"หนุ่ม กรรชัย" เผยเรื่องง้อสาว ร้อยเพลงรักก็ไร้ผล หากตัวเองยังเป็นเหมือนเดิม คุยตอนนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปเยอะมากแต่พูดไม่ได้ว่ามีใครเห็นหรือเปล่า ที่ชัดเจนคือความมีสติ บอกความรักเป็นเรื่องของสองคน ไม่เกี่ยวกับแรงเชียร์ใดใดทั้งสิ้น
นักแสดงหนุ่ม"กรรชัย กำเนิดพลอย" เปิดใจ เพลงที่ร้องไปไม่ได้ผล ถ้าไม่มีการปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น บอกทุกสิ่งที่ทำลงไป ไม่ได้มองว่าเพื่อใคร แต่เป็นการทำตัวให้มีคุณค่าขึ้นมากกว่า
"เพลงที่ผมร้องไป (รักเธอมากกว่าเดิม ในอัลบั้ม Be My Guest Again) มันไม่ได้ผลหรอก เพราะต่อให้เราร้องเพลงร้อยเพลงนะ แต่ถ้าเรายังทำตัวไม่ดีอยู่ เพลงร้อยเพลงก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าสิ่งที่ดีที่สุด คือการกระทำของเรามากกว่า ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร ทำอย่างไร แค่นั้นเอง"
"บางครั้ง มันไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปทำดีกับเขาคนเดียว แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือเราจะต้องปรับปรุงตัวเราเอง ถ้าเกิดตัวเรายังไม่ดีแล้วกลับไป เขาก็จะเสียใจเปล่าๆ"
เปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากขนาดไหน?..."อันนี้ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่สำหรับตัวหนุ่มเอง บอกได้เลยว่าสิ่งที่หนุ่มทำทุกอย่าง จะไม่มองภาพส่วนอื่นๆ ที่จะต้องทำให้เขา เราจะทำให้ตัวเรามันมีคุณค่ามากขึ้นกว่าเดิม ให้รู้สึกว่าเราดีมากขึ้นกว่าเดิม พอเราดีทุกคนก็จะหันมาเห็นเอง มันก็เหมือนกับคนเห็นก้อนดิน ก้อนหินเขาก็จะเดินผ่าน"
"แต่ถ้าวันหนึ่งเราพยายามขัดตัวเราเอง ให้เปล่งประกายขึ้นมาได้ ผมว่าคนที่เดินผ่านไปเขาก็จะก้มมามองเอง ว่า เอ๊ะ ทำไมก้อนหินมันมีแสงแวบๆ ถึงแม้มันจะยังเป็นหินอยู่ก็ตาม มันเป็นเรื่องธรรมดา อันนี้คือท่าน ว. วชิรเมธี สอนผมมา ซึ่งมันก็ใช้ผลนะครับ"
เผยไม่ใช่การพิสูจน์ตัว แต่เป็นการทำชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นมากกว่า ฝ่ายหญิงจะมองเห็นหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องไปบอก..."มันไม่การพิสูจน์อะไรทั้งนั้น คือเราทำเพื่อตัวเราเองก่อน ทำเพื่อตัวเองให้เรารู้สึกว่า เราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ แล้วเดี๋ยวคนอื่นเขาก็จะเห็นเอง"
"จริงๆ แล้วทุกอย่างมันก็รวมอยู่ในอันเดียวกันหมดเลยครับ วันหนึ่งถ้าเราทำตัวเองให้มันดีขึ้น เราขัดตัวเองให้เงาขึ้น ถ้าเขาเห็น เขาก็เห็นเอง เราไม่ต้องวิ่งไปบอกเขาว่า เฮ้ย เราเปลี่ยนแล้วนะ มันก็เป็นแค่คำพูดเท่านั้นเอง"
"แต่ถ้าเกิดถึงวันนั้นแล้ว มันไม่ได้อย่างที่เราต้องการ หรือว่ามันยังไม่พอกับสิ่งที่เขาต้องการ หรือว่าอะไรก็ตามแต่ เราก็ต้องยอมรับในความเป็นจริงว่า ครั้งหนึ่งเราเป็นแบบนี้แล้วเขาก็มีโอกาสที่จะไปดูคนอื่นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันเป็นกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ผมบอกไม่ได้จริงๆ"
มั่นใจตัวเองเปลี่ยนไปเยอะ ที่เห็นชัดคือ ความมีสติ ยันทุกสิ่งที่ทำลงไปไม่ได้ต้องการให้ใครเห็น บอกเพียงแค่พูดความจริง จะได้ไม่ต้องหลบเลี่ยงเวลาให้สัมภาษณ์กับสื่อ
"เปลี่ยนไปเยอะ หนุ่มว่าหนุ่มเปลี่ยนไปเยอะ แต่มันอยู่ที่ว่าใครจะเห็นหรือไม่เห็น บางคนอาจจะเห็นในทีวีว่าหนุ่มเป็นคนกะล่อน พูดจาโน่นนี่ มันเป็นภาพที่เป็นตรงนั้น แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่"
"ความมีสติมากขึ้นมั้งครับ เพราะบางทีพอมันขาดสติแล้ว ก็เหมือนว่าเราควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ยังไม่เพียงพอแหล่ะครับ กับแค่มีสติ แต่มันไม่มีสตางค์มันก็ลำบาก"
"ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ ไม่ได้ต้องการให้ใครเห็นอยู่แล้ว เราทำแล้วเรารู้สึกสบายใจ อย่างเช่นเราไปทำบุญอย่างนี้ จำเป็นไหมต้องไปบอก เฮ้ย ผมทำบุญนะ ไม่จำเป็น ไปทำบุญมันอยู่ที่ตัวเรา เราได้ของเราเอง เราสบายใจเอง ไม่ต้องไปบอกใคร แต่ถ้าเราอยากให้เขาไปทำบุญ ก็บอก เออ วันนี้ไปทำบุญหรือยัง ไปทำบุญซะ แค่นี้จบ"
"บางครั้งหนุ่มรู้สึกว่า ทำไมเราเจอพี่ๆ สื่อมวลชนแล้ว เรานั่งอยู่ตรงนี้ เราถูกถามๆ รู้สึกกดดันจนบางครั้งเราไม่ได้เป็นโจรแต่เราต้องเป็นโจรไป เพราะฉะนั้นหนุ่มก็เลยคิดว่า เฮ้ย เราก็เป็นตัวเราสิ เราก็เอาความจริงมาพูดสิ คนที่มันสร้างภาพ ยังไงมันก็ต้องถูกเจาะจนหลุดออกมาได้ทั้งนั้น เพราะมันคือสิ่งที่โกหก"
ยอมรับมีทั้งคนเชียร์และไม่เชียร์ บอกทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนสองคนเท่านั้น..."ถามว่ามีคนเชียร์ไหม ก็มี มีคนไม่เชียร์ไหม ก็มี มันสองมุมอยู่แล้ว ทีนี้เป็นธรรมดาที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่คนสองคน แล้วหนุ่มว่า สำหรับคนที่เชียร์ ถามว่าพอเชียร์ปุ๊บ ผมยังเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ ผมกลับไปแล้วเมย์ต้องเสียใจอีก"
"ผมถามว่าคนที่เชียร์จะรู้สึกอย่างไร ก็ต้องมาเกลียดผมอีก แต่คนที่ไม่ได้เชียร์ผม แล้วบอกว่าอย่าไปคบกับมันเลย ถ้าวันหนึ่งผมเปลี่ยนแปลงตัวเองขึ้นมาได้ แล้วคุณสามารถทำให้เขาแยกกันไปได้ คุณไม่บาปเหรอ มันคือเรื่องของคนสองที่จะตกลงกันเอง มุมมองของคนมันไม่เหมือนกัน ถูกเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน"