เครือข่ายสีน้ำเงิน “วงศ์ทนง-วินิจ” รุกธุรกิจสื่อ เปิด “เดอะ แสตนดาร์ด” หลังบอกลา a day

“พี่เชื่อไหม ผมไม่รู้เรื่องการขายหุ้นครั้งนี้เลย”

“โหน่ง-วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์” ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day ระบายความในใจกับเพื่อนพ้องในสายสื่อมวลชน ต่อกรณีที่มีข่าวการขายหุ้น บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด ให้กับ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน)

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาน่าจะบอกผมก่อน”

แหละ..... “ผมเพิ่งรู้ว่าผมถือหุ้นในบริษัทแค่ 1 หุ้น”

ก่อนที่เรื่องจะเดินทางมาถึงจุดที่เขา และพลพรรคส่วนหนึ่งตัดสินใจลาออก และทิ้งนิตยสารที่สร้างมาเองกับมือไว้เบื้องหลัง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันว่าเขาไม่ได้มีส่วนรู้-เห็นกับการ “ดีลปริศนา” ในครั้งนี้ หลังจากที่พยายาม “ต่อรอง” ด้วยการขอซื้อบริษัทจากผู้ถือหุ้นใหญ่ แตไม่เป็นผล

“ด้วยจำนวนตัวเลขที่เขาเสนอสูงจนผมไม่สามารถซื้อบริษัทคืนได้ เพราะฉะนั้นผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากออกมาตัวเปล่า”

ทิศทางการเดินต่อของเขา นับจากการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ ถูกจับตามองจากผู้คนในแวดวง ซึ่งรับรู้เพียงแค่ว่าเขาจะออกมาตั้งบริษัทผลิตนิตยสารเอง พร้อมด้วยทีมงานส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจออกมาร่วมหัวจมท้ายกันด้วยกัน

ในมุมหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงไม่น้อย เพราะในสถานการณ์ที่นิตยสารหลายหัว นสพ. บางฉบับ ต้องปิดตัวเองไป เพราะประสบกับภาวะขาดทุนสะสม ด้วยอิทธิพลของสื่อโซเชียล ที่ทำให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์รวนไปทั้งระบบ

แต่อีกมุมหนึ่ง ก็อาจจะเป็นการดี ที่ตัดสินใจเดินออกมาสร้างบ้านหลังใหม่ ซึ่งอาจจะง่ายกว่าการซ่อมแซมบ้านหลังเดิม

เบื้องต้น ทุกคนรับรู้เพียงแค่ว่าบริษัทใหม่ของวงศ์ทนง คือ บริษัท เดอะสแตนดาร์ด จำกัด ซึ่งมีตัวเขาเอง กับ “นิติพัฒน์ สุขสวย” ที่ร่วมก่อตั้งนิตยสาร a day มาด้วยกันเป็นแกนนำหลัก

ล่าสุด เพิ่งมีการเฉลยรายชื่ออีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญ ที่เตรียมพร้อมจะขับเคลื่อนเดอะสแตนดาร์ด สู่สมรภูมิสื่อ ซึ่งมีสัดส่วนหุ้นสูงถึง 45%
และบุคคลนั้น ก็คือ “วินิจ เลิศรัตนชัย”
ชื่อของวินิจได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในฐานะที่เป็น – “นักสร้างปรากฏการณ์”

มีผลงานที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในความกล้าคิด กล้าทำ กล้าเสี่ยงอย่างมากมาย ในแบบต่างกรรม ต่างวาระ

โดยเฉพาะในฐานะของ “โปรโมเตอร์” หรือผู้จัดบิ๊กอีเวนต์ระดับประเทศ ในนาม บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ซึ่งในระยะเวลา 8 ปีที่ก่อตั้งบริษัทมา ก็สร้างสรรค์ผลงานใหญ่ๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน

ที่ไม่พูดถึงไมได้เลย ก็คือละครเวที “พระมหาชนก The Phenomenon Live Show”

มาจนผลงานสร้างสรรค์ล่าสุด อย่าง “องค์บาก ไลฟ์” ที่ทำร่วมกับ “ถกลเกียรติ วีรวรรณ” และ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว”

หากการปรากฏรายชื่อของวินิจในฐานะหุ้นใหญ่ของเดอะสแตนดาร์ด นำพามาสู่คำถามว่า งานนี้อาจจะมีเงื่อนงำ อำพรางอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า !!??

เพราะทั้งคู่ต่างก็มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงไปถึง “สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด เจ้าของ บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด บ้านหลังเก่าที่วงศ์ทนงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินออกมานั่นเอง เพราะถ้าย้อนเวลากลับไป หลายคนอาจจะคุ้นว่าวินิจคือหนึ่งในทีมผู้บริหารของ “ทราฟฟิกคอร์นเนอร์” ร่วมกับ สุรพงษ์มาก่อน

สำหรับเดอะสแตนดาร์ดนั้น มีการจดทะเบียนบริษัทเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 ด้วยทุน 30 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจกิจการโรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ พิมพ์หนังสือจำหน่าย ออกหนังสือพิมพ์ หนังสือบันเทิง สิ่งตีพิมพ์ทุกชนิดทุกประเภท ทุกขนาด รวมถึงสื่อออนไลน์ต่างๆ สำนักงานตั้งอยู่ในอาคารเดียวกับเฟรชแอร์ เฟสติวัล ของวินิจ

นอกจากนั้น ยังปรากฏชื่อของ “ศุภฤกษ์ โรจน์วงศ์สุริยะ” ผู้ผลิตน้ำตาลเจ้าใหญ่“วังขนาย” เป็นหนึ่งในกรรมการบริษัทด้วย ซึ่งว่ากันว่าเข้ามาเพราะคอนเนกชั่นวินิจอีกเช่นกัน

และหากว่างานนี้วินิจเป็นศูนย์กลางของการดีลจริงตามที่ถูกตั้งข้อสังเกต ก็มีความเป็นไปได้ว่า เดอะสแตนดาร์ด น่าจะถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับ “นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ “นายเนวิน ชิดชอบ” อดีตนักการเมืองชื่อดัง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการที่วินิจมีชื่อเป็นกรรมการ บริษัท รัตนโกสินทร์ แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด ของนายกิตติรัตน์ รวมถึงเป็นกรรมการและมีหุ้น ในบริษัท สโมสร บุรีรัมย์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำกัด ของนายเนวิน ถึง 10% ทำให้สามารถดึงงบประมาณก้อนโตในการจัดงานต่างๆ จากหน่วยงานของรัฐบาล มาเลี้ยงบริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล ได้อย่างต่อเนื่อง

ฉะนั้นการเข้ามาร่วมทุนในธุรกิจสื่อของวินิจครั้งนี้ จึงอาจจะเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจอื่นๆ ในมือ ซึ่งอาจจะพัวพันไปถึงเรื่องของการเมืองก็ได้ใครจะรู้ เพราะการมีสื่ออยู่ในกำมือ ก็ย่อมจะสามารถคอนโทรลทิศทางการนำเสนอข่าวให้ไปเป็นไปที่กำหนดได้โดยง่าย

ถึงแม้ว่าการร่วมดีลระหว่างวงศ์ทนงและวินิจ ในนามของเดอะสแตนดาร์ด ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจะเกี่ยวเนื่องไปถึงสุรพงษ์ แห่งเดย์ โพเอ็ทส์ มากน้อยขนาดไหน สิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจมากกว่านั้น ก็คือทิศทางของ a day ในวันที่ไม่มีวงศ์ทนง ซึ่งสุรพงษ์เอง ก็ยืนยันผ่านบทสัมภาษณ์ว่าความเป็น a day ยังคงดำเนินต่อ

“เราอยู่ในธุรกิจสื่อ แน่นอนว่าคนเป็นทรัพยากรสำคัญของธุรกิจนี้ แต่ไม่ได้ผูกติดอยู่กับคนๆ เดียว.....

ทุกอย่างในโลกต้องเปลี่ยนแปลง ณ วันที่เปลี่ยนแปลง เราไม่รู้ว่าเปลี่ยนดีขึ้น หรือแย่ลง คนที่ยังอยู่ต้องปรับตัว เขาไปก็ต้องปรับตัว คุณเคยอยู่องค์กรที่มีคน มีแผนก พอออกไปตั้งธุรกิจเอง ต้องซื้อโต๊ะ เก้าอี้เองด้วย ทำทุกอย่างเอง ก็ยากไปอีกแบบ บทบาทเปลี่ยน เพราะฉะนั้นเป็น Chapter ใหม่ของเขา และ Chapter ใหม่ของเราด้วย”

โดยนอกจากจะมีการฟอร์มทีมคนทำงานใหม่ เพื่อทดแทนทีมเก่าบางส่วนที่ลาออกไปพร้อมกับวงศ์ทนง ยังมีการตอกย้ำความเป็นตำนานของนิตยสารขวัญใจเด็กแนว ด้วยการจัด "a day 200 The Magazine Exhibition" ที่บอกเล่าเบื้องหลังการทำนิตยสารตลอดทั้ง 200 เล่ม ซี่งเพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้

แต่เส้นทางการไปต่อของ a day จะสวยหรูอย่างที่หวังไว้หรือเปล่านั้น ? อาจจะต้องมาวัดกันอีกยกหลังจากที่เดอะสแตนดาร์ดเปิดตัวผลงานแรกอย่างเป็นทางการ

ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 393 27 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2560