xs
xsm
sm
md
lg

Review: Gravity Rush 2 อีสาวแรงดูด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แนว แอ็คชั่นผจญภัย
ระบบ PS4
เรตเกม PEGI: 12 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป

การผจญภัยครั้งใหม่ของแม่สาวแรงโน้มถ่วงกับแมวดำปริศนา ที่นับว่าก้าวกระโดดไปไกลจากภาคแรกในทุกแง่มุม ทั้งสีสันภาพกราฟิกสวยสะดุดตา ฉากแผนที่อันกว้างใหญ่ และลูกเล่นใหม่นานาชนิดที่ทำให้ตัวเกมดูสนุกยิ่งกว่าเดิม

แม้จะหยุดยั้งวิกฤตมหันตภัยในภาคแรกเอาไว้ได้สำเร็จ แต่ความเหนื่อยยากลำบากของ "แคท" สาวน้อยผมทองผู้สามารถปรับเปลี่ยนแรงโน้มถ่วงของโลกได้ดั่งใจนึก กับ "ดัสตี้" แมวดำประหลาดที่มาพร้อมกับพลังวิเศษ ก็ยังไม่ถึงคราวสิ้นสุด เมื่อทั้งคู่ถูกพายุลูกใหญ่ขนาดมหึมาดูดพัดพาเข้าไปยังสถานที่ที่พวกเขาไม่รู้จัก ณ แพเหาะลอยฟ้าขนาดยักษ์ของแก๊งค์นักขุดเจาะเหมืองแร่ผู้เมตตาให้ที่พักพิงอาศัย ฉะนั้นแล้วเพื่อแสวงหาหนทางกลับคืนสู่ถิ่นบ้านเกิด พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากใช้พลังที่ตนมีคอยช่วยเหลือเหล่าผู้มีพระคุณ ไปพร้อมๆกับการค้นหาคำตอบไขความลับของเจ้าพายุปริศนา

ซึ่งที่กล่าวมานั้น มันคือเรื่องราวหลักของเกม "Gravity Rush 2" หรือที่ฝั่งญี่ปุ่นเรียกว่า "Gravity Daze 2" ผลงานเกมแนวแอ็คชั่นผจญภัยภาคต่อของบริษัทโซนี่ ที่ทำเอ็กคลูซีฟลงเฉพาะเครื่องเล่นเพลย์สเตชัน 4 หลังจากภาคแรกได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการ ด้วยแนวเกมที่มอบโอกาสให้ผู้เล่นควบคุมเปลี่ยนแปลงแรงโน้มถ่วงได้อย่างอิสระ อยากจะห้อยหัวเอาเท้าติดเพดาน หรือเดินขนานอยู่บนฝาผนังก็ทำได้ ซึ่งในภาคใหม่พื้นฐานกลไกเก่าๆเหล่านั้นยังอยู่ครบถ้วนเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มคือลูกเล่นใหม่ๆที่มาช่วยเติมความสนุกให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ

นอกเหนือจากความสามารถในการเหาะเหินลอยตัวอยู่กลางอากาศ และใช้แรงดึงดูดพุ่งเข้าหาทะยานพาตัวเองไปได้ทุกที่ที่ต้องการแล้ว ในภาคใหม่นี้ยังได้สอดแทรกระบบ "สไตล์" ที่มีมาให้เลือกสลับเปลี่ยนใช้ตามแต่สถานการณ์ 2 รูปแบบ สำหรับสไตล์แรก "ลูนาร์" (ตัวละครเรืองแสงสีฟ้า) นั้นจะทำให้ตัวเอกแคทของเราเบาหวิว สามารถกระโดดได้สูง และมีความปราดเปรียวโจมตีต่อเนื่องรวดเร็วว่องไว ซึ่งเหมาะมากกับการเดินทางสำรวจฉากสภาพแวดล้อม หรือโจมตีศัตรูที่ไม่ชอบอยู่เฉยเป็นเป้านิ่ง ในขณะที่อีกสไตล์ "จูปิเตอร์" (ตัวละครเรืองแสงสีเหลือง) จะตรงข้ามสวนทางกับแบบแรก เพราะมุ่งเน้นไปที่ความหนักหน่วงในการโจมตีชนิดเปรี้ยงเดียวจอด เหมาะมากในการกำจัดศัตรูที่กระจุกอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม หรือทลายเกราะของเหล่าบอสจอมอึด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเชื่องช้าตามสูตร

ศัตรูที่เราต้องมาปะทะประมือสู้รบด้วยในภาคนี้ แลดูค่อนข้างหลายหลากกว่าภาคที่แล้วมากนัก เนื่องจากมันไม่ได้มีเพียงแค่พวก "Nevi" มอนสเตอร์สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายเยลลี่ ที่มีจุดอ่อนวงกลมสีแดงตามเรือนร่างเท่านั้น แต่ยังมีศัตรูประเภทหุ่นยนต์โรบอท รวมไปถึงศัตรูที่เป็นมนุษย์ด้วยกันเอง โดยที่ศัตรูแต่ละแบบก็มีวิธีในการรับมือที่แตกต่างกันไป นับเป็นความท้าทายใหม่ให้ต้องคอยคิดปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของเราอยู่ตลอดเวลา

สำหรับ "เรเว่น" ตัวละครสาวอีกาผมดำแดง ที่เคยเป็นคู่ปรับกันมาในภาคที่แล้ว ภาคนี้บทบาทของเธอจะแปรเปลี่ยนไปจากศัตรูคู่อริมาเป็นพันธมิตรคู่หูที่คอยยื่นมือมาช่วยเหลือตัวเอกบ้างเป็นครั้งคราว แต่น่าเสียดายที่ "เคอิจิโระ โทยาม่า" (Keiichiro Toyama) เกมไดเร็กเตอร์เจ้าเก่าขาประจำ ยังคงยึดมั่นปักหลักในประสบการณ์เกมแบบเล่นคนเดียวเฉกเช่นเดียวกับภาคแรก จึงทำให้แฟนๆที่ใฝ่ฝันอยากชักชวนเพื่อนมาเล่นด้วยกันสองคนในผลงานภาคต่อ ต่างต้องคอตกผิดหวังกันไปตามระเบียบ อย่างไรก็ดี การโยนภาระหน้าที่ในการบังคับควบคุมตัวละครคู่หูสาว "เรเว่น" ไปให้กับ AI สมองกลนั้น มันก็ไม่ได้แย่เลวร้ายซักเท่าไหร่

แม้ไม่สามารถเล่น Co-op หรือออนไลน์สู้รบตบมือกับคนอื่นได้ แต่ตัวเกม "Gravity Rush 2" ก็ยังมอบโอกาสให้ผู้เล่นแต่ละคนได้ปฏิสัมพันธ์มีส่วนร่วม และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของคอมมิวนิตี้ ด้วยเหล่าบรรดาไซด์เควสต์พิเศษ อาทิ ชาเลนจ์กำจัดศัตรูแข่งกับเวลา ที่สกอร์ของเราจะถูกโพสต์ขึ้นโชว์อวดเพื่อนๆ หรือเควสต์รองค้นหาสมบัติลับที่ซ่อนอยู่ ที่เราต้องออกตามล่าหาสมบัติจากปริศนาคำใบ้รูปถ่ายใบเดียวที่ถูกถ่ายจากมุมใดมุมหนึ่ง และเมื่อหาสมบัติพบแล้ว เราก็ต้องมาถ่ายรูปสมบัติเพื่อใช้เป็นคำใบ้ปริศนาให้แก่ผู้เล่นคนอื่นต่อไป ซึ่งทำให้เราได้ออกไอเดียเฟ้นหามุมเหมาะๆในการถ่ายภาพติดสมบัติ หรือว่าจะเลือกกลั่นแกล้งผู้เล่นคนอื่นๆด้วยการถ่ายภาพในมุมอับลับสายตา จนมองไม่เห็นวิวทิวทัศน์ใดๆเลย แต่ทว่าพฤติกรรมเกรียนๆแบบนั้นก็อาจทำให้เราชวดของรางวัลโบนัสจากการช่วยให้คนอื่นหาสมบัติเจอด้วยเช่นกัน

ฉากโลกโอเพ่นเวิลด์ในผลงานภาคต่อนี้ หากวัดกันที่เรื่องของขนาดแล้ว แลดูค่อนข้างใหญ่โตมโหฬารกว่าที่เคยเห็นกันในภาคแรก (ประมาณ 2.5 เท่า) อีกทั้งยังลึกลับทับซ้อนกันหลายชั้น มองเห็นเงาลางๆบนท้องฟ้าไกลๆนึกว่าไม่มีอะไร พอบินสูงขึ้นไปกลับพบผืนแผ่นดินขนาดใหญ่ลอยอยู่ด้านบน หรือลองเสี่ยงทิ้งตัวดิ่งพสุธาลงมาด้านล่างนึกว่าต้องตายแล้ว กลับพบโลกใบใหม่รอให้เราสำรวจ แถมไม่ใช่แค่เรื่องขนาดอย่างเดียวที่ทำเอาทึ่ง เพราะทุกสิ่งอย่างภายในฉากที่ตาเรามองเห็นยังสามารถทำลายลงได้เกือบทั้งหมด ยิ่งมาเปิดศึกระเบิดพลังต่อสู้กันในฉากเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน เต็มไปด้วยเศษข้าวของที่สามารถแตกหักพัดกระจัดกระจายอยู่มากมายด้วยแล้ว จะบังเกิดเป็นภาพที่งดงามตระการตาน่าดูชมเลยทีเดียว

ถึงอะไรต่างๆในการผจญภัยครั้งใหม่ของสาว "แคท" จะถูกยกระดับอัปเกรดไปจากเดิม แต่มันก็มีบางอย่างที่ยังคงหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่พัฒนาไปพร้อมกับส่วนอื่น นั่นคือเรื่องของ "มุมกล้อง" ที่ดูเหมือนจะตามแอ็คชั่นความรวดเร็วของตัวละครไม่ทันเอาเสียเลย ส่งผลให้การล็อคเป้าศัตรูในขณะที่กำลังเคลื่อนไหวเป็นไปด้วยความยากลำบาก โจมตีโดนศัตรูผิดตำแหน่งผิดตัวอยู่บ่อยครั้ง ผนวกกับความแอบจิตของทีมงานที่ชอบซุกซ่อน "อัญมณีสีม่วง" อันจำเป็นต่อการพัฒนาตัวละคร ตามจุดซอกหลืบมุมอับคับแคบของฉาก หากเราหลงบินเข้าไปเก็บความโกลาหลวุ่นวายไม่รู้เหนือใต้ออกตกก็จะบังเกิดขึ้นในทันใด ซึ่งนับว่าเป็นจุดบอดข้อด้อยใหญ่หลวงเพียงอย่างเดียวของเกมนี้ ที่คอยกีดกันมันให้ไกลห่างจากคะแนนเต็มสิบ

หากพูดถึงภาคต่อ คงมีน้อยเกมนักที่จะทำออกมาได้ดีในระดับที่สูงเกินกว่าความคาดหวังของแฟนๆที่เคยสัมผัสกับภาคแรกมาแล้ว ซึ่ง "Gravity Rush 2" มันก็ติดหนึ่งในบรรดาเกมส่วนน้อยเหล่านั้น ที่สามารถทลายกำแพงทะลุเพดานที่ภาคแรกได้เคยทำเอาไว้ และถือเป็นเกมเอ็กคลูซีฟม้ามืดแห่งปี ที่น่าจะคว้าซักถ้วยรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้านไปนอนกอดได้อย่างไม่ต้องสงสัย

เกมการเล่น9
กราฟิก10
เสียง8
ความคิดสร้างสรรค์9
ภาพรวม9


ข้อดี : ฉากโลกกว้างใหญ่ให้สำรวจ, ภาพสวยสดดูมีชีวิตชีวา, แอ็คชั่นต่อเนื่องลื่นไหล, ระบบ "สไตล์" ที่มาช่วยสร้างสีสัน, สภาพแวดล้อมแทบทุกอย่างสามารถทำลายลงได้ และถือเป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดไปไกลจากภาคแรก
ข้อเสีย : มุมกล้องชวนหัวหมุน

Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES)










*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*































กำลังโหลดความคิดเห็น