xs
xsm
sm
md
lg

โคตรทึ่ง คนตายเลือก “จิ๊ก” แต่งหน้าให้! เจ้าตัวปลื้มใจ BBC เกาะติดชีวิตออนแอร์ที่อังกฤษ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“จิ๊ก เนาวรัตน์” แต่งหน้าศพ จน BBC ตามถ่ายชีวิตไปออนแอร์ที่ประเทศอังกฤษ บอกขำๆ คนอาจจะเห็นเป็นของแปลก เผย 10 กว่าศพ เขียน จม. สั่งลา ขอให้ตนไปแต่งหน้าให้ ยันทำด้วยใจ ไม่รับเงิน ยอมรับทึ่งพระราชกรณียกิจ “ในหลวงรัชกาลที่ ๙” คุ้มแล้วที่ชาตินี้ได้เกิดเป็นคนไทย

เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่อุทิศตนในการเป็นจิตอาสาแต่งหน้าศพมานานหลายปี สำหรับ “จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์” ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ มีรายการชื่อดังจากประเทศอังกฤษอย่าง BBC มาตามถ่ายกิจวัตรประจำวัน รวมไปถึงตอนที่ไปเป็นจิตอาสาแต่งหน้าศพด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว

“เขาอาจจะเห็นเป็นของแปลกในประเทศอังกฤษมั้งคะ เขาก็ตามหาเรา ก็มาเจอเรา ซึ่งก็ใช้เวลาพอสมควร เพราะเขาไม่มีเบอร์ก็ต้องตามหากันว่าเราอยู่ตรงไหน แล้วก็มาสัมภาษณ์มาเกาะติดเราอยู่ 2 - 3 วันไม่ไปไหนเลย แล้วเขาก็เข้าไปในห้องดับจิตอยู่กับเรา สมัครใจอยู่กับเราเลย เราทำอะไรเขาต้องทำตามนั้นเลย ออกจากบ้านแต่เช้าไปทำอะไรบ้าง ไปวัดยังไง แต่งหน้ายังไงถ่ายหมดทุกอย่างเลยค่ะ”

“ภูมิใจมากนะคะ แต่เราก็ไม่ต้องการไปโอ้อวดกับใคร เรามีความรู้สึกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตภูมิใจในตัวเองมากค่ะ เขาก็ถามว่าทำไมคุณถึงเลือกทำสิ่งนี้ ในโลกนี้มีอีกเยอะแยะที่ทำความดี เราก็บอกว่าเราเห็นคนที่เสียไปแล้ว จากโลกนี้ไปแล้ว เราก็อยากให้ทุกคนระลึกอยู่ในความทรงจำดีๆ เราควรจะทำให้เขาดูดี ยามที่เขาเดินได้ทำไมเขาดูดี ณ วันนั้นเขาก็ต้องดูดีให้ได้ เราก็จะพูดเข้าหูเขาบ่อยๆ ว่าขอให้เขาไปสวรรค์ และจุดตะเกียงให้สว่าง ถ้าเขาถูกยิง ถูกแทงตายก็จะดุว่าอย่าทำแบบนี้อีก ชาติหน้าเกิดมาต้องไม่รู้จักปืน ไม่รู้จักมีดนะ เพราะส่วนใหญ่จะถูกแทง ถูกยิงเยอะ เราก็ไปแต่งให้ หน้าเป็นแผลก็แต่งหมด”

“ที่อังกฤษออนแอร์ไปแล้วค่ะ คนต่างชาติเขาเห็นว่าเป็นของแปลกไปเลยว่าทำไมคนที่เสียไปแล้วยังต้องมาดูแลเขา อยากให้คนมองว่าสมมติว่าเป็นพ่อแม่เรา ทำไมเราต้องมองว่าจบสิ้นแล้วในชีวิต ยังค่ะยังไม่จบ จะจบก็ต่อเมื่อวันที่เรารู้สึกว่าเราทำใจได้ก่อน ตราบใดที่ยังทำใจไม่ได้เราก็คิดว่ายังอยู่ข้างๆ เรา อย่างพ่อหลวงของเราก็เช่นกัน เราก็ต้องปลอบคนที่เขาร้องไห้มากๆ เราต้องบอกเขาว่าท่านยังอยู่ตรงนี้แล้วเราจะอยู่ได้ค่ะ”

เผยยิ่งเห็นพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มากขึ้นยิ่งซาบซึ้ง คุ้มแล้วที่ชาตินี้ได้เกิดเป็นคนไทย
“ตอนที่เห็นพระเมรุมาศครั้งแรกในชีวิต เราหลับตาและคิดในใจเลยว่าเราเข้าใจแล้วว่าสวรรค์เป็นยังไง รู้ว่าท่านไปสู่สวรรคาลัยเป็นแบบนี้เอง ก็มีความรู้สึกว่าอยากจะส่งท่าน แม้ว่าจะไม่ได้ไปในเหตุการณ์วันที่ 26 ต.ค.นี้จริงๆ เพราะคนคงแน่นมาก แต่มีเพื่อนอยู่แถวนั้น เราก็ไปขอนอนกับเขาวันที่ 25 ต.ค. แล้ว 26 ก็จะไปคอยช่วยเสิร์ฟน้ำ ใครทำอะไรเราจะไปช่วยวันนั้นค่ะ ขออยู่ให้ใกล้ที่สุด วันนั้นจะไม่อยู่บ้านค่ะ ไม่ดูทีวี อยากสัมผัสของจริง แม้จะไม่ได้เห็นก็ขอให้ไปอยู่ตรงนั้นค่ะ”

“ถามว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทำอะไรเพื่อท่านบ้าง คือ เกิดมาก็พบท่านแล้วนะคะ เรารักท่าน ทุกวันนี้ต้องขอบคุณสื่อทุกทางที่บอกประวัติของท่านที่เราไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ทำให้เรารู้สึกว่าทำไมรัชกาลองค์นี้ทำไมสวรรคตไปแล้วเรายิ่งรู้มากขึ้น คำว่ารักคำเดียวไม่เพียงพอ เข้าใจเลยว่าคำว่าเพียงพอคืออะไร รู้ว่าไม่พอแน่ๆ ที่เราจะรักท่าน ท่านไปถึงดินแดนที่ไม่สมควรไปท่านก็ไป ทำให้เรารู้สึกว่าท่านเป็นแบบนี้เหรอ ท่านเป็นเทพ ขนลุกทุกครั้งที่ได้ดู ขอบอกเลยว่าชาตินี้เกิดมาคุ้มจริงๆ ที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยค่ะ”

“ตามรอยพระองค์ท่านโดยที่เราเองเป็นคนที่อยู่อย่างพอเพียง เป็นคนไม่สุรุ่ยสุร่าย เป็นคนทำอะไรเพื่อคนอื่น ไม่เบียดเบียนตัวเองจนเกินไป ให้คนอื่นแล้วก็อย่าไปหวังว่าจะต้องได้อะไรจากเขา ทำไปจนรู้สึกว่าอันนี้คือความดีนะ ทำเถอะ อย่าไปคิด อย่าไปหวังอะไร เคยคิดนะว่าวันที่เรามีปัญหาอยู่ในอุโมงค์เราจะเจอแสงสว่างทุกครั้งเลยค่ะ”

“จะบอกลูกเสมอค่ะว่าให้ดีต่อคนอื่น ให้เสียสละให้คนอื่นด้วยไม่ใช่ตัวเองได้รับอย่างเดียว และอย่าหวังสิ่งตอบแทนอะไร กับให้อยู่อย่างพอเพียง อย่าทานอะไรจนเกินไป จนทานเหลือทิ้งๆ ขว้างๆ หลังบ้านที่ไม่เคยปลูกพืชผักสวนครัว ตอนนี้ก็ปลูกผักเอง ทำเป็นครัวเล็กๆ แล้วก็เด็ดทานเอง มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ”

บอกทุกก้าวของพ่อเป็นชีวิตที่เราต้องเดินตาม ทุกลมหายใจทำให้เรามีชีวิต
“คำสอนของพ่อหลวงมีเยอะแยะเลย ไม่รู้จะจำคำไหนเลยค่ะ เรียกว่าก้าวแต่ละก้าวของท่านเป็นชีวิตที่เราจะต้องเดินตาม ลมหายใจทุกลมของท่านทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ เพราะเวลาที่เราจะทำสิ่งไม่ดีก็ให้นึกถึงท่าน และเราจะรู้สึกว่าดูพ่อหลวงของเราสิ เคยดูทีวีเวลาคนที่ถูกสัมภาษณ์แล้วร้องไห้ เราก็สงสารเขานะ ก็คิดว่าถ้าเราถูกสัมภาษณ์เราจะไม่ร้องไห้ แต่พอถึงเวลาจริงๆ มันก็พูดไม่ออกนะ มันตื้นตัน (น้ำตาคลอ)”

บอกจะทำต่อไปเท่าที่ทำได้ เพราะถึงขั้นมีคนตามหาตนให้ไปช่วยแต่งหน้าศพญาติที่เขียนจดหมายสั่งเสียไว้
“เรื่องจิตอาสา คือ เราเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ทำ รู้ว่าทำแล้วเราสบายใจ ได้ช่วยเหลือคนที่จากโลกนี้ไปแล้ว เราไม่ได้แคร์ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เพราะคนที่ยังมีชีวิตอยู่เวลาทำอะไรหวังสิ่งตอบแทนแน่นอน หวังหน้าที่ หวังตำแหน่ง หวังทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงต้องไปประจบประแจงเขา เราก็เลยหันมาทำกับสิ่งที่มืดมน ซึ่งคนเข้าไปไม่ถึง คนจะมองว่าเขาตายไปแล้วไปยุ่งกับเขาทำไม ไม่จริงหรอกค่ะ คนตายไปแล้วก็คือมนุษย์ เราก็อยากจะส่งมนุษย์คนนี้ขึ้นสวรรค์เหมือนกัน เราจะแต่งหน้าและพูดที่หูเขาทุกคนว่าไปสวรรค์ให้ได้นะ ชาติหน้าเกิดมาอย่าเจ็บอย่าป่วยแบบนี้ เป็นคำอวยพรเล็กๆ ของเรา และให้ตะเกียงเขาถือไป ตะเกียงนี้ก็พยายามเปิดให้สว่างและไปสวรรค์ให้ได้ จะพูดอย่างนี้กับทุกศพเลยค่ะ จะทำไปเรื่อยๆ ค่ะ”

“ทำได้เท่าที่ทำได้ ไม่ใช่ทำจนไม่มีแรงจะทำ อันนั้นเรียกว่าเบียดเบียนตัวเอง เราจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องมีความสุขในสิ่งที่ทำค่ะ เคยมีคุณแม่ท่านหนึ่งเขียนจดหมายไว้ว่าให้เราแต่งหน้าให้ได้ แล้วเขาก็มาหาเราจนเจอ อย่างนี้ประมาณ 10 กว่าศพแล้วที่มาตามหาแบบนี้ เขียนไว้ว่าก่อนจากขอให้เนาวรัตน์มาแต่งหน้าให้ได้ แล้วก็เป็นบุพเพจริงๆ เราก็ไปเจอที่ศิริราชบ้าง รามาฯ บ้าง เจอตามสถานที่ต่างๆ”

“ครั้งแรกยอมรับว่ากลัวมากนะคะ ก็เหมือนคนทั่วไป เพราะเวลาแต่งก็จะอยู่กันสองคน แต่พอหลังๆ ก็เป็นความเคยชิน เราก็จะยิ้มกับเขาก่อนเลย บอกว่าไม่เป็นไรนะ ห้ามคิดมาก ห้ามร้องไห้นะ ก็คุยกับเขาเหมือนเพื่อน ไม่ได้คิดว่าเขาล่วงลับไปแล้วจะทำให้จิตเราฟุ้งซ่าน เราไม่ได้กลัวเลยค่ะ ยิ่งแข็งเท่าไหร่เราก็จะขอเขาว่าช่วยให้เราแต่งให้ได้นะ ง่ายๆ นะ อย่าเป็นน้ำแข็ง ถ้าเป็นน้ำแข็งจะแต่งยาก ก็รู้สึกทันทีเวลาที่เราแต่งเขาเนี่ย รู้สึกว่าเขายังไม่ไปไหน รู้ว่าที่เราคุยกับเขาน่ะเขาเข้าใจ เราเชื่อว่าคนต้องจิตถึงจริงๆ ถ้าใครจิตไม่ถึงก็อาจจะกลัวกลับไปนอนไม่หลับเพราะหลอน แต่เราต้องไม่ทำร้ายตัวเองนะ ต้องไม่กลัว ไม่ใช่กลับไปนอนไม่ได้ กินไม่ได้ อันนี้บาปแล้ว”

“เราอาจจะคิดอะไรไม่เหมือนคนอื่น คนอื่นคิดบวก เราอาจจะคิดลบ คนอื่นคิดลบ เราอาจจะคิดบวก เพราะเราชอบสวนทางกับคนอื่น คิดว่าบางทีสวนทางก็ดี เราอยากให้ทุกคนที่เสียไปแล้วดูดี ญาติมารุมดูหน้ารดน้ำศพ เขาต้องสวย เขาต้องหล่อ แต่สิ่งที่ทำนี่ไม่หวังผลตอบแทนนะคะ เคยมีคนใส่ซองให้เรา เราก็ให้ซองนั้นกลับไป แล้วก็บอกว่าอย่าทำแบบนี้ เรามีชีวิตที่หากินกับคนอื่นได้เยอะแยะ แต่เขาจากโลกนี้ไปแล้วอย่าให้เราต้องมาหากินแบบนี้ อย่าทำร้ายใจเรา ก็คืนซองไป คุณอยากเอาไปทำอะไรก็เอาไปทำ บางคนบอกเขาเป็นคริสต์เขาไม่ถือ เราบอกไม่เกี่ยว เรื่องเงินไม่เกี่ยวกับคริสต์หรือพุทธ เพราะเราใช้เงินเหมือนกัน เราจะไม่ชอบเลยเวลามีคนเอาซองมาให้ มีเยอะมากที่เอาซองมาให้ เขาบอกไม่ได้ให้ไปทำอะไรแต่ให้เราไปทำบุญ งั้นทำบุญก็เอาซองกลับไป เราจะไม่รับเด็ดขาดเลยค่ะ”

“ใครจะว่าอะไรก็ไม่ต้องไปคิดค่ะ ครั้งแรกที่ทำงานที่รามาฯ ทุกคนหาว่าเราเมาแล้วขับ แล้วก็ถูกมาทำงานไถ่โทษ เราก็ยิ้มไป แหม รุ่นนี้ยังมีเมาอีกเหรอ (หัวเราะ) ก็เข้าใจ ไม่แก้ข่าวเลย คิดว่าคนเราทำความดีอย่าฟังปากคนอื่น เราทำอะไรไปต้องทำจากหัวใจจริงๆ นะคะ แล้วเราจะอยู่อย่างมีความสุข อย่าแคร์คนอื่น จะจนก็ตัวเรา จะรวยก็ตัวเรา ฉะนั้นแล้วทำตัวให้มีความสุข และทำตัวให้เป็นคนดีค่ะ”








กำลังโหลดความคิดเห็น