xs
xsm
sm
md
lg

“กาละแมร์” เผย “ข่าวในพระราชสำนัก” คือคำตอบที่แท้จริง ว่า “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ทรงงานหนักเพื่อประชาชนแค่ไหน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พ่อคุ้มครอง ให้กำลังใจ มองดูเราอยู่ “กาละแมร์” เตือนใจตัวเองเสมอในเวลาที่เจอเรื่องยากลำบาก เผย “ในหลวง ร.๙” เปรียบเหมือนแสงสว่าง ชี้ทางให้คนไทยอยู่รอด บอกข่าวในพระราชสำนักคือคำตอบที่แท้จริงว่าพระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนแค่ไหน

ถูกหล่อหลอมให้รัก “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ด้วยการถูกปลูกฝังว่าในช่วงเวลา 2 ทุ่มของทุกวัน “กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ” จะต้องนั่งติดจอทีวีเพื่อดูข่าวในพระราชสำนักดู ซึมซับพระราชกรณียกิจในหลวงรวมไปถึงเชื้อพระวงศ์ซึ่งเสด็จไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งกาละแมร์เผยว่า ยิ่งดูก็ยิ่งเตือนตนเสมอว่าตนไม่ได้ลำบากอะไรเลย ในขณะที่พ่อหลวงทรงงานหนักทุกวัน และยังเป็นเหมือนแสงสว่างคอยชี้ทางให้ประชาชนของพระองค์อยู่เสมอ

“ตอนที่เรายังเป็นผู้ประกาศข่าว สิ่งที่เราได้รับรู้จากในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็คือพระราชกรณียกิจ คือเวลาเราเห็นข่าวที่เป็นสารคดีที่ท่านเสด็จไปเยี่ยมประชาชน ท่านเสด็จไปหลายที่มากแล้ว แต่ละที่ก็ทุรกันดารทั้งสิ้น ทำให้เราเห็นเลยว่าพระองค์ท่านมีความวิริยะและอุตสาหะ แล้วสิ่งที่ท่านทรงทำต้องใช้ความอดทนเพียรพยายาม อยากให้คนไทยมีชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก คือถ้าเราไปที่ลำบาก เราก็ลำบากได้ไม่กี่วัน เรายังรู้สึกลำบากมากเลย แต่ท่านทำตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์”

“พระองค์ทรงทำอย่างนี้มาตลอดทั้งชีวิต คือว่าเราคิดว่าคนปกติธรรมดายังทำแบบนี้ไม่ได้เลย แต่ทำไมพระองค์ท่านถึงทำให้คนไทยได้ขนาดนี้ เลยทำให้เราได้คิด แล้วเตือนใจตัวเองไว้เสมอว่าเวลาที่เราเจอเรื่องยากลำบากเวลาที่เราเจออุปสรรคหรือจะเป็นเรื่องที่ทำให้เราท้อใจท้อถอย เราก็จะนึกถึงพระองค์ท่านเพื่อเป็นกำลังใจเสมอ เดินผ่านพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน เราก็จะยกมือไหว้ แล้วสิ่งที่เราคิดอยู่ในใจ เราก็ขอให้พระองค์เป็นกำลังใจให้เราทำสิ่งเรื่องดีๆ เพื่อประเทศชาติต่อไป และถ้าวันไหนเราท้อ เราไม่ไหวขอให้พระองค์ดลใจให้เรามีกำลังใจให้เราทำต่อไป เราขอแค่นี้เอง และไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใดแล้วในโลกนี้ก็ตาม แต่ว่าในฐานะที่เราเป็นคนไทยคนหนึ่ง ท่านก็มองดูพวกเราอยู่และก็เอาใจช่วยพวกเราอยู่เสมอ”

“อย่างช่วงแรกที่มีข่าวว่าพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตมันอาจจะหนักหนาสาหัส เรายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เรารู้ว่าสิ่งที่บอกถึงพระวรกายของท่านไม่อยู่แล้ว แต่เรารู้ว่าพระองค์ท่านยังอยู่กับเราเสมอ พอเรารู้อย่างนี้แล้ว ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใดก็ตาม ท่านอยู่กับเราเสมอ เราเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ ไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม รูปเล็กรูปใหญ่หรือเรามีรูปท่านพกไว้ในกระเป๋าสตางค์ไว้เสมอ มีคำสอนของท่าน พระราชดำรัสของท่านอยู่ด้านหลังเสมอ หรือในวันที่เราท้อใจหรือวันที่เราคิดไม่ออก หาทางออกไม่ได้คือเห็นพระองค์ท่าน เห็นคำสอนของพระองค์คือแบบสว่างขึ้นมาเลยค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่ว่าจะมีพระราชพิธีใดก็ตาม แต่สำหรับแมร์พระองค์ท่านอยู่กับแมร์เสมอ อยู่ในใจเราเสมอ เวลานึกถึงเราก็รู้เลยว่า พระองค์ท่านคุ้มครองเราเสมอ ให้กำลังใจเราเสมอ มองดูเราอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นเราก็จะรู้เลยว่า เราจะไม่ทำสิ่งไม่ดี เราจะมีกำลังใจที่จะทำอะไรดีๆ เพื่อประเทศชาติ หรืออะไรช่วยได้ ก็ตามศักยภาพของเราตามความสามารถ ตามความถนัดของเรา ถ้าเราทำได้เราก็ทำ”

รับเคยชิน 2 ทุ่มต้องดูข่าวในพระราชสำนัก ถึงได้รับรู้ว่าพ่อหลวงไม่ได้สุขสบาย พระองค์ทรงงานหนัก
“ตอนเด็กเราไม่เคยมาตั้งคำถามอะไรแบบนั้นหรอก เพราะตั้งแต่เราเกิดมาด้วยความเคยชินว่า 2 ทุ่มเราต้องดูว่ามีเชื้อพระวงศ์เสด็จที่ไหนกันบ้าง ก็ไม่รู้ว่าประเทศอื่นเขามีมั้ย แต่อย่างเรา เราจะได้เห็นว่าคนที่เป็นเจ้านายเรา บางคนอาจจะคิดว่าเกิดเป็นเจ้าคนนายคน แล้วต้องสบาย ต้องอยู่ดี กินของดี และแน่นอนคือต้องมีคนรับใช้มากมาย ต้องอยู่ดีมีความสุขแน่นอน แต่พอเราได้ดูข่าวพระราชสำนัก มันคือสิ่งที่ตรงกันข้ามเลย ทำไมพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยือนราษฎรในที่ๆ ลำบาก อย่างไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อย คือพอเราโตขึ้นมาแล้ว เราทำงานอย่างเช่นเวลาที่เกิดน้ำท่วมก็ต้องไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย เรารู้เลยว่าเหนื่อยมาก ไปเฮลิคอปเตอร์ต่อรถ ต่อเรือ ลุยน้ำเข้าไปคือเราจะหมดแรงอยู่แล้ว มันเหนื่อยมาก เหนื่อยแบบกินอะไรไม่ลงท้อง และพอเราคิดถึงในหลวง คิดว่าพระองค์ท่านทำได้ไง ทำได้อย่างไร อย่างเราพอฟ้ามืด เราก็จบภารกิจแล้ว แต่พระองค์ท่านยังไปต่อ บางทีมื้อเย็นก็เสวยตอนตี 1 ตี 2 ไปแล้ว คือทำไมประเทศเราถึงได้โชคดีอย่างนี้ ที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่นึกถึงประชาชนมากอย่างนี้ ซึ่งพระองค์ไม่ต้องทำก็ได้ แต่เรามีคิงที่นึกถึงประชาชนตลอดเวลา”

เสียใจ ในวันที่พ่อหลวงสิ้นพระชนม์ ถึงค่อยมารับรู้พระราชกรณียกิจที่ลึกลงไป ชี้พ่อสอนคนไทยให้ต้องอยู่รอดด้วยตนเอง เป็นแสงสว่างที่ชี้ทาง
“แมร์นึกถึงพระองค์ในเรื่องการทำเพื่อคนอื่น คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แบบยอมเสียสละตัวเอง อย่างที่เคยคิดว่าพระราชาใช้ชีวิตสบาย อยากได้อะไรก็ได้ แต่ในหลวงเราไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย พระราชาของเราใช้ชีวิตแบบที่ลุยเพื่อเราขนาดนี้ คิดเพื่อเราขนาดนี้ และสิ่งที่น่าเสียใจอย่างหนึ่งคือเมื่อพระองค์ท่านสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เราถึงค่อยรู้พระราชกรณียกิจที่ลึกลงไปอีกว่าท่านทำอะไรให้พวกเราอีก อย่างเช่นพระองค์ท่านยอมเสียสละพระราชทรัพย์ของตนเอง เพื่อที่จะซื้อที่ดินแล้วก็เอาที่ดินที่มันแย่ๆ เอามาปลูก เอามาทดลองว่าเนี่ยที่ดินแย่แบบนี้พระองค์จะทำให้ดูว่ามันทำยังไง ต้องปลูกอะไรมันถึงจะขึ้น ซึ่งท่านต้องทำยังไงเพื่อให้คนตรงนี้และก็ไม่บอกด้วยนะว่าเป็นคนซื้อที่ดินนั้น เพราะถ้าบอกว่าพระองค์ทรงเป็นคนซื้อ ประชาชนจะไม่ขายแล้วก็จะถวาย”

“อย่างเราเป็นคนชอบไปเที่ยว บางทีเราก็เคยไปในพื้นที่ๆ ท่านพลิกฟื้นแล้ว เพราะท่านไปหาเลยว่าที่ไหนมีปัญหา หรือเขามีปัญหาอะไร ทำไมเขาต้องไปปลูกฝิ่น เขาไม่มีอะไรจะกินไง แล้วพระองค์ทรงหาอาชีพอื่นให้เขา เริ่มต้นจากปลูกอะไรดี ก็เลยลองปลูกให้เขาดู คือพระองค์ก็รู้ว่าคนเราต้องยืนด้วยขาตัวเองได้ มันไม่ใช่แค่ว่าแจกถุงยังชีพแล้วเขาก็อยู่ได้ ซึ่งมันไม่ได้หรอก และถ้าวันหนึ่งเราไม่มีแจก เขาจะอยู่ได้เหรอ ท่านก็มีวิธีว่าคุณต้องหากินยังไง คุณต้องมีอาชีพมีแขนมีขาเป็นของตัวเองเพื่อให้คุณอยู่ได้”

“ในหลวงของเราท่านทรงสอนให้คนไทยต้องอยู่รอดด้วยตนเอง ท่านได้บอกวิธี และท่านก็เป็นแสงสว่างที่ชี้ทางว่าทำอย่างนี้ แต่ตัวคุณต้องลงมือทำเอง และเวลาทำไม่ใช่ทำแป๊บๆ แล้วเลิก คือคุณต้องอดทนเพียรพยายาม คือไม่ใช่แค่ทำครั้ง สองครั้งไม่ได้ แล้วเลิกคือคุณต้องอดทน คุณต้องทำต่อไปนะ ต้องหาวิธีทำต่อไป ถ้าแบบนี้ไม่เวิร์ก ก็ลองหาอย่างอื่นทำ เราก็ต้องลองเปิดใจ เพราะว่าคนไทยอยู่ด้วยความเคยชิน พ่อแม่ปู่ย่าตายายทวดปลูกมาอย่างนี้ ใช้สารเคมีอย่างนี้ แต่พ่อจะเราว่าต้องทำแบบนี้สิ แล้วเราจะอยู่ได้”






กำลังโหลดความคิดเห็น