xs
xsm
sm
md
lg

“เมโลดี้ ออฟ ไลฟ์ ครั้งที่ 11” ปิดฉากความสนุกสุดฟิน.. 2 วันเต็ม !! อัดแน่นความมันแบบนอนสต็อป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สนุกครบรสจริงๆ สำหรับ เทศกาลดนตรีฟรีคอนเสิร์ตใจกลางกรุงเทพกับ “เมโลดี้ ออฟ ไลฟ์ 11 : ฟิวเจอร์ แฟคทอรี่” (Melody Of Life 11: Future Factory) ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การค้าให้เป็นโรงงานผลิตความสนุกแบบนอนสต็อปทั้งเรื่องของดนตรี แฟชั่น และยังสอดประสานไปเรื่องของสาระความรู้ มามอบให้ผู้มาร่วมงานได้รับความสนุกครบอรรถรสกลับบ้านไป โดยได้รับเกียรติจาก คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสไปร์ซซี่ ดิสก์ จำกัด ร่วมด้วยผู้สนับสนุนใจดี อาทิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มตราช้าง, AIS, ธนาคารออมสิน, โก๋แก่, รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า, น้ำผลไม้ มาลี, Lululun, นาฬิกา คาสิโอ จีช็อค, ผลิตภัณฑ์ยีนส์ ลี, ผลิตภัณฑ์ยีนส์ แรงเลอร์, เครื่องแต่งกายจอห์น เฮนรี่, เครื่องแต่งกาย ท็อปช็อป ท็อปแมน, สปาเก็ตตี้ แฟคทอรี่ รวมไปถึงมีเดียพาร์ทเนอร์ อาทิ นิตยสาร The Guitar Mag, นิตยสาร CHEEZE, หนังสือพิมพ์ DONT Journal, The Cloud, Cat Radio และ JOOX

บรรยากาศของงานทั้ง 2 วัน อบอุ่นไปด้วยแฟนเพลงที่มารอชมศิลปินในดวงใจกันอย่างเนืองแน่นตั้งแต่ช่วงเที่ยง ก่อนที่จะไปพบกับความสนุกเหล่านั้น ทางผู้จัดงานได้จัดเป็นโชว์เปิดจาก 10 วงที่ผ่านการคัดเลือกในกิจกรรม การประกวดดนตรี (Music Contest) ที่ฝีไม้ลายมือดีไม่แพ้รุ่นพี่ศิลปินเลย ทำเอาเหล่าคณะกรรมการผู้ตัดสิน อย่าง ก้อ ณฐพล, เป้ แซค จากวง มายด์ และ ตั้ม โมโนโทน กุมขมับจนในที่สุดก็ได้ผู้ชนะ 3 วงสุดท้ายโดยเรียงตามลำดับดังนี้ รองชนะเลิศอันดับ 2 ตกเป็นของวง PILLS ได้รับทุนการศึกษา 10,000 บาท จาก Spicy Disc และมอเตอร์ไซค์รุ่น GT125 CC มูลค่า 46,500 บาท จากทาง YAMAHA และสินค้าจากแบรนด์ Wrangler มูลค่า 10,000 บาท, รองชนะเลิศอันดับ 1 ตกเป็นของวง OCTOPUS’S GARDEN ได้รับทุนการศึกษา 20,000 บาท จาก Spicy Disc และมอเตอร์ไซค์รุ่น AEROX 155 CC มูลค่า 63,900 บาท จากทาง YAMAHA และสินค้าจากแบรนด์ LEE มูลค่า 15,000 บาท และวงชนะเลิศได้แกวง FUNCTION NOIZE ได้รับทุนการศึกษา 30,000 บาท จาก Spicy Disc และมอเตอร์ไซค์รุ่น M-SLAZ มูลค่า 90,000 บาท จากทาง YAMAHA และสินค้าจากแบรนด์ JOHN HENRY มูลค่า 20,000 และได้รับสิทธิ์ในการทำซิงเกิล รวมไปถึงมิวสิควิดีโอ กับทาง Spicy Disc เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเวทีที่เปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้มาโชว์ศักยภาพจริงๆ

ก่อนจะส่งต่อให้วง Rockademy Star, Aomsin and the boys , ชาติ สุชาติ มาขับกล่อมแฟนๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ , แนป อะ ลีน ที่ขอชวนศิลปินรุ่นพี่อย่าง เซฟ ดา ลาส พีส ขึ้นมาโชว์ร่วมกัน วาฬ แอนด์ ดอล์ฟ วงดนตรีที่มีแฟนคลับตามมาให้กำลังใจกันอย่างอบอุ่น ก่อนจะส่งต่อเวทีให้ เทน ทู ทเวลฟ์ แม้จะยังไม่ได้ปล่อยเพลงใหม่ออกมาให้ได้ฟังแต่ก็ยังได้รับการตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดีเช่นเคย ตามมาด้วย ซิกตี้ ไมล์, วี วิโอเลต, เดอะ ริชแมนทอย, ซีซั่นไฟว์ เป็นการปิดท้ายโชว์ในวันแรก วันต่อมาความสนุกก็ยังไม่ได้ลดลงโดยขอเปิดเวทีด้วย ว่าน ธนกฤต ซึ่งครั้งนี้ได้ชวน เอิ๊ต ภัทรวี มาบรรเลงเพลงเพราะให้ทุกคนได้ฟังกัน ตามมาด้วย มอร์นิ่งซูน, รูฟท็อป, บลู เชด, มีน, เดอะ รู้บ, คิดแน็ปเปอร์ส, เดอ ฟลามิงโก้, ชนุดม, อิเล็คทริก นีออน แลมป์ และปิดท้ายด้วย เบทเธอ เวทเธอร์ มามอบความสนุกให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกันต่อไปยาวๆ กันทั้ง 2 วัน หรือจะเป็นในส่วนของเวที Chang Music Connection outdoor stage ก็มีแฟนเพลงมายืนรอชมอย่างไม่กลัวแดดเลยทีเดียว โดยเริ่มต้นระเบิดความมันแบบเต็มเหนี่ยวกับ มัสเก็ตเทียร์ เรียกได้ว่ามันกันแบบไม่แคร์อากาศร้อนกันเลยทีเดียว ก่อนส่งต่อให้ เอ๊ะ ซินโดรม ขึ้นมาวาดลวดลายกันต่อ ตามมาด้วย โพลี่แคท, ลิปตา, เฮลเม็ทเฮดส์ ที่ไม่พลาดหยิบเพลงฮิตอย่าง Unfriend มาโชว์ ซึ่งแฟนๆ ก็ร้องตามกันกระหึ่มทั่วลานหน้าศูนย์การค้าเลยทีเดียว ต่อเนื่องด้วย วิน สควีซแอนนิมอล ขึ้นมาบรรเลงความสนุกกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตามด้วย สิงโต นำโชค และมายด์ ปิดท้ายโชว์ของในวันแรก ในส่วนของวันต่อมาก็พีคไม่แพ้กัน โดยเปิดเวทีด้วย แทททูคัลเลอร์, เดอะ เยอร์ส, ฟลัวร์, สแตมป์ อภิวัชร์, เดอะ พาร์คินสัน ที่ขอชวนพี่ชายร่วมค่ายอย่าง บอย ตรัย ขึ้นมาโชว์เพลงรักซึ้งๆ ให้ทุกคนได้เคลิบเคลิ้มกันไป ตามมาด้วย สครับบ์ และ สล็อตแมชชีน ขึ้นมาปิดท้ายโชว์ได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมันสมกับเป็นการปิดท้ายอย่างสมบูรณ์แบบ

นอกจากในเรื่องของดนตรีแล้วภายในงานยังได้จัดเป็นโซน Experience Space (เอ็กพรีเรียน สเปซ) ที่ได้ความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ยูนิเซฟ, มูลนิธิ 3R, ปันกัน, เซ็นทรัลทำ และ WWF มาเข้าร่วมให้ข้อมูลในงาน เมโลดี้ ออฟ ไลฟ์ อีกด้วย รวมไปถึงยังได้ร่วมทำ กิจกรรมปิดไฟช่วยโลก โดยทางบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล และ งานเมโลดี้ได้สนับสนุนกิจกรรม ปิดไฟเพื่อลดโลกร้อน ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 แล้ว และในปีนี้ทางงานก็ยังคงได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย โดยเราจะปิดไฟใน วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม ช่วง 20.30 – 20.40 น. บริเวณเวที Chang Music Connection เท่านั้นยังไม่พอทางผู้จัดงานยังได้มีโซนของ ชีส ป็อป อัพ มาร์เก็ต (Cheeze Pop Up Market) มาเอาใจขาช็อปกับการรวบรวมร้านค้าเด็ดๆ มาเปิดร้านขายของให้ได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ และในโซนนี้ยังได้ร่วมทำบุญไปกับเวิร์คช็อปเจ๋งๆ (T-Shirt Silk Screen Workshop) ให้คุณมาร่วมทำบุญแถมยังได้เสื้อกลับบ้านไปคนละตัว ด้วยลายเสื้อทั้งหมด 9 ลาย จากค่ายเพลงและศิลปิน ไม่ว่าจะเป็น สควีซแอนนิมอล, วาฬ แอนด์ ดอล์ฟ, แทททู คัลเลอร์, เดอะ ริชแมนทอย, เฮลเม็ทเฮดส์, โพลี่แคทเป็นต้น ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปบริจาคมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมาชินูปถัมถ์ นอกจากจะครบเครื่องเรื่องดนตรีและแฟชั่นแล้ว อีก 1 สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ FOOD ZONE ที่คัดสรรร้านเด็ดโดย CHEEZE ยกขบวนมาถึง 32 ร้าน มาไว้ในงานใกล้ๆ กับ Outdoor Stage รวมไปถึงจุดบริการ เครื่องดื่มตราช้าง ที่จัดโซนมาให้ทุกคนได้นั่งพักทานอาหารเครื่องดื่ม ฟังเพลงชิวๆ

เรียกได้ว่าเป็นงานเดียวที่ครบทุกอรรถรสทั้งได้ชมเสิร์ตดีๆ ช้อปปิ้งเพลินๆ แล้วยังได้ร่วมการดูแลรักษาโลกไปด้วยกันอีกด้วย และหากใครที่พลาดงาน “เมโลดี้ ออฟ ไลฟ์” ในครั้งนี้ไม่ต้องเสียใจไปเพราะทาง สไปร์ซซี่ ดิสก์ ยังมีกิจกรรมดีดีอีกมากมายมามอบให้แฟนเพลงได้ฟินกันอีกเพียบ สามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ผ่านทาง www.facebook.com/spicydisc.fanpage และสามารถชมภาพควสามสนุกย้อนหลังของงาน “เมโลดี้ ออฟ ไลฟ์ 11: ฟิวเจอร์ แฟคทอรี่” (Melody Of Life 11: Future Factory) ได้ที่ www.facebook.com/MelodyOfLife.Festival









กำลังโหลดความคิดเห็น