xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนชีวิต “ฟิล์ม” ผีพนันเข้าสิง รับยังเล่นบ้างแต่มีสติ เผชิญวิกฤตโควิดปิด 5 กิจการสูญเงิน 20 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ฟิล์ม รัฐภูมิ” โชว์ฝีมือเป็นผกก.โฆษณา บอกทำหลายอย่างเพราะเป็นคนชอบคิด บวกทีมงานเก่งเลยจัดสรรเวลาได้ ธุรกิจในมือเยอะ แต่ก็ปิดไปเยอะเหมือนกัน ชีวิตไม่ล้มเพราะมีแผนสำรองตลอด จับมือ “บาส-บอล บางแก้ว” เปิดหอพักหรูให้เช่าราคาถูก เล่าอดีตเคยติดพนันหนักจนหมดตูด สมัยไปเรียนที่อังกฤษ

เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิง ที่มีหลายบทบาทมากในชีวิต สำหรับหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เพราะนอกจากจะเป็นนักร้องนักแสดง ที่มาลงเล่นการเมืองแล้ว ยังเป็นคนทำงานเบื้องหลังอีกต่างหาก แถมยังเป็นถึงระดับผู้กำกับงานโปรดักชั่น วันนี้มีโอกาสได้เจอหนุ่มฟิล์ม ที่มาทำงานในฐานะผู้กำกับโฆษณาสินค้าแบรนด์ดัง ผ้าอ้อมเด็ก มีมี่ ปาป๊า mimi papa ก็เลยขอถามถึงความสามารถในเรื่องนี้สักหน่อย พร้อมกับเรื่องที่เจ้าตัวเปิดหอพักสุดหรู ให้เช่าในราคาถูก และเรื่องเคยติดพนันงอมแงมสมัยเรียนอยู่อังกฤษด้วย

จริงๆ ผมก็มีบริษัทโปรดักชั่นเปิดมา 10 ปีแล้ว ผลิตทั้งหนัง ละคร โฆษณา สื่อ พรีเซนต์ต่างๆ หลากหลายบริษัท ส่วนบริษัทหลักๆ สติ๊กเกอร์ดาราเกือบทั้งวงการบันเทิงก็มาจากบริษัทผมเกือบทั้งหมด บริษัทอยู่เบื้องหลังมาเยอะมาก แล้วก็แบรนด์ดังๆ หลายบริษัทครับ แต่ผมไม่ค่อยเปิดตัวมาก เพราะว่าเราก็มีหลากหลายหน้าที่ที่มุ่งเน้น

บางทีก็ไม่อยากเน้นว่าเราอยู่เบื้องหลัง บางทีก็อยู่การเมืองก่อน หรือเบื้องหน้าก่อน มันหลากหลายบทบาทเยอะมากครับ จนตัวเองก็ไม่รู้จะเล่าอะไรก่อนเหมือนกัน แต่อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ชอบครับ อย่างละครของอาร์เอสเราก็จัดอยู่ตลอดเวลา เพราะได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่อยู่ตลอดเวลา “

งานโฆษณาวันนี้ ก็ไม่ใช่การเป็นผู้กำกับครั้งแรก
“เยอะมากแล้วครับ (เราเป็นผู้กำกับเอง?) ส่วนใหญ่ครับ เราทำหลายอย่าง เป็นคนชอบดีไซน์ครับ ชอบคิด ชอบครีเอต บวกกับว่าทีมงานเก่งด้วย ทีมงานผมชอบคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่เด็กๆ เป็นน้องๆ นานาชาติทั้งนั้น เขาจะเปิดโลกที่ใหญ่กว่าเรา เขาจะดูโลกกว้างกว่าเรา เอาไอเดียมาแชร์กัน ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าผมก็เป็นต่างชาติเยอะมาก เกือบทั้งหมด เราก็ช่วยคิดคอนเซ็ปต์ช่วยเขา”

ชื่อของ ฟิล์ม รัฐภูมิ ทำให้คนไว้วางใจ
“ส่วนหนึ่งเลยครับ ต้องยอมรับ อย่างลูกค้าจีนมาเจอเรา เขาก็คิดว่าคงทำได้แน่นอน เพราะว่าเราอยู่วงการมานาน ชื่อของฟิล์ม รัฐภูมิ ยังได้อยู่ครับ ขายงานได้อยู่ เราไปเองทุกงานครับ เพราะซีเรียสทุกงาน ลูกค้าจ่ายเงินมาหลายสิบล้าน”

โชคดีมีทีมงานดี รู้หน้าที่ เลยแบ่งเวลาชีวิตได้
“ผมโชคดีที่ได้ทีมงานที่ดี ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง แต่ผมจะอยู่ฐานของที่ปรึกษา วันๆ ก็คิดแล้วก็โยนงานให้ทุกๆ บริษัท ก็เลยสามารถแยกร่างแล้วก็ทำได้ เราไม่ต้องไปเองทุกงาน”

มีธุรกิจในมือมีเยอะ แต่ไปไม่รอดก็เยอะเหมือนกัน
“ที่รอดดีกว่า เพราะไม่รอดก็เยอะ ไม่ใช่ว่าผมทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ อย่างโควิด ไลน์อาหารตอนแรกก็ประสบความสำเร็จดีอยู่ พอเจอโควิดก็ไปเหมือนกัน ร้านกาแฟก็ปิดไปแล้ว ก๋วยเตี๋ยว ชาบู หมูกระทะ ร้านมินิมาร์ทปิดหมดเลย เพราะประคองค่าเช่าไม่ไหวจริงๆ เกือบ 2 ปีแล้วที่แบกค่าเช่ามาทุกสาขา ปากกาที่ขายเซเว่นก็หยุดเหมือนกันครับ

โปรดักชั่นยังทำได้อยู่ในยุคโควิด แล้วก็มีออนไลน์มาร์เก็ตติ้งก็ยังไปได้อยู่ แล้วก็นำเข้าของจากประเทศจีน เช่น หน้ากาก เจล แอลกอฮอล์ รวมถึงมีบริษัทเกี่ยวกับสกินแคร์ ความงาม ก็ยังทำได้อยู่ แต่ทัวร์ก็หยุดหมด สเก็ตบอร์ดก็หยุด เพราะตอนนั้นจะนำเข้ามาแล้วเกิดระลอก 3”

ในวันที่ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ ก็ไม่ทำให้ดาวน์ เพราะมีแผนสำรองเยอะ
“ไม่ดาวน์นะ เพราะเรามีแผนสำรองเยอะครับ อะไรที่ไม่สำเร็จ ก็ยังมีตัวที่สำเร็จอยู่ ซึ่งก็ยังเยอะอยู่

หมดไปหลักสิบล้าน กับธุรกิจที่ไม่สมหวัง
“เยอะมากครับ แค่ร้านอาหารแต่ละร้านก็เกิน 2 ล้านแล้ว รวมๆ แล้วตัวเลขก็ประมาณสิบล้าน เพราะบางร้านก็ได้กำไรอยู่บ้าง “

ธุรกิจที่เหลืออยู่ ยังประคองได้สบาย
สบายครับ เพราะที่เหลืออยู่คือออนไลน์ ทุกคนเปลี่ยนแพลตฟอร์มมาเล่นออนไลน์กันหมด แล้วโปรดักชั่นก็รอดแน่นอน เพราะจะเกิดอะไรก็ตามคนต้องการการพรีเซนต์ แล้วตอนนี้ก็กำลังขยายธุรกิจส่งหนังส่งละครไปประเทศจีนอีก เราเป็นบริษัทผลิตคอนเทนต์ มันยังรอดอยู่”

เปลี่ยนวิถีการทำงาน เป็นจ้างเอาต์ซอร์ส ตั้งแต่ก่อนมีโควิด เลยไม่มีปัญหาเรื่องโปรดักชั่นการถ่ายทำ
“ของเราจ้างเอาต์ซอร์ส (Outsource) หมดเลย ผมเปลี่ยนแพลตฟอร์มมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 แล้ว เพราะผมรู้อนาคตใครที่แบกพนักงานไว้เยอะ เจ็บตัวแน่นอน เรามองโลกแล้วก็คาดการณ์ไว้ก่อน”

ทำหอพักหรู ราคาถูก ให้นักศึกษาเช่า เพราะไม่ได้ลำบากอะไรกับพื้นที่ตรงนั้น เลยอยากช่วยกันมากกว่า
“มันเป็นโครงการที่เราจะทำธุรกิจด้วยกันกับ บาส-บอล บางแก้ว อยู่แล้ว ซึ่ง 2 คนนี้ก็แนวเดียวกับเรา คือเคยลำบากมาก่อน ก็มองว่าโควิด-19 พอดี จะไปเก็บแพงๆ ทำไม ในเมื่อพื้นที่ที่เราได้มา เราไม่ได้เสียตังค์ เราไม่ได้กู้ใครมา พอทำเสร็จแล้วก็เลยให้เขาอยู่ถูกๆ ไปก่อน เพราะว่าเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน แล้วมันก็ไม่ได้ลำบากเรา ซึ่งแป๊บเดียวก็เต็มเลย ขอบคุณทุกคนมากๆ บาส - บอล ก็ฝากขอบคุณมาด้วย พวกเขาก็ดีใจ”

มีแพลนเปิดอีกหลายโครงการ ที่ไหนเสร็จก็เปิดก่อน ถือคติ ผู้เช่าไม่เจ็บ เราไม่เจ็บ
“มีอีกหลายโครงการ ประมาณ 3-4 ที่ แต่ที่ไหนเสร็จก่อนก็จะเปิด แต่ต้องดูว่าแต่ละที่ค่าสร้างเท่าไหร่ ไม่ใช่แต่ละที่จะราคาถูกขนาดนั้น แต่คอนเซ็ปต์ของพวกผมคือถูกกว่าที่อื่น เพราะต้องการช่วยสังคม ไม่ได้ต้องการผลกำไร พอดีที่แรกได้ราคาถูกจริงๆ เราเอาตึกมีอยู่แล้วมาบิวต์ไม่ได้สร้างใหม่ เราต้องดูเหตุและผลด้วย เอาเป็นว่าผู้เช่าไม่เจ็บ เราไม่เจ็บ เราไม่ได้เจาะจงนักศึกษาอย่างเดียว พอดีตรงนั้นอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยพอดี กลุ่มแรงงานก็มีสิทธิ์”

เปิดใจเล่าชีวิตเคยติดพนันหนักมาก สมัยเรียนที่อังกฤษ ในรายการ Club Friday Show
“ใช่ครับ ตั้งแต่สมัยเรียนที่อังกฤษ แต่ตอนนั้นก็เข้าวงการแล้ว คือไปเรียนมันก็ไม่มีอะไรทำ มันว่าง เรียนอย่างเดียว แล้วพอดีว่าต่างประเทศ คาสิโนมันอยู่ทุกจุด เรียนเสร็จไม่มีอะไรทำ แล้วเด็กไม่เคยอยู่เมืองนอก มันก็เดินเข้าไป พอเล่นแล้วก็รู้สึกมันส์ สนุก แล้วก็ติดเลย พอติดก็มีได้มีเสีย แต่ว่ามันมาตื่นเพราะเราเสียเยอะเกินไป เป็นหลักล้าน

เสียหลักล้านนี่วันเดียวก็หมดแล้วครับ ช่วงนั้นเข้าถี่ยิบเลย ถี่ยิ่งกว่าเรียนอีก คือมันสะดวกสบายในการเดินทาง มันอยากจะเข้าก็เข้าได้เลย เพราะโรงเรียน แล้วก็บ่อน แล้วก็บ้าน มันอยู่ระหว่างทาง เราก็เบื่อๆ ไม่ได้ทำ เรียนเสร็จก็ไปแวะเล่นหน่อย แล้วมันสนุก พอมันได้มันก็เหลิง แต่พอมันเสียหน้ามืด พอหน้ามืดก็อยากได้คืน พออยากได้คืนก็เล่นไปเรื่อยๆ จนมันเสีย พอเสียไปเยอะเราก็รู้สึกว่า ทำอะไรอยู่วะเนี่ย มันไม่มีเงินจะเล่นแล้ว ก็เดินดาวน์ๆ กลับบ้านแล้วก็แบบ อะไรวะ ทำไมชีวิตเป็นอย่างนี้ มันก็แย่ เสียไปมากสุดคือ 1 ล้านบาท ผมก็เลยตื่นไง ไม่ไหวแล้ว กลัว”

แม่ไม่รู้ว่าติดพนัน ถ้ารู้คงโดนเละ
“แม่อยู่กับผมตลอด แม่ก็อยู่ที่นั่นด้วย แต่แม่ไม่รู้ว่าผมเล่น แต่แม่นอนอยู่กับผมตลอด เพราะอยู่บ้านเดียวกันที่อังกฤษ แม่ไม่รู้ ถ้ารู้ก็โดนสิครับ รู้ก็เละเลย ใช้เวลาแบบนั้นกี่เดือนจำไม่ได้ แต่อยู่เป็นเดือน ผมก็แวะอยู่อย่างนั้น แต่เสียหนักสุดจนเบลอ จนหมดตัว หมดเงินเก็บ เราเตรียมเงินเก็บเราไป

เมื่อก่อนมันเป็นเงินสด มันไม่ได้โอน เราเตรียมเงินสดเราไป ก็โอเคเราอยู่ประมาณนี้ ประมาณ 2 ปีถึงแน่นอน เพราะว่าเราก็ทำงานด้วยอะไรด้วย แล้วเราก็อยู่กับแม่ แล้วก็ทีมงาน มีไปถ่ายรายการถ่ายอะไรกัน แต่อยู่ได้ประมาณไม่กี่เดือน ก็หมดหมดเลย เพราะว่าติดการพนันก่อน แต่ตอนหลังก็มาตื่นได้ งงกับตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมความเพลิน ความสนุกมันเป็นแบบนี้วะ”

ยกเรื่องนี้เป็นบทเรียนสอนตัวเอง แต่ตอนนี้ก็ยังเล่นบ้าง แต่เล่นแบบมีสติ
“สอนเลย ก็กลัวไปเลย (ไม่ไปเล่นอีกเลย?) เล่นดิ แต่ว่าไม่บ้า เล่นสนุกๆ มากกว่า มันก็มีบ้าง แต่ก็คงแบบว่าไม่ใช่บ้าเลือดแบบเมื่อก่อน เมื่อก่อนก็คึกคะนองด้วย”

เล่าให้แม่รู้ตอนกลับมาไทยแล้ว รอดมาได้เพราะให้พี่ชายเอารถไปขาย แล้วส่งเงินมาให้
“หลังๆ แล้ว กลับมาเมืองไทยแล้ว ตอนนั้นแม่ไม่รู้ ผมโทร.บอกให้พี่ชายเอารถไปขาย แล้วก็ส่งเงินไปให้ เมื่อก่อนมันลำบากต้องส่งเงินส่งอะไร รถคันนั้นก็คือขายเลย เพราะมันไม่มีตังค์แล้ว มันหมดตูดเลยตั้งแต่แรก แม่ก็ไม่งงที่ผมขาย เพราะผมขายรถเข้าออกอยู่แล้ว

แต่ผมก็บอกเขา พอบอกเขาเขาก็เสียใจ เขาก็สอนเราว่าไม่น่าไปเล่นเลย เราก็รู้สึกผิดนะ ก็ไม่กลับไปจุดนั้น แล้วก็เอามาเล่าเตือนน้องๆ ทุกคน พอดีรายการเขาถามเรื่องการอยู่ต่างประเทศพอดี ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเล่าให้ใครฟังหรอก แต่ผมก็จะบอกทุกคน ว่าเล่นมันต้องมีลิมิตนะ เล่นได้ไม่ผิด มันไม่ใช่เรื่องผิด แต่จะต้องเตือนตัวเอง ไม่ให้ผีมันสิง”

ไม่รู้คนที่หยุดเล่นไม่ได้ เกิดจากอะไร เพราะไม่เคยอยู่จุดนั้น แต่ส่วนตัวเสียขนาดนั้นมันต้องหยุดแล้ว เพราะไม่มีจะกิน
“ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่าคนที่หยุดไม่ได้ มันเกิดจากอะไร แต่ตัวผมเอง เสียขนาดนั้น มันก็ต้องหยุดไหม มันไม่มีจะกินแล้ว คนที่หยุดไม่ได้ ผมก็ไม่เข้าใจ เพราะผมไม่เคยไปอยู่จุดนั้น เราก็ไม่ว่าใคร เพราะเราไม่เคยไปอยู่จุดเขา เราก็ไม่ควรไปสันนิษฐาน แต่จุดที่ผมอยู่ ผมว่ามันก็แย่และดาวน์มาก มันก็สั่งสองตัวเองพอแล้ว”

มองการพนันเป็นเรื่องปกติ สังคมที่เจริญแล้วเขาก็มี อยู่ที่ตัวเอง อย่าไปหลงระเริงกับมัน
“ผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกตินะ สังคมเจริญแล้วมีหมด แต่ผมแค่มองว่า มันอยู่ที่ตัวคุณ คือแข็งพอไหม จิตใจแน่วแน่ไหม ไม่ใช่ไปหลงระเริงกับมัน ไม่มีใครรวยหรอกพูดเลย มีแต่ความสนุก”

ตอนนั้นเครียดจริง เดินเอ๋อไปเลย แต่ไม่เคยคิดสั้น และไม่คิดกลับไทยเพราะมันยังกลับไม่ได้
“ไม่ถึงขนาดนั้นๆ แต่เครียด เดินเบลอเลย ช็อตไปเลย ว่าตัวเองเป็นใคร เอาง่ายๆ เลยคือเอ๋อเลย งงเลย เข้าไปแล้วเงินหายไปไหนหมดวะเนี่ย แล้วจะกินใช้ยังไงต่อ โทร.เลยว่าโอนตังค์มาดิ๊ เอารถไปขาย แบบบ้าไปเลย ไม่คิดกลับไทย เพราะมันกลับไม่ได้ กลับยังไงมันเรียนอยู่ กลับก็กลับไม่ได้ แล้วคือกลับมาก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี เพราะถูกลงโทษพักงาน 2 ปีตอนนั้น กลับมาก็ไม่รู้ทำอะไร ก็เลยเอ๋อๆ งงๆ กับชีวิตอยู่เหมือนกันตอนนั้น”

ตัดสินใจเล่าในรายการเพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์
“คือรายการเขาถามพอดี มาอะไรจะเล่าไหม ผมก็เลยคิดว่าเรื่องนี้น่าจะสอนเด็กๆ สอนคนที่เขาอยู่ต่างประเทศได้ดี ผมก็ไม่ได้เล่าในเชิงทุกข์ แต่ในวันนั้น ถ้าเป็นผมทุกข์ ทุกข์มากแต่ผ่านมาแล้ว ก็เลยเล่าเป็นสนุกๆ ไป เป็นอุทาหรณ์ไป”

ชีวิตตอนนี้เป็นนักแสดง เป็นนักการเมือง เป็นผู้กำกับ ความเป็นเรามันมีได้หลายบทบาท
“คือผมก็เป็นผมนะครับ ผมก็ทำงาน แล้วก็มาจุดยืนของตัวเอง ซึ่งความเป็นเรา ผมมองว่ามันมีหลายบทบาท หลายหน้าที่ได้ แล้วแต่ความสามารถของคนดีกว่า ตัวผมเองมาเส้นทางการเมืองเป็นหลัก เพราะว่าผมชอบ แล้วก็รู้สึกว่าความรู้หรือประสบการณ์ที่มี มันน่าจะเอามาช่วยพัฒนาในเรื่องบางเรื่องได้

เช่นเรื่องอีคอมเมิร์ซ เรื่องไอที หรือว่าเรื่องซิสเต็มส์ต่างๆ คือผมถนัดมาก แล้วผมก็ทำเรื่องนี้มาตลอด แล้วผมก็เป็นคนเดียวเลย ที่โดนกฎหมายเรื่องนี้ ทั้งเรื่องจับไม่จับ ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมโดนมาหลายเรื่อง ผมก็เลยค่อนข้างมีประสบการณ์ เลยรู้สึกว่า อยากจะเอาความรู้มาพัฒนาประเทศ ให้ประเทศเรามันเจริญขึ้น เรื่องของใบอนุญาต เรื่องของระบบต่างๆ ให้ดีขึ้น

แต่เรื่องต่อมา เวลาผมว่าง ผมก็รับงานในวงการบันเทิงอยู่แล้ว ผมโตมาจากตรงนี้ ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะตรงนี้ ผมก็เลยอยากจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด คือถ้าผมว่าง ผมก็กลับมาทำ ในเบื้องหน้า ร้องเพลง แสดง

แต่ในพาร์ตทธุรกิจเนี่ย อันนี้คือสายเลือดอยู่แล้ว ทำธุรกิจมาตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงใหม่ๆ อยู่กับมันมานาน แล้วผมก็เป็นคนที่แบบ คิดโปรเจ็กต์ คิดอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลาอยู่แล้ว อันนี้คือตัวของผมเลย เพราะผมคิดว่าไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกใบนี้
แม้แต่เราอยู่เบื้องหน้าในวงการ ก็ไม่มีความแน่นอน ผมเจอความไม่แน่นอนในชีวิตมาเยอะ ผมก็เลยต้องมีแผนสำรองในความไม่แน่นอน อยู่ในชีวิตผมตลอดเวลา ผมถึงจะมั่นคง แล้วทุกวันนี้มันก็พิสูจน์ให้เห็น ไม่ว่าผมจะเจอกี่วิกฤต กี่โรคภัยไข้เจ็บ หรือภัยธรรมชาติต่างๆ ผมก็เลี้ยงครอบครัวผมได้

แล้วส่วนใหญ่ผมก็จะออกมาเป็นข่าวตลอดเวลา ในเวลามีปัญหาธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บหรืออะไรอย่างนี้ เพราะกลุ่มธุรกิจที่ผมทำ ผมทำเผื่ออนาคตไว้ตลอด ผมมีบริษัททำอีคอมเมิร์ซเจ้าแรก ที่ทั้งโดนจับ ทั้งประสบความสำเร็จ

ผมเอาหน้ากากเข้ามาคนแรก ทั้งที่ทุกคนก็ไม่รู้ว่าโควิดจะมา แต่ผมคาดคะเนว่ามันจะมา จากประสบการณ์ผม แล้วผมก็เป็นคนทำเรื่องของอีคอมเมิร์ซ มันก็จะอยู่ในละแวกนี้ เพราะว่าเราไม่ประมาท เรารองรับตลอด แล้วเราก็ไม่นอนรออะไรครับ”







กำลังโหลดความคิดเห็น