เดี๋ยวนี้ใครทำงานดึกๆ แล้วเกิดอาการตาค้างจนอดจะไปเปิดโทรทัศน์ดูเป็นเพื่อนไม่ได้นั้น จะพบว่าแม้จะเปิดทีวีดูตอนตีสองช่อง 3 ก็ยังมีหนังเกาหลีประวัติศาสตร์มาให้ดู ล่าสุดนี้ชื่อ “เมียงซอง จักรพรรดินีที่โลกลืม”
เห็นชื่อละครแล้วก็อดจะกลับไปค้นไม่ได้ว่า จักรพรรดินีที่พูดถึงนี้คือใคร แล้วก็มาถึงบางอ้อ เพราะจากตำราเรียนประวัติศาสตร์การเมืองในประเทศเอเชีย พระราชินีมินนี่คือผู้กุมอำนาจในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์คนสุดท้ายของโชซอนหรือเกาหลีโบราณนั่นเอง เพราะหลังจากนั้นเกาหลีก็ถูกบังคับให้เป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่นอยู่เกือบ 40 ปี และเป็นเหตุให้เกาหลีเกลียดญี่ปุ่นยิ่งกว่าใดๆ ทั้งสิ้น
วาระสุดท้ายของเมียงซองหรือพระราชินีมินนั้น เอาเข้าจริงหลายๆ ฝ่ายในช่วงเวลานั้นก็เข้าไปรุมทึ้งเกาหลีตามหลักของประเทศที่ใหญ่กว่าที่ต้องกลืนกินประเทศที่เล็กกว่าในยุคจักรวรรดินิยมนั่นเอง จากข้อมูลรอบด้าน ฝ่ายเกาหลีหัวเก่าเองก็ต้องการให้ท่านตาย และหัวขบวนที่อยากจะเด็ดหัวเธอผู้นี้ก็คือ “พ่อตา” ของราชินีมินเองด้วย
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็จะไม่พูดในส่วนเหล่านี้ว่า ทั้งจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย และคนหัวเก่าในราชสำนักเองล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการตายครั้งนี้ แต่เมื่อพูดถึงกันทีไรเกาหลีก็จะยกทุกเรื่องให้ญี่ปุ่นซึ่งก็เป็นฝ่ายที่ทำจริงๆ เหมือนกัน...เพราะซามูไรมือสังหารได้บุกเข้าไปฆ่าพระราชินีองค์นี้ถึงในวังกันทีเดียว
เพราะฉะนั้นชื่อเรื่องที่ควรจะเป็นก็คือ “ราชินีที่โลกอยากลืม” เพราะมันเป็นความทรงจำที่โหดร้ายและขมขื่นมากในเหตุการณ์ของเอเชียเหตุการณ์หนึ่ง
จะว่าไปการตั้งชื่อละครเหล่านี้ของช่อง 3 ก็อดที่จะทำให้ “แนวร่วมที่เบื่อละครเกาหลี” และ “แนวร่วมที่เกลียดละครเกาหลี” ไม่หมั่นไส้ไม่ได้ เพราะในความจริงของประวัติศาสตร์เกาหลีตั้งแต่สมัยซิลลา โคคุเรียว จนกระทั่งโชซอน เกาหลีตกเป็นประเทศรราชของจีนเกือบตลอด เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเป็นจอมคนผู้พลิกแผ่นดิน มหาราชากู้แผ่นดิน มหาราชินีสามแผ่นดิน จอมจักรพรรดิอะไรต่อมิอะไร ก็เป็นแต่อยู่ใต้การอนุญาติของประเทศพี่บิ๊กอย่างจีนทั้งนั้น แถมไม่ว่าจีนหรือจงกั๋วจะเปลี่ยนผลัดไปสู่ราชวงศ์ใด เกาหลีก็ยินดีจิ้มก้องเสมอมา...จนกระทั่งถึงยุคสมัยของเมียงซองเกาหลีก็ยังทำเช่นนั้นอยู่ อันนี้เป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
ส่วนตัวผมไม่ได้ทั้งเบื่อ ทั้งเกลียด เพราะเรื่องไหนสนุกหรือน่าสนใจก็ดู เรื่องไหนไม่สนุกเลยก็ไม่ดู อันนี้ก็เป็นเหมือนกันทุกครั้งเวลาเหมาซื้อดีวีดีซีรี่ส์ชาติต่างๆ มาดูถ้าเจอเรื่องไหนห่วยจัดๆ ก็จะจัดตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มแนวร่วมสองแนวที่ว่าเป็นพักๆ
เรื่องเมียงซองที่ช่อง 3 เอามาฉายนี้ ความจริงสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ซึ่งเป็นการรำลึกครบรอบการตาย 100 ปีของราชินีผู้นี้ ซึ่งในละครที่ว่าเขาได้จับความตั้งแต่พระราชินีมินครั้งยังเป็นเด็กอยู่ ก่อนที่ชะตาจะพลิกผันให้กลายเป็นผู้หญิงเก่งประจำราชสำนักโชซอน
ผมขึ้นชื่อบทความชุดนี้ไว้ว่า “ ปฏิบัติการล่าจิ้งจอก” ตามชื่อรหัสภาษาอังกฤษ “Operation Fox Hunt” ที่นักประวัติศาสตร์การเมืองทั่วโลกรู้จักดี ก็เพราะจิ้งจอกที่ว่านี้หมายถึงตัวของพระราชินีมินที่ฉลาดเฉลียวหาตัวจับยาก จึงจะต้องมีการวางแผนกันหลายขั้นตอน แต่กว่าจะถึงแผนปฏิบัติการของผู้ที่เกี่ยวข้องนี้ต้องขออนุญาตเล่าแบ็กกราวนด์ของเรื่องก่อนจะมาถึงวันล่าจิ้งจอกกันก่อน ดังนี้ครับ
อาณาจักรโชซอนในช่วงเวลานั้นดำรงสถานะที่เรียกว่าเป็น รัฐฤาษี หรือ Hermit State อันเนื่องมาจากการปิดประเทศโดยเฉพาะปิดจากการเข้ามาของลัทธิจักรวรรดินิยมจากทางตะวันตก เหตุการณ์ที่เมืองจีนซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของเกาหลีนั้นก็วุ่นวายมากเนื่องจากการเข้ามาของตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นการเกิดสงครามฝิ่นในปี ค.ศ.1839 ที่จีนทำสงครามกับอังกฤษและฝรั่งเศสเหตุเพราะไม่ยอมให้มีการค้าฝิ่นในจีนแต่ทางอังกฤษไม่ยอม การสู้กับเทคโนโลยีอาวุธแถมขุนนางก็ห่วยทำให้จีนแพ้ไปในปี ค.ศ. 1842 จนกระทั่งการเกิดขบถไท่ผิงที่มีหงซิ่วฉวนเป็นหัวหน้าขบถซึ่งนับถือคริสต์ศาสนาและยกให้ตัวเองเป็นบุตรของพระเจ้า โดยเริ่มก่อขบถในปี ค.ศ.1851 กว่าทางการจีนจะปราบขบถไท่ผิงได้ก็ปาเข้าไปปี 1863 และทำให้จีนต้องเสียเปรียบต่างชาติอย่างอังกฤษและอีกหลายต่อหลายชาติที่เข้ามารุมกินเค้กอย่างเมามัน
อาณาจักรโชซอนซึ่งเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่ก็ได้ข้อสรุปว่า 1. ฝรั่งต่างชาติจากตะวันตกเป็นภัยร้ายที่สุด 2.ศาสนาคริสต์และบาทหลวงผู้นำศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแผ่ก็เป็นภัยร้ายแรงเช่นกัน 3. บุคคลผู้นับถือศาสนาคริสต์ก็เป็นบุคคลต้องห้าม จริงๆ แนวคิดดังกล่าวนั้นก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1839 เมื่อชาวคาทอลิกจำนวน 80 คนถูกบรรดายางบันและราชสำนักจับประหารชีวิต ในจำนวนนี้มีผู้หญิงถึง 50 คน และถูกจับอีกหลายร้อยคนรวมทั้งบาทหลวงชาวฝรั่งเศส บาทหลวงชาวฝรั่งเศสในจีนจึงได้ขอร้องให้กองทัพฝรั่งเศสช่วยเหลือ เรือรบสามลำภายใต้การนำของนายพลเรือ Cecile ได้รุดไปยังน่านน้ำเกาหลีในปี ค.ศ. 1846 และยื่นคำขาดให้พระนางซุนวอน (Sunwon ค.ศ. 1834 - 1850) ผู้สำเร็จราชการให้คำอธิบายว่าทำไมพลเรือนที่นับถือคริสต์และบาทหลวงชาวฝรั่งเศสถูกฆ่าตายอย่างทารุณโดยไร้ความผิด ถ้าไม่ได้คำตอบที่ดีก็จะต้องทำสงครามกัน แน่นอนว่าโชซอนไม่ได้ตอบอะไร ที่สำคัญเมื่อเรือรบฝรั่งเศสกลับมาอีกรอบก็ดันมาชนหินโสโครกนอกชายฝั่ง ทางราชสำนักโชซอนก็เลยได้ปลื้มว่าน่าจะเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับที่ญี่ปุ่นเคยมีพายุกามิกาเซที่ขับไล่มองโกลออกไป
จะเห็นได้ว่าความไม่ชอบใจต่อชาวคริสต์และศาสนาคริสต์ในเกาหลีนั้นมีอยู่สูงมาก แนวคิดดังกล่าวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อกษัตริย์โกจองขึ้นครองราชย์ในวันที่ 13 ธันวาคม 1863 การขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ทำให้อำนาจในการบริหารทั้งหมดตกอยู่แก่ “แดวอนกุน(Taewongun)” หรือ “พระราชบิดา” ของพระองค์เองซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการ
แดวอนกุนคนที่ว่านี้แหล่ะครับที่ในละครเรื่อง เมียงซอง จักรพรรดินีโลกไม่ลืม เขายกให้เป็นตัวร้ายอันดับหนึ่ง
แต่เรื่องจริงนั้น แดวอนกุน ผู้นี้ยากมากที่จะบอกว่าเขาเป็นคนร้ายหรือเป็นคนดี ประการแรกในฐานะของชาวโชซอนที่ดีที่คร่ำเคร่งจนเรียกได้ว่าคร่ำครึกับคำสอนของขงจื๊อซึ่งเป็นหลักศาสนาประจำชาติโชซอน เขามองเห็นการคืบเข้ามาของศาสนาคริสต์ที่จะทำลายความเชื่อของคนที่เคยนับถือขงจื๊อ และถ้าคนไม่นับถือขงจื๊อ...มันจะทำให้คนชั้นต่ำๆในประเทศโชซอนอาจจะไม่อยากอยู่ใต้ระบบวรรณะและศักดินาที่ใช้กันมานาน และมันอาจจะไม่ช่วยให้ฐานะของพวกยางบันหรือชนชั้นสูง และระบอบกษัตริย์เป็นได้อย่างที่มันเคยเป็น
การอาศัยอำนาจบริหารราชการแทนองค์กษัตริย์อายุน้อย ก็เลยทำให้ในปี ค.ศ.1865 ราชสำนักของเกาหลีประกาศอย่างเป็นทางการว่า การเผยแผ่ศาสนาคริสต์เป็นสิ่งเลวร้ายที่เป็นภัยคุกคามต่อเกาหลี และเรียกร้องให้ชาวเกาหลีร่วมกันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของชาวคริสต์ แถมยังไม่ต้อนรับชาวฝรั่งชาติตะวันตกเสียด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้โชซอนในยุคนั้นถูกเรียกว่าเป็น “รัฐฤาษี” ดังที่กล่าวมาข้างต้น ขณะเดียวกันทางภาคประชาชนก็มีการจัดตั้งขบวนการตงฮัก (Tonghak) ซึ่งเลียนแบบขบถไท่ผิงในจีนขึ้นมา ขบวนการนี้มีหน้าที่คอยโจมตี ทำร้ายและทำลายกิจการของชาวคาทอลิกทั้งหลาย เรียกว่าใครที่นับถือคริสต์แล้วอยู่ในโชซอนตอนนั้นต้องเสียวสันหลังกันตลอด เพราะความตายมาเยือนได้ทุกเมื่อ
แต่การทำตัวเป็นฤาษีไม่รู้หนาวรู้ร้อนกลับไม่ได้ผลเท่าไหร่ ในเมื่อดินแดนโชซอนเองดันเป็นรัฐกันชนระหว่างญี่ปุ่นซึ่งในเวลานั้นหลังจากมีการปฏิวัติเมจิกันแล้วก็ขอเดินตามนโยบายจักรวรรดินิยมบ้าง ดาบและปืนของประเทศหลายประเทศจึงจ้องมาที่โชซอน...เพราะถ้าตีได้สำเร็จ พื้นที่ทางตะวันออกของจีนก็อยู่แค่เอื้อมเท่านั้น
คนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ต้องถามว่า เมียงซองมาหรือยัง...คำตอบอยู่ในสัปดาห์หน้าครับ