xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) กลัวลูกไม่ฉลาด! “แพท” รับเครียด พัฒนาการ “เรซซิ่ง” สู้ “เป่าเปา” ไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“แพท ณปภา” เครียด เปรียบเทียบ “น้องเรซซิ่ง” กับ “น้องเป่าเปา” โร่ถามหมอหวั่นลูกชายไม่ฉลาด พัฒนาการช้า โล่งขึ้นหมอบอกทุกอย่างเป็นไปตามวัย เปิดใจแฮปปี้กระเตงลูกทำงาน ยันเรตค่าตัวแม่ลูกไม่เท่ากัน ด้าน “เบนซ์” ยังไม่อยากเจอลูกหวั่นทำใจไม่ได้ รับกลัวลูกจำหน้าไม่ได้

แจกความน่ารักสดใสไปทั่วรันเวย์เลยทีเดียว สำหรับสาว “แพท ณปภา ตันตระกูล” ที่วันนี้ควงลูกชายสุดน่ารัก  “น้องเรซซิ่ง” มาเดินแบบเป็นครั้งแรก ออกงานคู่แม่ลูกทั้งทีสาวแพทก็ไม่ลืมที่จะมาอัปเดตพัฒนาการของน้องเรซซิ่ง ซึ่งคุณแม่ก็เผยว่าแอบหวั่นๆ ว่าลูกจะมีพัฒนาการช้า เพราะพูดไม่เก่งเหมือน “น้องเป่าเปา” ลูกสาว “กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์”

“พัฒนาการน้องตอนนี้ก็ดีนะคะ คือจริงๆ เราอาจจะไปเทียบกับเจ๊เปาไง เจ๊แกพูดเก่งไงแล้ววันนั้นได้ไปเจอกัน เราก็รู้สึกแบบหรือลูกเราไม่ฉลาด คำถามแรกตอนที่ไปหาหมอไปฉีดวัคซีนคือ หมอคะเรซซิ่งพัฒนาการช้ามั้ย หมอก็บอกว่าช้าอะไร ไม่ช้านะ เขาโอเคแล้ว เราก็บอกแล้วทำไมถึงพูดไม่ได้ หมอก็บอกว่าคุณแม่กำลังเอาไปเทียบกับเจ๊เปาใช่มั้ย คืออย่างเจ๊เปาเป็นกรณีพิเศษที่พูดเร็ว แต่โดยปกติเด็กผู้ชายพูดช้าอยู่แล้ว แต่ว่าจะมีพัฒนาการด้านอื่นเร็ว เช่นการคลาน การคืบ อย่างน้องตอนนี้คือคืบแต่ไม่คลาน แต่เกาะยืนแล้ว ก็คือข้ามสเต็ปค่ะ”

คือตอนแรกก็เครียด แม่ทุกคนเนอะ ก็ต้องคิดว่าลูกเราช้ามั้ย ลูกเราทันคนอื่นมั้ย หรือลูกเราไม่ฉลาดหรือเปล่า แต่พอเราคุยกับคุณหมอ เขาบอกว่าลูกเราโอเคแล้ว ถือว่าพัฒนาการดี นั่งตรงนั่งแข็งแล้ว ซึ่งเด็กบางคนยังเหยาะแหยะอยู่เลย แล้วก็อยากจะยืนแล้ว แล้วก็ไม่ค่อยอยากนอน อยากวิ่ง เราก็พยายามป้อนคำใส่น้องเหมือนกัน จริงๆ เราก็ไม่แน่ใจว่าเด็กเขาจะต้องพูดได้วัยไหน แต่ยิ่งเป็นผู้ชายก็อาจจะพูดช้าหน่อย”

แจงกรณี “มาริโอ้ เมาเร่อ” อุ้มน้องเรซซิ่งแล้วต้องจ่ายเงิน ยันแค่มุก บอกแค่ทุกคนเอ็นดูลูกก็ชื่นใจแล้ว
“ก่อนหน้านี้มีคนท้าให้ลูกพูดคำโน้นคำนี้ จนเราบอกว่าเลิกท้าเถอะ ยอมแล้ว เลิกท้า ก็แอบถามคุณหมอว่าเด็กจะพูดคำไหนได้ก่อน คุณหมอบอกว่าสระอาต้องมาก่อน ทุกวันนี้ก็หม่าม๊าๆ ทุกวันนี้กว่าจะได้กินนมก็กรีดร้องหนักมาก”

“ส่วนเรื่องมาริโอ้ที่อุ้มแล้วโดนจ่ายตังค์ จริงๆ ก็ทุกคนค่ะ (หัวเราะ) ไม่ใช่หรอก เป็นการรับขวัญหลาน จริงๆ เราดีลกันไว้แต่แรกแล้ว โอ้เขาก็เหมือนแบบยังไม่เคยให้ ไม่เคยเจอ ไม่เคยรับขวัญหลานเลย ก็เลยให้มาเล็กๆ น้อยๆ ไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ กำลังดีๆ ก็มีน้อยให้น้อย มีมากให้มาก(หัวเราะ) ไม่กลัวคนเข้าใจผิดหรอก จริงๆ มันเป็นมุขค่ะ ใครอุ้มเราก็ให้หมดแหละ เพียงแต่ว่าคุณลุงคุณป้าเขาก็อยากให้ ซึ่งเราไม่ได้บอกไม่ได้ขอ หรือบางทีเราก็แซว ไม่ได้เจอกันรับขวัญหลานหน่อยมั้ย เราก็จะแซวๆ ไป แต่จริงๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เขาเอ็นดูลูกเราก็ชื่นใจจะแย่แล้ว”

ตอนนี้ลูกดังกว่าแม่แล้ว เราคนเป็นแม่ วันนี้เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไงที่มีคนมาเอ็นดูลูกเรา มันเป็นความรู้สึกที่เราก็พูดไม่ถูก คือทุกวันนี้เราเดินห้างคนเรียกลูกเยอะมาก เราไม่มีใครเรียกเลย หรือเรียกเราก็เพราะอยากเห็นลูก บางคนก็เรียกพี่แพทๆ ขอถ่ายรูปกับน้องหน่อย เราก็เลยแบบเอาเราด้วยมั้ยคะ(หัวเราะ)”

เผยมีงานติดต่อมาบ้าง ส่วนใหญ่เป็นงานรีวิวของเด็กๆ
“จริงๆ ตอนนี้มันก็มีบ้างค่ะ แต่ก็ไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นรีวิวมากกว่าให้เรซซิ่งรีวิว เราก็จะบอกให้เขานั่งเฉยๆ เดี๋ยวแม่เรียงของให้(หัวเราะ) อย่างงานวันนี้เราก็รู้สึกว่าลูกเราจะทำได้มั้ย จะงอแงแล้วทำงานไม่ได้หรือเปล่า แต่วันนี้เราเห็นแล้วว่ามันก็เป็นก้าวแรกของเขา เรื่องรายได้จริงๆ ยังหรอก ยังๆ คือส่วนใหญ่แล้วจะรับแบบพูดง่ายๆ ว่าส่งมาให้น้องใช้เราก็แฮปปี้แล้ว อย่างบางแบรนด์จะเอาโน้นเอานี่ เราก็โอเคถ้าคุณจะเอาเยอะคุณก็ให้ค่านมน้องไป แต่ถ้าคุณไม่ได้ขออะไรเราเยอะ ก็แค่ขอให้น้องได้ใส่ แบบนี้เราจะโอเคมาก”

“คือเราต้องแยกก่อน บางคนอยากให้เห็นแบบนี้ อยากให้ลงแบบนี้ อันนี้ไม่ใช่แล้ว แต่ถ้าคุณบอกว่าอยากให้น้องใช้ไม่ได้คาดหวัง แบบนี้คุณเห็นน้องใช้เมื่อไหร่จะเอาไปรีโพสต์เราโอเค อันนี้ก็ต้องพูดตรงๆ อย่างบางแบรนด์หรือบางสินค้าเราก็บอกว่าถ้าส่งให้เรารับทุกแบรนด์ค่ะ แต่น้องจะใช้เมื่อไหร่ก็แล้วแต่”

รับเรตค่าตัวแม่-ลูกไม่เท่ากัน ลูกถูกกว่าเยอะ
เรตไม่เท่ากันค่ะ ของน้องจะเป็นเรตย่อมเยา ถูกกว่าค่ะเยอะด้วย ต่อให้มีชื่อเสียงก็ไม่ขึ้นราคาค่ะ ประเด็นคือน้องได้ใช้ของด้วยไงคะ เราก็รู้สึกว่าของเด็ก เราจะไปเอาอะไรกับลูกค้ามาก เอาเท่าที่เขาให้”

บอกจากที่เป็นเด็กไม่เอาใคร ล่าสุดพัฒนาการดีขึ้น คนรอบข้างเห็นเรซซิ่งก็มีความสุข
“คือมันเป็นประเด็นที่ว่าเราติดลูกมาก แล้วเราก็อยู่กับลูกสองคน คือเราไม่มีพี่เลี้ยง แล้วจะไว้กับใคร เราก็ต้องเอาเขาไปทำงานด้วยทุกวัน แล้วไปทำงานก็แค่ชม.เดียวต่อวัน รวมแต่งหน้าทำผมก็ชม.ครึ่งมันไม่ได้กินเวลานาน แล้วเวลาเราอยู่ในรายการน้องก็นั่งอยู่หน้าเซ็ต พอเบรกเราก็ไปอุ้ม คือเป็นอะไรที่แบบพวกพี่ๆ โปรดิวส์ ทีมงานมาก็แบบ ลูกเธออยู่ไหนๆ แพทว่าเขาชิน แพทรู้สึกนะว่าจากที่เขาไม่ค่อยเอาใคร ก็เริ่มมีพัฒนาการดีขึ้น แพทไม่ได้เลี้ยงให้เขาติดแพท ถ้าเลี้ยงติดเราเดี๋ยวเราจะทำอะไรลำบาก หมายถึงว่าทำงานลำบาก ก็เลยพยายามเลี้ยงให้เขาอยู่กับคนได้ง่ายขึ้น ไม่งอแง แล้วแพทว่าเวลาเอาเขาไปทำงานด้วย คนที่อยู่รอบข้างเขามีความสุข เราก็เลยอยากพาเขาไป ทุกคนอยากเลี้ยงเขาหมดเลย นี่คือสิ่งที่เราแฮปปี้ที่สุด”

รับเยี่ยม “เบนซ์ เรซิ่ง” อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช อาทิตย์ละ 1 วัน อีกฝ่ายยังไม่อยากเจอลูกในตอนนี้ ไม่อยากรู้สึกไม่โอเค
“ตลอดค่ะ เราเข้าใจเขาเลย เวลาเราไปเราจะอธิบายให้เขาฟังว่าลูกเขาเก่งขนาดไหน ลูกเขาไปถึงไหนแล้ว เขาก็อยากออกมาเลี้ยงลูกเขาเอง เราก็บอกให้รอก่อนมันต้องมีแหละวันนั้น แต่อย่าถามว่าเมื่อไหร่ เราก็ตอบไม่ได้ แต่เขาจำได้หมดรายละเอียดตั้งแต่ลูกเขาเกิด เขาก็จะถามว่าครบ 7 เดือนแล้วฉีดวัคซีนหรือยัง ตอนนี้เดินหรือยัง ฟันขึ้นหรือยัง เราไปหาตามปกติก็อาทิตย์ละวัน ได้แค่นี้ค่ะ ซึ่งเขารู้สึกว่าการที่เขาเจอแล้วเขาไม่ได้อุ้มเขาก็จะยิ่งรู้สึกไม่โอเค เราก็เข้าใจ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องได้ออกมาเลี้ยงลูกอยู่แล้ว ไม่ได้ถ่ายคลิปให้ดู โทรศัพท์เอาเข้าไม่ได้อยู่แล้ว”

บอกเห็นแค่รูป ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด เบนซ์กลัวลูกจำหน้าไม่ได้
เราก็สอนให้เรียกป๊ะป๋า แต่มันเติมกันไม่ได้จริงๆ ถึงจะเอารูปให้ดู แต่เด็กเขาไม่ได้สัมผัสจากการใกล้ชิดว่าใครอุ้มเขา คนนี้คือใคร ยิ่งตอนนี้เขาจำหน้าคน เขารู้ว่าให้คนนี้อุ้มได้ แต่คนนี้ให้อุ้มแป๊บเดียวแล้วก็จะหันหาแม่แล้ว เขากลัวลูกจำหน้าไม่ได้ที่สุด อันนี้แพทเข้าใจเลย เขาพูดตลอดว่าลูกจะจำหน้าเขาได้มั้ย ลูกจะยอมให้อุ้มมั้ย แพทก็บอกว่าทุกอย่างมันต้องใช้เวลา พอคุณออกมาคุณก็ต้องมาทำหน้าที่ของคุณ อยากให้ลูกเล่นด้วยก็ต้องทำ”

ไม่ยุ่งเรื่องคดี ชี้มีลูกชายก็เหมือนมีเพื่อน เข้ามาเติมเต็มชีวิตส่วนหนึ่ง
“ตอนนี้แพทก็ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะหลักๆ เป็นฝั่งคุณแม่กับพี่ชายพี่เบนซ์ เรามีหน้าที่ทำงานแล้วก็เลี้ยงลูก ด้วยความที่แพททำงานเกือบทุกวัน เขาก็เลยคิดว่างั้นแพทก็ไปทำงานให้เต็มที่ ตรงนี้เขาจะดูเอง เราก็เลยไม่ค่อยได้ไถ่ถามเท่าไหร่ แล้วแพทก็วิ่งสองบ้านด้วย ก็คิดว่ามีอะไรเดี๋ยวเขาคงเล่าให้เราฟังเอง แต่แพทก็กลัวทุกวันว่ามันจะต้องดี ตอนนี้ก็ทำในสิ่งที่ต้องทำให้หมดทุกทางไปก่อน แต่บางอย่างมันก็ต้องใช้เวลา”

“จริงๆ แล้วการมีเรซซิ่งก็เหมือนมีเพื่อนค่ะ ทุกวันนี้มีความสุขมาก เพิ่งเข้าใจเหมือนกันที่บอกว่าเติมเต็มมันเป็นแบบนี้นี่เอง หน้าที่เราก็ยังเหมือนเดิมดูแลคุณแม่ ดูแลครอบครัวเป็นหลัก เอาเขามาเติมเต็มในหลายๆ ส่วนของเรา ไปไหนก็เหมือนมีเพื่อน ถึงเขาจะยังพูดไม่ได้ก็ตาม แล้วเวลาก็เหมือนผ่านไปเร็ว แป๊บๆ 7 เดือนแล้ว ก็เหมือนมีอะไรเข้ามาให้เราผ่านทุกๆ วันไปได้ค่ะ”






กำลังโหลดความคิดเห็น