xs
xsm
sm
md
lg

“สรยุทธ” Live อาศัยน้ำท่วม Come Back !! นั่นล่ะฮะ ท่านผู้ชม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


….. สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ .....

คำกล่าวนี้ คงใช้ได้กับวิกฤตการณ์อุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ ที่ชาวภาคใต้กำลังประสบอยู่ในตอนนี้ เพราะในวิกฤตดังกล่าว ทำให้เราพบว่าคนไทยด้วยกันเอง ไม่เคยแล้งน้ำใจ ดังจะเห็นได้จากกิจกรรมอันหลากหลายที่เร่งระดมทุน เพื่อนำไปเยียวยา ช่วยเหลือ และฟื้นฟูจิตใจของผู้ประสบเคราะห์กรรม
โดยเฉพาะในวงการบันเทิงเอง ก็มีนักแสดงหลายคน ที่มี “จิตอาสา” เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เป็นกำลังสำคัญในสภาวการณ์เช่นนี้

ไม่ว่าจะเป็น “เจ-เจตริน วรรธนะสิน” ที่ใช้เจ็ตสกีลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยประสานเรื่องจุดหมายและการเดินทาง หลังติดตามสถานการณ์ข่าวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเป็นสื่อกลางประกาศขอความช่วยเหลือผ่านสื่อสังคมออนไลน์มาตลอดหลายวัน ทั้งยัง มอบถุงยังชีพ 600 ชุด ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคควบคู่กันไป และเตรียมทำหมวกและเสื้อ Flood flight for Thailand ระดมทุนช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
พี่น้องฝาแฝด "ฝันดี-ฝันเด่น จรรยาธนากร" ก็เดินทางไปลงพื้นที่ในจังหวัดชุมพร ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม และพบว่าถนนบางเส้นถูกตัดขาด และชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้มาถึง 2 วัน จึงได้เข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย” ที่เป็นแกนนำในการรวบรวมอาหารและสิ่งของเพื่อขนส่งไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมรวมกลุ่มกับทีมเจ็ตสกีของตัวเองเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยถึงพื้นที่

นอกจากนั้นก็ยังมีนักแสดงจากช่อง 3 , ช่อง 7 , ช่อง ONE และ GMM 25 รวมถึงนักแสดง “จิตอาสา” อีกมากมาย เกินกว่าที่จะระบุนามได้

เรียกว่าเป็นอีกครั้ง ที่เราได้เห็นการผนึกกำลัง การรวมน้ำใจ เพื่อตอบแทนสังคมของคนในวงการบันเทิงครั้งสำคัญ

แต่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นการปรากฏตัวของพิธีกร-นักเล่าข่าวคนเก่ง “สรยุทธ สุทัศนจินดา” ที่กลับมาทำหน้าที่เป็น “กระบอกเสียง” โดยการลงพื้นที่ประสบเหตุ และรายงานข่าวแบบเกาะติดสถานการณ์ ผ่านช่องทางโซเชียลของตัวเอง

ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้กันดีกว่า สรยุทธถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐานยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาจากบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) จนมีเหตุให้ต้องถูกพักหน้าจอไปตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม ปีที่ผ่านมา

การปรากฏตัวและรายงานข่าวในครั้งครานี้ของสรยุทธ ก็น่าจะหมายถึงการส่งสัญญาณว่า เขากำลังเตรียมการจะกลับมา !!

ถ้ามองแบบจับผิด อาจจะพูดได้ว่า สรยุทธฉวยจังหวะที่บ้านเมืองกำลังประสบกับมหัตภัยครั้งยิ่งใหญ่นี้ เพื่อ “หาเสียง” ให้ตัวเองกลับมามีพื้นที่ในสื่ออีกครั้ง เพื่อเป็นการปูทางกลับสู่สมรภูมิข่าวเหมือนเดิม

ถามว่ามีความเป็นไปได้ไหม !!?? ก็ต้องบอกว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เพราะคดีฉ้อโกงที่ผ่านมา เรียกว่าทำลายศรัทธาทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาจนแทบจะมลายหายสิ้น การจะกอบกู้ชื่อเสียง และทวงศรัทธาจากมวลมหาชนให้กลับคืนมา จำเป็นที่จะต้องใช้กลยุทธ์แบบ Image Maker คือการสร้างภาพลักษณ์ เพื่อให้ “แบรนด์” ซึ่งในที่นี้หมายถึงตัวของสรยุทธเอง มีความโดดเด่น และถูกพูดถึง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และนำมาเป็น “จุดขาย”

หรือสรยุทธอาจจะไม่ได้ตั้งใจฉกฉวยผลประโยชน์จากหายนะครั้งนี้เสียทีเดียว เพียงแต่จังหวะ - โอกาสเอื้ออำนวย และสอดคล้องต้องกันพอดี เพราะถ้าจู่ๆ นักเล่าข่าวฝีปากเอก ที่ห่างหายจากสมรภูมิสื่อ ตั้งใจจะกลับมาทวงพื้นที่ของตัวเองคืน แต่กลับต้องมานั่งวิเคราะห์ รายงานข่าวแบบขี้หมูราขี้หมาแห้ง ชื่อของเขาก็คงจะไม่พูดถูกถึง บารมีที่หายไป ก็คงไม่สามารถจะทวงคืนกลับมาได้อย่างสมภาคภูมิ สิ่งที่เขาจะทำได้ ก็คือต้องเลือกประเด็นข่าว ที่เป็น Talk of The Town ที่เป็นวาระแห่งชาติแบบนี้แอง

แต่มองในอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นไปได้อีกเช่นกันว่า สรยุทธลงสนามมาแบบ Super Hero ด้วยเจตจำนงที่จะช่วยเหลือ และบรรเทาภัยของพี่น้องชาวภาคใต้จริงๆ

อย่าลืมว่า สมัยที่สรยุทธครองบัลลังก์นักเล่าข่าวอันดับ 1 อยู่นั้น เขาก็ทำหน้าที่ในลักษณะเดียวกันนี้อยู่บ่อยครั้ง แทบจะเรียกได้ว่าทุกครั้งที่เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ระดับประเทศ เขาจะเป็นหนึ่งในสื่อมวลชนที่ขันอาสาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการช่วยเหลือ ในการระดมทุน ในการหยิบยื่นและส่งผ่านกำลังใจให้กับผู้ประสบเหตุ

อย่างเช่นเมื่อคราวน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่เมื่อปี 2554 ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นกำลังหลักในการลงพื้นที่เพื่อรายงานสถานการณ์อย่างเอาจริงเอาจัง ในบางพื้นที่ที่เดินทางไม่สะดวกเพราะถนนถูกตัดขาด ก็จะเห็นภาพที่เขานั่งเรือไปกับเหล่าบรรดาอาสาสมัครทั้งหลาย เพื่อนำสิ่งของ เงินทอง และหยิบยื่นน้ำจิตน้ำใจให้พี่น้องผู้ประสบเหตุถึงหน้าบันไดบ้าน เรียกว่า ณ เพลานั้น สรยุทธเป็นพิธีกรที่ได้ใจของคนทั้งประเทศไปเต็มๆ

และครั้งนี้ ก็อาจจะเป็นการทำด้วยจิตอาสาล้วนๆ โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เคลือบแคลงหรือแอบแฝงก็ได้

อย่างน้อยที่สุด การปรากฏตัวรายงานข่าวในพื้นที่โซเชียลของตัวเอง ซึ่งถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เห็นได้ชัดจากการมียอดผู้กดไลค์แฟนเพจเพิ่มขึ้นกว่า 210,000 คนแล้ว และทุกคลิปที่ถ่ายทอดสดมีผู้ชมหลายแสนคน ไปจนถึงหลักล้าน ก็เป็นการกระตุ้นให้ผู้คนตื่นตัวในการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับพี่น้องชาวใต้ ขนาดว่าไม่ได้มีช่องทางการออกอากาศทางทีวี แต่กลับถูกพูดถึงมากกว่าข่าวทีวีหลายๆ ช่องด้วยซ้ำ

คือจะมองว่าทำดีเพื่อสร้างภาพ หรือทำดีด้วยน้ำใสใจจริงอะไรก็ตามแต่ ถ้ามันสามารถช่วยเหลือผู้คน ทำให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนหมู่มากได้ ก็น่าจะถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว

ส่วนใครจะเบ้ปากมองบน เพราะรู้สึกว่าความผิดหนเดิมยังไม่ได้รับการสะสาง หรือแก้ไขนั้น ก็ขออนุญาตพูดตรงนี้ว่า

สรยุทธทำผิดจริง ไม่เถียง ส่วนจะได้รับบทลงโทษสถานใด ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย

แต่เรื่องที่ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เพื่อสังคม ก็เป็นเรื่องที่ต้องชื่นชมกันไปตามระเบียบ

ความผิด กับทำดี เป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ ต้องแยกกันให้เด็ดขาด !!
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 373 7-13 มกราคม 2560






กำลังโหลดความคิดเห็น