และสุดท้ายทีมของอควา ซึ่งถึงแม้ว่าสกิลท่วงท่าเวทย์มนตร์โจมตีจะแตกต่างกันไป แต่การเล่นหลักกดปุ่มตามจังหวะนั้นยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับเหล่าตัวละคร Guest แขกรับเชิญในบางฉากอย่างพวกซิมบ้า-อลาดินก็ไม่ได้ช่วยสร้างสีสันสักเท่าไหร่แค่โผล่มายืนให้ครบทีม และเนื่องด้วยตัวเกมใช้แพลตฟอร์ม Nintendo Switch เป็นตัวตั้งในการพัฒนา ภาพกราฟิกจึงดูค่อนไปทางธรรมดาดาษๆมิอาจสู้บรรดาเกมยุคใหม่ในปัจจุบันได้เลย
สำหรับบทเพลงและฉากซีนทั้งหมด จะถูกรวบรวมขนมาให้เล่นตั้งแต่ภาคแรกต้นฉบับ Kingdom Hearts, Re:Chain of Memories, Kingdom Hearts II, 358/2 Days, Re:Coded, Birth by Sleep, Dream Drop Distance เรื่อยยาวไปจนถึงภาคล่าสุดอย่าง Kingdom Hearts III เรียกได้ว่าเล่นเกมนี้เกมเดียวคุณจะสามารถรับรู้ทุกเรื่องราวความเป็นไปของซีรีส์ในตลอดช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาเลยทีเดียว แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากมีบางฉากบางโลกบางบทเพลงที่หายไป ไม่ปรากฏอยู่ในชุดรวมฮิตนี้ ที่เราพอสังเกตเห็นได้ก็จะมี อาทิเช่น โลกโจรสลัด Pirates of the Caribbean หรือบทเพลงโอเพ่นนิ่งภาคล่าสุด Face My Fears ที่เราพยายามค้นเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
เมื่อไปถึงเนื้อเรื่องช่วงท้ายของแต่ละภาค ผู้เล่นจะได้พบกับฉากดวลสู้กับบอส ที่มีรูปแบบการเล่นต่างออกไปเล็กน้อย เนื่องด้วยตัวโน้ตจะวิ่งมาในแนวนอนพร้อมกับมีคีย์พิเศษที่ต้องอาศัยการดันอนาล็อกทั้งสองข้างขึ้นลงซ้ายขวา แม้จะไม่มีลูกสมุนมาคอยกวนใจให้เสียสมาธิ แต่ยังไงเราก็ต้องพยายามเพ่งสมาธิกดทุกปุ่มให้ตรงตามจังหวะ เพราะว่าการพลาดเพียงปุ่มเดียวต่อหน้าบอสใหญ่จะทำให้เราเสียเลือดเยอะเจ็บหนักยิ่งกว่าด่านปกติ และหากใครยังคิดว่าบทเพลงทุกภาคที่ขนมาให้ยังไม่เยอะจุใจพอ ตัวเกมก็ยังมีโหมด Co-op ช่วยกันกดช่วยกันเคลียร์ และโหมด Versus แข่งขันกลั่นแกล้งกันเอง เสริมทัพมาให้อีกด้วย
"หากวัดกันที่จำนวนเพลง Kingdom Hearts Melody of Memory จัดได้ว่าเป็นเกมที่มีเนื้อหาค่อนข้างยาว กว่าจะเคลียร์จบครบทุกเพลงก็เล่นเอาปาดเหงื่อเลยละ แต่ทว่าบทเพลงเกือบ 90% มักจะเป็นท่วงทำนองดนตรีที่ไม่มีคำร้องเสียส่วนใหญ่ แถมเกมเพลย์เองก็ขาดสีสันความลึกซึ้งไม่มีระบบอะไรแปลกใหม่เพิ่มเติมตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้าย ฉะนั้นการเล่นตะลุยคลังแทร็คไม้ประดับนับร้อยเพียงเพื่อได้ดูฉากสำคัญได้ฟังบทเพลงไพเราะอันน้อยนิดที่นานทีจะโผล่มาสักครั้งนั้น จึงเป็นเรื่องทรมานชวนท้อใจมากทีเดียว"
| เกมการเล่น | 6 |
| กราฟิก | 7 |
| เสียง | 8 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 6 |
| ภาพรวม | 6.8 |
ข้อดี : รวมทุกบทเพลงของซีรีส์ไว้ในเกมเดียว, ได้รำลึกฉากซีนเก่าๆให้หายคิดถึง และเสียงร้องของ "อุทาดะ ฮิคารุ" ที่ฟังกี่ครั้งก็ยังขนลุก
ข้อเสีย : เกมเพลย์กดปุ่มตามจังหวะที่ขาดความลึกไม่มีลูกเล่นอะไรทำให้เบื่อเร็ว, บางบทเพลงก็หายไปแบบไร้เหตุผล (แถมเป็นเพลงหลักซะด้วยสิ), ตัวละครหน้าเปลี่ยนแต่การเล่นยังคงเดิม และอาจไม่ค่อยคุ้มตังค์นักสำหรับแฟนๆที่คาดหวังจะได้เสพเนื้อเรื่องใหม่ๆ
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท สแควร์เอนิกส์
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*
