“พิ้งกี้” เสียงสั่น! หลังไปงานศพ “แตงโม” ไม่ได้ ต้องส่งเพื่อนรักผ่านวิดีโอคอล พร้อมภาพจำเตาเผากำลังปิดลง รับยังทำใจไม่ได้ แต่ทุกคนก็ต้องเข้าใจว่าความสูญเสียสามารถเกิดได้ตลอดเวลา ในส่วนของคดีวอนทุกคนเสพว่าสิ่งไหนจริงหรือสิ่งไหนเท็จ มั่นใจว่าใครทำอะไรไว้ เดี๋ยวเวรกรรมจะตามทันเอง
แม้จะไม่ได้ไปส่งเพื่อนรักด้วยตัวเอง แต่ “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ก็ได้ส่งจิตผ่านวิดีโอคอลขณะที่ทางโบสถ์ทำพิธีส่ง “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” สู่สวรรค์ ยอมรับว่าทำใจไว้แล้วว่าจะต้องมีวันนี้ แต่ถึงยังไงก็ยังคงร้องไห้กับการจากไปของเพื่อนคนนี้ เผยเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมกับสาเหตุการจากไปของ “แตงโม” ทุกคนควรจะพิจารณาว่าอันนี้จริงหรืออันไหนเท็จ เพราะใครทำอะไรไว้เดี่ยวกรรมก็จะตามทันเอง
“คือออกมาจากกองถ่ายไม่ได้เลย เพราะต้องถ่ายทั้งวัน ก็เลยหาวิธีส่งเพื่อนยังไงดี ขณะนั้นคือดูในไลฟ์สด เสมือนว่าเราอยู่ตรงนั้น คือเรารู้สึกเหมือนคนในงานเหมือนกัน ทุกคนในงานก็พยายามโทร.ถามเราว่ามาทันไหม แต่ด้วยความที่ต้องถ่ายทั้งวัน เพราะถ้าไป กองก็ต้องยุบทันที แต่ในขณะเวลานั้นก็ส่งใจไปแล้ว แม้กระทั่งตอนปิดเตาเผา พี่ที่อยู่ตรงนั้นก็วิดีโอคอลมา ให้เห็นตอนที่เตากำลังจะปิด ภาพที่เราเห็นคือเตากำลังปิดและไปแล้ว หลายๆ คนที่ทำใจมาได้แต่ในวันนั้นทุกคนแบบยังคงร้องไห้อยู่ และมีความรู้สึกพลัดพรากไปตลอด
ถามว่าเราทำใจได้หรือยัง เราก็สามารถทำได้ เพราะเราค่อนข้างชินกับการจากลาอยู่แล้ว เราเชื่อมความรู้สึกตลอดเวลาว่าเราอยู่กับความตาย เรายังพูดกับคนรอบข้างว่าทุกขณะจิตกับความรู้สึกว่าพ่อแม่เราเสียชีวิตตลอด เพื่อที่วันหนึ่งเราจะได้ไม่ต้องเสียใจมากและทำใจกับมันได้ วันที่โมเสีย เราก็มีความรู้สึกเหมือนทุกคน แต่วันนี้โมไม่ได้อยู่ที่ไหน เรารับรู้ถึงการจากของร่าง แต่จิตและพลังงานโมยังอยู่ จากกันเพียงแค่ความจากตาย แต่คุณความดียังคงเป็นโม มันยังคงอยู่ เราก็จดจำว่าโมยังอยู่ข้างๆ ตลอด เพียงแต่แค่ไม่มีรูปกายเท่านั้นเอง อาจจะอยู่ข้างๆ เราก็ได้ เพียงแต่ไม่มีโมเป็นรูปร่าง เป็นแค่สิ่งที่รอดไป”
รับเรื่องแตงโมซับซ้อนจนตามไม่ทัน ต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป
“กับเรื่องราวที่เป็นอยู่ตอนนี้คือไม่จบไม่สิ้น ความต่อเนื่องของเรื่องราวมันซับซ้อนเกินไป ยากจะทำความเข้าใจ ต่างฝ่ายต่างเยอะมากเกินไปจริงๆ ตามไม่ทัน บอกเลยว่าเราตามไม่ทัน ความรู้สึก ณ ตอนนี้คือเหมือนประชาชนทุกคน ตี 3 ของวานก่อน สาวิก็ไม่ได้นอน เพราะก็ส่องในทวิตเตอร์เหมือนกัน ทำได้แค่นั้น อัปเดตต่อไป ก็ต้องดูสถานการณ์ต่อไปว่ามันจะเป็นยังไง”
ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับสิ่งนั้น
“กับภาพบางภาพมันไม่เหมาะที่ถูกปล่อยออกมา เราก็ต้องเลือกดู ว่าอันนี้มีมูลขนาดไหนหรือว่าอันนี้หลอก หรืออันนี้มีนัยยะสำคัญแค่ไหน จนกระทั่งคนทั้งประเทศเชื่อ แต่ละอันเราต้องเลือกเสพ บางอันก็เกินจริง บางอันก็เพิ่งเคยเห็น พิสูจน์กันไปตามความเชื่อของทุกคน อันไหนจริงอันไหนหลอกเรา ได้แต่ดูแล้วก็เลือกเสพ สิ่งสำคัญคือโมไม่อยู่แล้ว เรียกกลับมาไม่ได้แล้ว ระหว่างนี้คนที่ยังอยู่จะทำยังไงให้สร้างกรรมดี สร้างแต่สิ่งดีๆ อะไรแบบนี้ต่อไป ใครทำอะไรไว้ เดี๋ยวเขาก็ได้รับสิ่งนั้นกลับไป มันเร็วมาก เราได้เห็นว่าเรื่องนี้มันเหมือนเป็นละครเรื่องนึงที่ได้สอนพวกเราเยอะมาก เราจะได้เห็นความแปลกใหม่ในสิ่งที่เราไม่เคยได้เห็นได้เจอ แต่ไม่ต้องเอ่ยแล้วกัน (โกรธแทนเพื่อนไหม?) ไปโกรธแทนเขาไม่ได้ ก็ดูรายการพี่หนุ่ม (กรรชัย กำเนิดพลอย) ก็รู้สึกเหมือนพี่หนุ่ม ความรู้สึกมันหลอกกันไม่ได้ ความรู้สึกแบบนั้นเลย”
