xs
xsm
sm
md
lg

"เอ็มทีวี" ทิ้งยูบีซี ทำผ่านดาวเทียม - สมาชิกบ่นเห็นแก่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"เอ็มทีวี - VH1" โบกมือลา "ยูบีซี" หลังการเจรจาต่อสัญญาล้มเหลว ผู้บริหารแจงไม่มีการผิดใจแต่เป็นเรื่องของการดำเนินธุรกิจคนละแนวทาง พร้อมยิงทั้งสองช่องออกอากาศผ่านดาวเทียมแทน ส่วนยูบีซีแจงต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบของรายการเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ขณะที่สมาชิกบ่นขรมทั้งสองบริษัทมองแต่ผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก

สร้างความแปลกใจต่อบรรดาแฟนคลับของช่องเพลงทั้งเอ็มทีวี (ไทยแลนด์) และ VH1 เป็นอย่างยิ่งกับการยุติการออกอากาศของทั้งสองช่องผ่านเคเบิ้ลทีวียูบีซีอย่างกะทันหันชนิดที่แทบจะไม่มีการแจ้งให้ทราบกันล่วงหน้าในช่วงกลางดึกที่ผ่านมาของวันวาน(31 ต.ค.) โดยนำเอามิวสิกวิดีโอมาออกอากาศแทนพร้อมแจ้งผ่านหน้าจอทีวีว่ากำลังอยู่ในช่วงของการทดลองออกอากาศ และขึ้นตัววิ่งด้านล่างว่า เตรียมพบกับช่องดนตรีแนวใหม่ เต็มรูปแบบ ที่นี่ เร็วๆ นี้...

อย่างไรก็ตามเรื่องราวต่างๆ ก็ได้รับการกระจ่างขึ้นมาเมื่อทางยูบีซีเองได้ส่งแฟกส์ชี้แจงถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากนายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสาย Commercial ว่า เป็นเพราะจากการสำรวจข้อมูลพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นได้มีการเปลี่ยนไป ทางยูบีซีเองจำเป็นต้องสำรองช่องสัญญาณเพื่อรองรับการเพิ่มช่องใหม่นั่นเอง

"จากข้อมูลเราพบว่าปัจจุบันความนิยมของผู้ชมรายการนั้นเปลี่ยนไป มีการเลือกชมรายการประเภทสารคดีและเพลงไทยสากลเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ต้องมีการปรับเพิ่มช่องใหม่และลดช่องเดิมที่มีอยู่เพื่อความเหมาะสม โดยที่ผ่านมายูบีซี ทรู ได้เพิ่มการให้บริการใหม่ถึง 7 ช่อง ได้แก่ ช่องสารคดีพากย์ไทย 24 ชั่วโมง 3 ช่อง คือเอ็กซ์โพเลอร์ 1 2 3 ช่อง มูวี ฮิตซ์ ภาพยนตร์สุดฮิตระดับบล็อกบัสเตอร์พากย์ไทย 24 ชั่วโมง 1 ช่อง ช่องเพลงไทยสากล 2 ช่อง คือมะจัง และทรู มิวสิก รวมถึงช่องเกมส์ จี แสควร์ ในขณะเดียวกันได้มีการสำรองช่องสัญญาณเพื่อรองรับการเพิ่มช่องใหม่ในอันดับต่อไป จึงได้พิจารณายุติการออกอากาศช่องเอ็มทีวีและวีเอชวัน"

ขณะที่ในช่วงบ่ายของวันนี้(1 พ.ย.) ทางผู้บริหารของ บ.เอ็มทีวีฯ โดยนาย "สมิทธิ เพียรเลิศ" ผู้จัดการทั่วไป ได้จัดให้มีการแถลงข่าวเพื่อชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวขึ้นโดยบอกเล่าถึงเหตุผลของการยุติการออกอากาศในครั้งนี้ว่าเป็นเพราะทางเอ็มทีวีนั้นได้หมดสัญญากับทางยูบีซีเมื่อคืนพอดี พร้อมกับยืนยันว่าไม่มีการผิดใจกับทางยูบีซีหรือมีการดำเนินการที่ขาดทุนแต่อย่างไร

“เอ็มทีวีไม่ได้ขาดทุนเพราะเราไม่ได้เสียค่าเช่าให้ยูบีซี ถ้าเราขาดทุนเราก็เจ็บตัวเองไม่เกี่ยวกับยูบีซี คือการขาดทุนไม่ขาดทุนดูได้จากอีเวนต์ กิจกรรม ที่ผ่านมาเรามีมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายถึงว่าเรามีสปอนเซอร์เข้ามาซัพพอร์ตค่อนข้างดี”

“ที่มันดูกะทันหันก็เพราะมันมีหลายๆ อย่างเข้ามา ทางผู้บริหารก็คุยกันมาเรื่อยๆ แต่ผู้บริหารทั้งสองฝ่ายไปเมืองนอก มีงานประชุมมากมาย ทุกคนอยู่เมืองนอกกันหมด ไม่มีเวลาคุยกัน (ยูบีซีแจงว่าต้องขยายช่องทำให้ต้องตัดเอ็มทีวีออกไป?) ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น แต่ต่างคนต่างมีนโยบายที่ต่างกัน ตอนนี้เขาอยากปรับผังเป็นแบบนี้ ก็ต้องถามเขาว่าจะต่อสัญญาจะมีเงื่อนไขแบบนี้แบบนั้นได้มั้ย เป็นเรื่องของธุรกิจ”

ทั้งนี้ภายหลังจากที่เอ็มทีวีได้ถูกยุติการออกอากาศจากยูบีซีช่อง 32 ทาง บ.เอ็มทีวีฯ เองก็ได้นำช่องเอ็มทีวีรวมถึง VH1 ยิงผ่านดาวเทียมเอบีเอส1 ทันที โดยผู้จัดการทั่วไปของเอ็มทีวียังได้บอกเล่าถึงการเข้าไปเป็นพันธมิตรกับสไมล์ทีวีเน็ตเวิร์คในการทำช่องรายการทีวีผ่านดาวเทียมดวงดังกล่าวว่า น่าจะเป็นธุรกิจใหม่ที่ไปได้ดี และมีฐานคนดูที่กว้างมากยิ่งขึ้น โดยทางเอ็มทีวีเองก็เตรียมที่จะเพิ่มช่องเด็กขึ้นมาอีก 1 ช่อง ขณะที่สไมล์ทีวีฯ เองปัจจุบันนั้นมีการผลิตอยู่ 5 ช่องด้วยกัน ส่วนการจะได้กลับไปร่วมงานกับทางยูบีซีอีกหรือไม่นั้น สมิทธิบอกว่าดงต้องดูรายละเอียดกันอีกที

“ไม่ใช่ว่าเราไม่ยอมต่อสัญญานะ คือมันหมดอายุ หมดสัญญาอัตโนมัติ ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะอยู่ในแพลทฟอร์มไหน เพราะเขาก็ไม่ยอมให้เราทำแพลทฟอร์มใหม่ ไม่ใช่ไม่อยากต่อ ไม่งั้นไม่รอถึงวันนี้ ไม่ต้องมาเปิดตัววิ่ง 4 - 5 ทุ่มเมื่อคืนหรอก ไม่งั้นขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว...ในอนาคตเราก็อยากจะกลับมาที่ยูบีซี แต่จะกลับมาในฐานะไหนก็ต้องคุยกันต่อไป ฝากถึงผู้บริหารยูบีซีว่าเราอยากคุยด้วย เพราะว่าเราก็ยินดีอยากจะคุยกันอีก เพราะเราก็อยากขายโปรดักชัน ”

“ก็ยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่มีอะไรกับยูบีซี แต่มันถึงเวลาที่เราจะต้องเปลี่ยนจากเอ็กซ์คลูซีฟบิซิเนสเป็นโมเดลบิซิเนสดูบ้าง จากที่เรายืนอยู่ที่ยูบีซีที่เดียวตอนนี้ทุกคนก็จะรับเอ็มทีวีได้แล้วถ้ามีจานดีทีเอชหรือเป็นระบบไดเรกทูโฮม ก็คือมันก็จะเข้าถึงคนกว้างมากขึ้น โมเดลที่ใช้เราไปใช้ที่จีนกับเกาหลีก็ได้ผลนะ ประสบความสำเร็จ"

“มันน่าจะได้มากขึ้น ที่ยูบีซีอาจจะมีประมาณ 5 แสนครัวเรือนที่ดู แต่เราก็อาจจะขยายออกได้มากกว่านั้น ณ วันนี้ เราก็คิดว่าน่าจะได้ 1 - 2 ล้านคน เราคาดหวังแบบนั้น เราจะขายการ์ดในราคาถูกๆ ให้เข้าถึงทุกคน เรื่องรูปแบบคุณภาพความเป็นตัวตนไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน แต่ถ้าฐานคนดูมากขึ้นกว่านี้ อาจจะเพิ่มไปถึง 12 ช่อง ซึ่งตอนนี้เรามีอยู่ 8 ช่อง ก็ได้วีเจทั้งหมดอยู่เหมือนเดิม คอนเสิร์ตที่ฉายที่เอ็มทีวีก็มีอยู่เหมือนเดิม”

อย่างไรก็ตามกับการยุติการออกอากาศของช่องเอ็มทีวี และ VH1 จากทางเคเบิ้ลทีวียูบีซีที่ค่อนข้างจะกะทันหันในครั้งนี้ก็ได้สร้างความไม่พอใจให้กับทางสมาชิกของยูบีซีส่วนหนึ่งเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่เคยได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่ว่านี้มาก่อน พร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่าทางเอ็มทีวีเองพยายามจะทำให้เรื่องนี้ดูเป็นอะไรที่ปุบปับเพื่อทำให้เป็นข่าวหรือไม่ เพราะไม่น่าที่จะเป็นไปได้ว่าการเจรจาในการต่อสัญญานั้นจะมีกันจนถึงวินาทีสุดท้ายของสัญญา กระทั่งเกือบจะไม่สามารถจะแจ้งให้ทราบกันล่วงหน้าได้เช่นนี้

"มันน่าสงสัยนะ เอ็มทีวีเขาจะไม่รู้เชียวหรือ แล้วทำไมถึงได้สามารถออกอากาศผ่านดาวเทียมได้ทันทีเหมือนกับจะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะไม่มีการต่อสัญญาหรือรู้ว่าการเจรจามันล้มเหลว แล้วเขาทำไมไม่บอก ส่วนยูบีซีเองที่ไม่บอกเพราะว่ากลัวสมาชิกจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเพราะช่องเอ็มทีวีมันขายได้ ซึ่งที่ผ่านๆ มาเวลาจะเปลี่ยนอะไร เขาก็แทบจะไม่ค่อยแจ้งอยู่แล้ว"...แหล่งข่าวที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งของยูบีซีเผย

เอ็มทีวี ไทยแลนด์ เริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001 มีกลุ่มผู้ชมหลักอายุ 15-24 ปี ผลิตรายการทั้งหมด 25 รายการ เน้นไลฟ์สไตล์ของเด็กวัยรุ่น มีเนื้อหา เกี่ยวกับ เพลง หนัง แฟชั่น รวมถึงรายการสด ผ่านช่องยูบีซี 32 ปัจจุบันเอ็มทีวีจะเน้นการเปิดเพลงไทยเเละเอเชียเป็นหลักพร้อมกับโยกเอาเพลงสากลไปที่ช่อง VH1 ซึ่งเป็นช่องลูกข่ายแทน โดยมีวีเจที่เป็นที่รู้จักกันดีอาทิ วีเจชมพูนุช เศวตวงศ์ (Alex), การณิก ทองเปี่ยม (นิกกี้), แอนนี่ ทรัพย์เสริมศรี (แอนนี่), ภูมิใจ ตั้งสง่า (ภูมิ),เจนสุดา ปานโต (เจน), เจน ศรีประยูร (แวว), ณัฐพล ลียะวนิช (ต่าย), จอห์น เดล คาสติลโล (จอห์น) และ ศุภกานต์ ปลอดภัย (เจ)
กำลังโหลดความคิดเห็น