เมินดรามา “น้ำหวาน-นาวิน ต้าร์” เดินหน้าแจกนมจากเต้าฟรี ฝ่ายชายหยอดเสียงเมียปัั้มนมก่อนนอนไพเราะที่สุด

“นาวิน ต้าร์-น้ำหวาน” เมินดรามา เดินหน้าแจกนมฟรี การันตีเรื่องความปลอดภัย บอก 1 เปอร์เซ็นต์ที่ติมักไม่ได้เป็นคุณแม่ ฝ่ายชายเผยเสียงปั้มนมไพเราะขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ยินเมียปั้มนมกล่อม ไม่ได้ยินจะนอนไม่หลับ

แม้จะมีกระแสดรามา ถูกหมอออกมาวิจารณ์แรง กรณีที่ “นาวิน ต้าร์” นาวิน เยาวพลกุล และ “น้ำหวาน พัสวี พยัคฆ์บุตร” ภรรยา ผุดโครงการนมจากเต้า เราให้ฟรี แต่ล่าสุดทั้งคู่จูงมือมาเปิดโครงการแจกน้ำนมฟรีครั้งที่ 2 ณ Firorga Clinic Thailand โดยเผยว่าน้อมรับกระแสวิจารณ์ แต่การันตีเรื่องความปลอดภัยเพราะมีการคัดกรองมาก่อน

นาวิน ต้าร์ : “จริงๆ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 นะครับ สำหรับโครงการนมจากเต้า เราให้ฟรี ก็มีคุณแม่มากมายมารับนมบริจาคอีกครั้งนึง”

น้ำหวาน : “คุณแม่มาบริจาคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ แต่ละรอบก็มีเป็นร้อยกว่าท่าน แต่น้ำหวานก็รบกวนขอคุณแม่ว่าอยากให้น้องๆ ที่อายุไม่เกิน 4 เดือนก่อน เพราะน้องในช่วงนี้ยังต้องการนมจากแม่ และยังต้องการภูมิคุ้มกันจากน้ำนมค่ะ”

“ส่วนใหญ่เราจะขอคุณแม่ที่มีน้องอายุไม่เกิน 4 เดือน แต่ถ้าเกิดว่าน้องเจ็บป่วย คือน้องจะ 6-7 เดือนก็ได้ คือน้ำหวานเห็นภาพที่คุณแม่ๆ ส่งมาทุกวันว่าน้องเจาะคอบ้าง เป็นโน่นเป็นนี่บ้าง คือถ้าน้องมีปัญหาแบบนี้ก็จะให้ตลอดค่ะ ไม่ว่าน้องอาจจะอายุหนึ่งขวบแล้วก็ตาม เพราะน้องกลุ่มนี้จะแพ้นมวัวด้วยค่ะ”

ภูมิใจได้ช่วยเหลือสังคม
น้ำหวาน : “ก็รู้สึกชื่นใจค่ะ รู้สึกดีที่เหมือนเราได้มีโอกาสช่วยเหลือสังคม และเราก็เป็นแม่เหมือนกัน พอเราอ่านบางทีเห็นคุณแม่ส่งมาระบาย ส่งมาเล่าให้ฟังว่าคุณแม่เกิดปัญหายังไง เราเป็นอีกคนที่สามารถช่วยเขาได้และยื่นมือเข้าไปช่วย ก็รู้สึกดีค่ะ”

นาวิน ต้าร์ : “เราทั้งสองคนเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ที่ไม่สามารถมีอาหารให้น้องกิน และความรู้สึกของลูกที่เขาต้องหิว คือเขาต้องการแค่ให้ท้องอิ่มเท่านั้นเอง มันไม่ได้มีอะไรที่มันจะทรมานใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว พอเขาได้รับนมจากเรา หลายๆ คนก็มีความสบายใจขึ้น มันก็เป็นความชื่นใจของเราครับ”

น้ำหวาน : “เรื่องทางการแพทย์ ของเรามีการศึกษามา ในมุมของเราเองอย่างตัวน้ำหวานก็ตรวจโรคตลอด ที่เรามั่นใจเพราะว่าลูกเราทาน และอีกอย่างคือมีคุณแม่หลายท่านที่ไปขอน้องมาเลี้ยงเพราะน้องกำพร้า ซึ่งเขาก็ไม่สามารถให้นมเองได้เลยอยู่แล้ว และเขาก็เลี้ยงจนโตมา ส่วนใหญ่คุณแม่ที่มาขอจะส่งข้อความไดเร็กมาคุยกับน้ำหวานเป็นการส่วนตัวด้วย มีขอเข้ามาทางคลินิกด้วย ก็จะมีการพบปะพูดคุยกับคุณหมอก่อนว่าทำไมน้องถึงต้องมาทานน้ำนมแบบนี้ น้องมีปัญหาอะไร แพ้จากอะไร ส่วนใหญ่เราก็จะมีข้อมูลเบื้องต้นและศึกษามาเป็นอย่างดี และตัวน้ำหวานเองจ้างพยาบาลและผู้ช่วยที่ติดตัวเราตลอดเพื่อความสะอาดในทุกๆ ด้าน ในทุกๆ มุมที่เราสามารถทำได้ค่ะ”

รับความเสี่ยงมีทั้งผู้ให้และผู้รับ แต่มีวิธีตรวจคัดกรอง
นาวิน ต้าร์ : “ในทางของคุณหมอนะครับ เราก็ได้ปรึกษาคุณหมอหลายท่านด้วยกัน ความเสี่ยงมันก็มีทั้งสองด้าน จากทางด้านผู้ให้และผู้รับ ดังนั้นผู้รับเรามีวิธีตรวจคัดกรองโดยการถามคำถามและตรวจสุขภาพเบื้องต้นสำหรับคุณแม่ที่จะมารับบริจาคในเรื่องของอาการแพ้ ผลของเลือด เราไม่สามารถไปตรวจเลือดเขาทุกคนได้ แต่เราก็สามารถคัดกรองโดยศึกษาประวัติและข้อมูลที่เรามี ณ จุดนั้น คุณแม่หลายท่านที่ได้รับคัดกรองไปแล้วก็เหมือนกว่าเป็นการจับคู่ให้กับผู้ให้”

“ก็คือการจับคู่เข้าด้วยกันพอมันเกิดขึ้นปุ๊บมันก็ไปต่อได้ ซึ่งเป็นการจับคู่ที่ลงตัวแล้วระหว่างผู้ให้และผู้รับ ส่วนทางด้านผู้ให้คือคุณน้ำหวานก็ได้ตรวจสุขภาพเป็นประจำ และมีผลเลือดที่ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้มีโรคที่เป็นอันตรายและเป็นโรคติดต่อ ทีนี้ในเรื่องของความตรวจเป็นประจำนี่คือ เรื่องระยะของการให้นมเราก็มีการตรวจเป็นประจำอยู่แล้ว และเรามีการการันตีในระยะเวลาที่สามารถติดเชื้อได้ และเราอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะฉะนั้นเราก็ทำเต็มความสามารถอย่างดีที่สุดในการคัดกรองของเรา”

เข้าใจกระแสดรามา แต่จะไม่สนใจคำวิจารณ์ที่ฟังแล้วไม่เกิดประโยชน์ เป็น 1 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคุณแม่
นาวิน ต้าร์ : “ก็เข้าใจนะครับ หมายถึงว่าถ้ามองในเรื่องความหวังดี เราก็น้อมรับและเข้าใจในเรื่องการตักเตือนหรือความหวังดีทุกอย่าง และนำเอามาปรับใช้ทุกอย่างที่เป็นคำวิจารณ์ที่ก่อให้เกิดอะไรบางอย่าง แต่คำวิจารณ์ที่มาแล้วเราไม่รู้จะไปทำอะไรต่อ เราก็ไม่สนใจ”

น้ำหวาน : “คำวิจารณ์ที่รุนแรง ถามว่าเสียใจมั้ย คือเราก็เข้าใจในมุมที่เขามองนะคะ แต่ส่วนตัวน้ำหวานที่อ่านข้อความจากคุณแม่เยอะ ส่วนใหญ่คนที่วิจารณ์หรือคนที่ติมาในคำพูดที่เราอ่านแล้วเรารู้สึกไม่สบายใจจะไม่ใช่คุณแม่ แต่น้ำหวานก็มองในจุดที่คุณแม่ด้วยกันที่เข้ามาให้กำลังใจ ซึ่งกำลังใจเราประมาณ 99% อีก 1% คืออาจจะเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้อยู่ในจุดที่คุณเป็นคุณแม่ คุณเลยยังไม่เข้าใจในจุดนี้”

“ซึ่งเราก็มองกลับไปและเข้าใจเขาเช่นกัน ตอนนี้น้ำหวานก็ยังรู้สึกสบายใจว่าในคุณแม่ทุกคนเข้าใจเรา เพราะคุณแม่ที่เกิดปัญหาภาวะแบบนี้หรือที่มีคนรอบข้างเขาเกิดปัญหาภาวะแบบนี้ เขาเข้าใจ เพราะเขาไม่มีทางออกแล้ว นี่คือสิ่งที่เขาต้องการและมันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ลำบากที่จะให้กับทุกคน ก็อยากจะช่วยเหลือกัน เพราะเราอยู่ในสังคมเดียวกัน เป็นคนไทยเหมือนกัน ในเมื่อเรามีโอกาสที่จะหยิบยื่นตรงนี้ได้ ทำไมเราจะไม่ช่วยเพื่อนด้วยกัน”

นาวิน ต้าร์ : “ตัวผมก็เคยชินกับคำวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะนี้นะครับ แต่บอกตามตรงว่าก็ห่วงภรรยาว่าเขาจะรู้สึกในแง่ลบ แต่ที่ผ่านมาเขาก็แข็งแรงมาก และเขาก็ไม่กลัวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ ก็อย่างที่เขาบอกว่าคนไม่เป็นพ่อไม่เป็นแม่ไม่เข้าใจเท่ากับเรา ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คนที่พูดเขาก็ไม่รู้ คนที่เข้าใจจริงๆ เขาก็จะไม่มาพูดแบบนั้น เราก็ได้แต่มองอย่างมีสติและก็คิดว่ามันก็เป็นบทเรียนให้กับเราด้วย”

น้ำหวาน : “ฟีดแบ็กที่ผ่านมา คุณแม่ที่รับไปทุกท่านคือดีมากค่ะ คุณแม่บางท่านก็มาขอเพิ่ม แต่บางท่านก็เข้าใจว่าน้องเริ่มโตแล้ว บางท่านก็มีฟีดแบ็กกลับมาเลยว่าจากที่น้องท้องเสีย ตอนนี้น้องถ่ายง่าย คือเราได้รับฟีดแบ็กจากคุณแม่ตลอด และทุกทางไปในทิศทางที่ดีหมดค่ะ เราก็รู้สึกสบายใจและดีใจ และคุณแม่บางท่านที่พอได้น้ำนมจากเรา และเขาก็ไปหาวิธีกระตุ้น พอเริ่มมีน้ำนมมากขึ้น คุณแม่ก็อยากจะมาร่วมแบ่งปันในจุดๆ นี้ก็มีเหมือนกันค่ะ”

นาวิน ต้าร์ : “มีน้องอยู่คนนึงที่ดื่มนมไปเรื่อยๆ แล้วหน้าเขาเหมือนลูก้าขึ้นทุกวัน เราก็คิดว่ามันต้องมาจากนมคุณน้ำหวานแน่ๆ (หัวเราะ) หน้าเหมือนขึ้นทุกวัน ขนตายาวเชียว (หัวเราะ)”

จะทำต่อไปเรื่อยๆ ช่วยคุณแม่ที่มีปัญหา
น้ำหวาน : “คือถ้าน้ำหวานยังปั้มนมอยู่ก็ยังอยากจะช่วยคุณแม่ที่มีปัญหา เพราะถ้าเราอ่านข้อความปัญหาของทุกคน บางท่านบอกว่าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และสามีทิ้งตั้งแต่ตั้งครรภ์ คุณพ่อคุณแม่ก็ได้รับแค่เงินคนชราไม่ถึงพันบาท คือเราอ่านอย่างนี้แล้วเรามีนมอยู่เป็น 20 ตู้ เราให้ได้ก็ให้ค่ะ”

นาวิน ต้าร์ : “บางคนถึงมีนมก็ให้นมไม่ได้นะครับ เพราะการให้นมมันเป็นการส่งต่อโรคติดต่อของเขาไปสู่ลูก ก็มีบางท่านที่ให้นมลูกไม่ได้ถึงแม้จะมีนม เพราะฉะนั้นเราก็ไปเติมเต็มส่วนต่างๆ เหล่านี้ตามที่เราทำได้ครับ”

ฝ่ายชายเผยเสียงปั้มนมไพเราะขึ้นเรื่อยๆ วันไหนไม่ได้ยินเสียงจะนอนไม่หลับ
นาวิน ต้าร์ : “คือเราก็รู้ว่าเราทำอะไรอยู่นะครับ เราก็น้อมรับทุกคำติชมและคำวิพากษ์วิจารณ์ และเราก็ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด ทีนี้เสียงวิจารณ์จะเป็นยังไงถ้ามันเป็นคำติชมที่เราฟังแล้วเรานำมาปรับใช้ได้ ก็ยินดีมากๆ ที่จะร่วมงานกับทุกคนครับ แต่เสียงวิจารณ์ในทางที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ เราก็ได้แต่ยิ้มให้มันครับ ทุกวันนี้เสียงปั้มนมของคุณน้ำหวานก็ฟังไพเราะขึ้นเรื่อยๆ (หัวเราะ) วันไหนไม่ได้ยินเสียงผมคงนอนไม่หลับ (หัวเราะ)”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)