“หนูเล็ก ก่อนบ่าย” เผยลูกโหยหาเพื่อน สาเหตุตัดสินใจส่งลูกไปโรงเรียน ในสถานการณ์โควิด มั่นใจมาตรการโรงเรียน “น้องวิน” ไม่กลัวแหย่จมูก แถมแหย่ทุกวัน โอดภาษาอังกฤษเป็นปัญหาหลักของตน สอนลูกไม่ได้ เคยไปเรียนแล้ว 2 เดือน แต่ไม่ได้อะไรกลับมา
ตัดสินใจให้ลูกไปโรงเรียน แม้หลายบ้านยังหวั่นๆ กับสถานการณ์โควิด สำหรับ “หนูเล็ก ภัทรวดี ปิ่นทอง” หรือ “หนูเล็ก ก่อนบ่าย” ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าตอนนี้ “น้องวิน” ถ่ายรูปติดบัตรเรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุที่ส่งไปเรียนเพราะมั่นใจมาตรการโรงเรียน อีกทั้งน้องวินไม่กลัวการแหย่จมูก
“น้องถ่ายรูปติดบัตรแล้วค่ะ คุณครูเขาสั่งว่าช่วยถ่ายให้หน่อย โรงเรียนเปิดแล้ว เพราะต้องติดบัตรแล้ว วินคิดถึงการไปอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน เขาพูดตลอดว่าแม่อยากไปโรงเรียน แล้วก็อยากไปเจอทีเชอร์ พอไปวันแรกกลับมาบอกว่า แม่ครับวินอยากให้แม่ไปสอน เราก็อ้าว ทำไมลูก ไม่ชอบคุณครูเหรอ แต่ว่าเด็กพูดไปเรื่อย แล้วพอสักพักเขาบอกว่า ไม่ชอบแม่อยากให้พ่อไปสอนแล้ว ก็เลยรู้ว่าวินพูดไปเรื่อย แต่เขาไม่ถึงกับไม่เอาเราเลย เหมือนกับว่าอยากไปโรงเรียนมากนะ แต่พอแม่ไปรับก็รีบมาหาแม่ เราก็เลยรู้สึกว่าโอเคถ้าเป็นอย่างนี้ลูกยังโอเคอยู่ แต่ถ้าหากว่าเมื่อไหร่ที่พอไปโรงเรียนปุ๊บแล้วไม่อยากกลับบ้าน อันนั้นแม่อันตรายแล้วแม่ต้องทำตัวเองใหม่แล้ว”
ตัดสินใจพาลูกไปโรงเรียน ทั้งที่คุณแม่บางคนยังกล้าๆ กลัวๆ
“จริงๆ แล้วเขาให้ไปตั้งนานแล้ว แต่เรายังไม่กล้าให้ไปเพราะเรากลัว จริงๆ คือป้องกันยังไงมันก็เสี่ยงไปหมด พอมันถึงเวลาจริงๆ ที่เขาถึงเวลาเปิดกันหมดก็ต้องดูว่าระบบของโรงเรียนว่าเป็นยังไง ซึ่งที่นี่ตรวจทั้งพ่อตรวจทั้งแม่ ทุกคนที่จะมาส่งลูกต้องตรวจก่อนแล้วส่งผลก่อน แล้วลูกเองพอไปถึงโรงเรียนปุ๊บก็ตรวจแหย่จมูกแล้วก็จะส่งผลมาให้ผู้ปกครองทุกเช้า เราก็เลยรู้สึกว่าโอเค ซึ่งต้องตรวจทุกวันเลย จนตอนนี้รู้สึกมั่นใจค่ะว่าโอเค ปลอดภัยแล้ว แล้วก็ในโรงเรียนวินมีเด็กน้อยด้วยไม่ได้เด็กเยอะค่ะ”
น้องวินไม่กลัวแหย่จมูก
“เรายังกลัวเลย แหย่เองยังกลัว แต่ว่าเมื่อคืนลองแล้วมันก็สนุกดีนะ ลูกไม่ร้อง วินไม่เคยร้องค่ะ คือเหมือนตอนแรกร้องแต่พอหลังๆ ก็ไม่ร้องแล้ว ชินแล้ว เรายังไม่ได้ทำมันน่ากลัวมากเลยนะ ถ้าเป็นคนที่กลัวแต่พอทำแล้วมันก็ไม่ได้อะไรมาก ยิ่งเราทำเองเรายิ่งรู้สึกเลยว่าเราแหย่ไปลึกขนาดไหนแล้วลึกพอหรือยัง เราจะแหย่ได้อีก นี่แหย่เกือบทะลุท้ายทอยนะ (หัวเราะ)
ถ้าถามความกังวลไม่มีความลดเลยค่ะ ก็ยังกังวลอยู่ตลอดเวลาแล้วก็กลัวกลัวมากๆ ค่ะว่าเราเจอคนรอบข้างที่เป็นแล้วเขามีอาการยังไงเรารับรู้มาตลอดเรายิ่งกลัวเลยค่ะ (แต่ก็เลือกที่จะให้ลูกไปโรงเรียนมากกว่าที่จะเก็บตัวอยู่ที่บ้าน?) คือถ้าเราดูแล้วโรงเรียนไม่ปลอดภัยหรือว่าเราไม่มั่นใจเราก็อยู่บ้านได้แต่อย่างเราคือเด็กน้อยโรงเรียนปลอดภัยมากแล้วก็มั่นใจในการตรวจของเขา ตอนนี้น้องวิน 2 ขวบ 7 เดือนค่ะอยู่แค่เตรียมอนุบาล”
ลูกมีพัฒนาการที่ดี ว้าวกับสิ่งที่คิด ต้องระวังคำพูดไม่ดี
“พัฒนาการของวินเราเห็นมาตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะเขาพูดเยอะมากเขาพูดรู้เรื่องมากแล้วก็เหมือนมันเป็นช่วงเป็นทุกวัยเป็นทุกเด็ก ช่วงที่เขาจะพูดอะไรต่างๆ ออกมาแล้วมันทำให้แม่ว้าวเหมือนเขาจะพูด วินต้องกินข้าวนะ เขาบอกทำไมวินต้องกินข้าว อ้าวแล้วทำไมวินถึงไม่กินข้าว ก็วินกินนมก็ได้ถ้าวินไม่กินนมวินกินขนมก็ได้ คือพูดเหมือนผู้ใหญ่มากซึ่งพอหนูถามลูกผู้กำกับ ลูกผู้กำกับก็เป็น แสดงว่าเด็กช่วงนี้ก็จะเป็นแนวนี้หมด เขาจะมีพัฒนาการที่ดีมากค่ะ เขาอยู่ในช่วงจดจำ เราจะระวังเรื่องคำพูดของเรามาก แล้วก็ระวังเรื่องความคิด คำพูด จิตสำนึก คือเด็กจะจำแม้กระทั่งจิตสำนึกของผู้ปกครองของพ่อของแม่เลย
ถ้าเกิดว่าเหมือนสมมติขับรถแล้วหงุดหงิด อย่าหงุดหงิดเพราะลูกจะจำ จำเลยคือได้เลยแม้แต่พูดคำอุทานภาษาใต้ก็จะเย็-พรอม วินก็ได้เลยพอเวลาโมโหก็จะเย็-พรอม วินไม่ได้ลูกอันนี้ไม่ได้มันเป็นคำอุทานแต่ว่ามันไม่ได้สำหรับเด็กแล้วก็ไม่ได้สำหรับผู้ใหญ่ด้วยแม่ขอโทษนะที่แม่พูดเขาบอก โอเคครับ ส่วนเรื่องดื้อเรื่องซน เขาไม่มีเลย”
บอกขำๆ เพื่อนบ้านหน่าย วิ่งวุ่นปรึกษาเรื่องลูกเรียนภาษาอังกฤษ
“เรื่องภาษาก็ดีมากค่ะ ดีกว่าแม่เยอะมาก เหมือนเวลาพูดอะไรแล้วแม่พูดผิดเขาก็จะท้วงไม่ใช่มันไม่ใช่ เขามีสำเนียงของเขาเยอะมาก คือเหมือนลูกได้สอนภาษาเราด้วย ส่วนเพื่อนบ้าน ถ้าเรื่องเพื่อนบ้านคือเรื่องนั้นเขามาอยู่ข้างบ้านเราเอง เราไม่ได้ไปบังคับเขา พี่นุ้ย (ดีเจนุ้ย) เขามาอยู่ข้างบ้านเราเอง แล้วเวลาโรงเรียนเขาส่งอะไรมามันเป็น 10 หน้าภาษาอังกฤษใครจะไปอ่านออก เราก็ต้องปรึกษาเขาเพราะเขาจบปริญญาโท เราต้องปรึกษาเขาซึ่งเขาก็เต็มใจถ้าดูในคลิป ก็ปรึกษาตลอดเพราะว่าเราไม่รู้จะปรึกษาใคร จะไปปรึกษาครูบางทีก็เกรงใจเขาจะไปปรึกษาคนอื่นจะไปปรึกษาดีเจนุ้ยก็เกรงใจ ก็คือปรึกษาทุกคนนะ พี่คะมันอ่านว่าอะไร บางทีเกรงใจแล้วถ้าถามว่าทำไมไม่เปิดในกูเกิ้ล ถ้าเล็กๆ น้อยๆ เปิดได้ ถ้าเยอะๆ เรารู้จักคนที่พูดได้แล้วมันเสียเวลาส่งไปทีเดียวจบให้เป็นภาระของเขาไป ตอนนี้รอบบ้านก็คือจะเริ่มหน่ายกับเราแล้วแต่ทุกคนน่ารักค่ะ”
โอดไปเรียนภาษาอังกฤษกับลูก 2 เดือนเต็มๆ แต่ไม่ได้อะไรมาเลย
“คือจริงๆ เราไปเรียนกับวิน 2 เดือนเต็ม ไม่ได้อะไรมาเลยก็เลยรู้สึกว่าโอเคเราไม่ควรที่จะไปเสียตังค์ในการเรียน วิธีแก้สำเนียงเราไม่เหมือนกับลูก ก็คือแก้ปัญหาด้วยการไม่พูดภาษาอังกฤษกับลูกค่ะ เพราะว่าเราพูดไม่ได้อยู่แล้ว แล้วก็ไม่ต้องพยายาม ปรึกษาโรงเรียน ปรึกษาผอ. ผู้บริหารบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องพูดกับลูกเราไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษได้ก็ได้ ลูกก็จะเรียนรู้ของเขาเองมาบ้านก็คือพูดไทยไปโรงเรียนก็พูดภาษาอังกฤษ”