กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 30
เจิ้นตงวางโบรชัวร์สถาบันออกแบบชื่อดัง ยื่นไปตรงหน้าเหม่ยลี่
“นี่คือสถานบันสอนการออกแบบเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงในเกาหลี ฉันสามารถให้โอกาสเธอใช้สถานะพนักงานของบริษัทไปเล่าเรียนได้”
เหม่ยลี่แปลกใจ “ท่านประธาน อืม ทำไมคุณต้อง...”
“นอกจากนี้แล้ว ในนี้มีเช็คเงินสดหนึ่งใบ เป็นค่าชดเชยที่จะให้เธอไปจากเซี่ยวเลี่ยง เธอไปศึกษาซักหนึ่งปี ในหนึ่งปีนี้ เธออย่ากลับประเทศ นอกจากนี้ห้ามมีการ ติดต่อใดๆ กับเซี่ยวเลี่ยง”
เหม่ยลี่พอเดาออก “ความหมายของคุณคือ ให้ฉันเลิกกับเซี่ยวเลี่ยงเหรอคะ”
“เธอดูให้ละเอียดสิ จำนวนเงินในเช็คนั่น ฉันไม่เอาเปรียบเธอแน่นอน”
เหม่ยลี่ไม่ยอมรับ “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งเหล่านี้”
“งั้นเหรอ เธออาจจะยังไม่รู้ชะตากรรมของเซี่ยวเลี่ยง ตอนนี้เซี่ยวเลี่ยงไม่ใช่ประธานอย่างแท้จริงของบริษัทแล้ว เพราะภายในหนึ่งเดือนนี้ ฉันจะมอบหมายงานและอำนาจทั้งหมดของเขา ไปให้กับคนอื่น จนกว่าเขาจะออกจากบริษัท นี่คือการสูญเสียที่เขาไม่ยอมทิ้งเธอ”
เหม่ยลี่อึ้งหนัก “คุณกำลังใช้บริษัทข่มขู่เขาเหรอ นั่นคือสิ่งที่เขาทุ่มเทมาทั้งชีวิตนะ”
“ดูเหมือนว่าเธอจะหัวดื้อ เซี่ยวเลี่ยงก็พูดกับฉันแบบนี้เหมือนกัน ถ้าหากว่า เธอมีความจริงใจกับเซี่ยวเลี่ยง ก็ควรที่จะช่วยเขาปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างนี้ หรือว่า เธออยากเห็นเซี่ยวเลี่ยงทำเพื่อเธอ จากผู้บริหารที่มีเพียบพร้อมทุกอย่าง กลายเป็นแรงงานที่ต้องลำบากทำงานหนักล่ะ หลานสาว การชอบใครคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันหรอก การรักใครคนหนึ่งก็ควรจะสนับสนุนเขา เธอรู้มั้ยอะไรคือความฝันของเซี่ยวเลี่ยง ก็คือในท้ายสุด สามารถจดทะเบียนกับบริษัทที่อเมริกาได้ และกลายเป็นผู้ประกอบการจีนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และบริษัทก็คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของเขา เฮ้อ น่าเสียใจ ดูเหมือนว่า เขาคงจะไม่เคยพูดกับเธอมาก่อน ฉัน...เข้าใจเซี่ยวเลี่ยงดี เขาเป็นคนคนทุ่มเทให้กับความรักมาก นี่คือข้อดีของเขา และเป็นจุดอ่อนของเขาเช่นกัน เพื่ออนาคตของเขาแล้ว ถือว่าคนเป็นพ่ออย่างฉันขอร้องแล้วกัน ต้องขอร้องเธอแล้วล่ะ ขอบคุณ”
เซี่ยวเจิ้นตงถึงกับโค้งให้ ก่อนจะเดินจากไป เหม่ยลี่น้ำตารื้น ลำบากใจ และเศร้าเศร้าเหลือแสน
เซี่ยวเลี่ยงพาเหม่ยลี่มาทานอาหารในร้านหรู มองเห็นวิวสวยของนครเซี่ยงไฮ้ พูดสั่งอาหารกับบริกรชาวฝรั่งเป็นภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ
“ผมเอาอันนี้ แค่นี้ครับ”
“โอเค สเต็กของคุณต้องปรุงสุกๆ และขนมหวานหนึ่งที่นะครับ”
เหม่ยลี่สั่ง อึกๆ อักๆ “อืม...ฉันต้องการ...อืม...”
เซี่ยวเลี่ยงเลยสั่งให้ “อืม...สเต็กของเธอเอาสุกเจ็ดส่วนก็พอ เธอไม่ชอบกินอาหารที่ดิบเกินไป”
เหม่ยลี่มองเซี่ยวเลี่ยงแล้วได้แต่คิดในใจ “สังคมของเขากับฉันช่างแตกต่างกันจริงๆ”
“ได้ครับ รอซักครู่”
“ขอบคุณ”
เหม่ยลี่ถามขึ้นว่า “เมื่อกี้คุณพูดว่าไงเหรอคะ ว่าฉันกินอาหารฝรั่งไม่เป็นใช่มั้ย”
“ยัยเด็กโง่ ผมบอกให้พวกเขาเสิร์ฟขนมหวานให้คุณก่อน” มีสายจากฉีหยูโทร.เข้ามา เซี่ยวเลี่ยงกดรับ “ว่าไง อืม ให้ท่านรองหลินไปจัดการเถอะ โอเค”
เหม่ยลี่ฟังแล้วแปลกหู “คุณบอกว่าให้ท่านรองหลินไปจัดการ คุณมอบหมายงานให้เขาแล้วเหรอ”
“อืม...ช่วงนี้คุณเป็นอะไร ทำไมห่วงเรื่องงานของผมจังเลย”
“ใช่ค่ะ เมื่อก่อน ตอนที่คุณทำงานยุ่ง ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉันมากๆ แต่ว่าตอนนี้ พอคุณมีเวลาแล้วจริงๆ ฉันกลับอยากให้คุณงานยุ่งเหมือนอย่างเดิม”
เซี่ยวเลี่ยงเดาออกทันที “มี่โตะ พ่อผมไปหาคุณใช่มั้ย เป็นอย่างที่ผมคิดไว้เลย”
“ทำไมต้องยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อฉันด้วยล่ะ”
“ไม่อย่างนั้นจะให้ผมทิ้งคุณเหรอ ผมทำไม่ได้หรอก พ่อผมเสนอเงื่อนไขอย่างเด็ดขาด คุณคิดยังไง”
“ฉันยังไม่ได้คิด”
เซี่ยวเลี่ยงอดกังวลขึ้นมาไม่ได้ “คุณคงจะ...ไม่หวั่นไหวหรอกนะ”
“เปล่าค่ะ ฉันอยากรอให้คุณเลือกก่อน ถ้าคุณยินดีจะเลือกฉัน ฉันก็จะอยู่เคียงข้างคุณ แม้บริษัทไล่ฉันออกก็ไม่เป็นไร แต่ว่า ถ้าคุณต้องการจะเลือกบริษัท ฉันจะไม่ตำหนิคุณ ฉันจะรอคุณอยู่เสมอ คุณลืมแล้วเหรอว่าฉันเป็นฝ่ายชอบคุณก่อน ดังนั้นฉันจึงรักคุณมากกว่าที่คุณรักฉันนิดหนึ่ง แต่ถ้าคุณไม่ทิ้งฉันล่ะก็ ฉันจะทิ้งคุณได้ยังไงล่ะ เพียงแต่ตอนนี้ ฉันค่อนข้างกังวล เพราะฉันเป็นสาเหตุ และเป็นตัวถ่วงอนาคตของคุณ ฉันไม่ควรคิดถึงแต่ความรักและความฝันของตัวเอง เหมือนที่พ่อของคุณพูดความรัก คือการสนับสนุน”
“งั้นคุณก็สนับสนุนผมสิ ผมหมายถึง สนับสนุนสิ่งที่ผมเลือก ในเมื่อผมเลือกคุณแล้ว คุณก็อย่ากังวลเรื่องอนาคตของผมอีก คุณต้องเชื่อผมผมมีความสามารถหางานอื่นทำได้ เพราะบริษัทต้องการผม มากกว่าที่ผมต้องการมัน ผมไม่ได้ยึดติดกับเทซีโร่ คุณวางใจได้ ผมเลือกแล้วไม่มีทางเสียใจแน่”
เหม่ยลี่ถามหยั่งเชิง “นับตั้งแต่ที่ฉันคบกับคุณ ฉันมักจะนึกถึงความฝันของฉัน แล้วก็ความฝันของคุณคืออะไร”
“ส่งมือให้ผม” เซี่ยวเลี่ยงถอนใจยื่นมือออกไป เหม่ยลี่ยื่นมือมาจับ สองคนกุมมือกันบีบเบาๆ “มี่โตะ ที่จริงความฝันของผม คือได้อยู่กับคุณตลอดไป” เซี่ยวเลี่ยงระบายยิ้มบางๆ อย่างเป็นสุข “อืม ผมรับผิดชอบหาเงินเลี้ยงครอบครัว ส่วนคุณก็ดูแลครอบครัวของเรา เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน อาจจะไม่ใหญ่เท่าไหร่ คุณชอบทะเลมากไม่ใช่เหรอ เมื่อถึงตอนนั้นเราซื้อบ้านที่หันหน้าไปทางทะเล นี่แหละคือความฝันของผม มี่โตะ มาอยู่เคียงข้างผมนะ”
“ฉันอยู่เสมอนี่คะ”
“คือย้ายมาอยู่เคียงข้างผม ให้ผมได้เห็นหน้าคุณตลอดเวลา” เซี่ยวเลี่ยงบอก
เหม่ยลี่อึ้งไป “ย้ายไปอยู่เหรอ”
เซี่ยวเลี่ยงพยักหน้า “อื้ม”
มี่เหม่ยลี่สับสนว้าวุ่นใจหนัก นึกทบทวนหลายเหตุการณ์ในชีวิต
นึกถึงคำพูดตัดพ้อต่อว่าของเกาเหวิน “สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือถูกคนที่ไว้ใจหลอก ถ้าเธอหลอกฉันมาตลอดเมื่อกี้คือโอกาสสุดท้ายของเธอ ฉันยอมยกโทษให้เธอได้ แต่อย่ามารบกวนเหลยอี้หมิงอีก”
ไหนจะคำพูดเยี่ยฉีที่บอกว่าอี้หมิงเป็นคนช่วยชีวิตเธอจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก “ฉันมีอะไรให้น่าขอบคุณล่ะ คนที่คุณควรขอบคุณคือเหลยอี้หมิง เขาเป็นคนเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยคุณออกมา”
“เหลยอี้หมิงเหรอ”
“อื้ม ใช่แล้ว ฉันก็อยู่ในที่เกิดเหตุ ถ้าไม่ใช่เพราะช่วยคุณ เขาจะบาดเจ็บได้ไงล่ะ”
มี่โตะนึกถึงเจิ้นตงที่มาขอร้องให้เธอไปจากชีวิตเซี่ยวเลี่ยง “เขาเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับความรักมาก นี่คือข้อดีของเขา และเป็นจุดอ่อนของเขาเช่นกัน เพื่ออนาคตของเขาแล้ว ถือว่าคนเป็นพ่ออย่างฉันขอร้องแล้วกัน ต้องขอร้องเธอแล้วล่ะ ขอบคุณ”
คนสุดท้ายที่เธอนึกถึงคือเซี่ยวเลี่ยง “ส่งมือให้ผม มี่โตะ ที่จริงความฝันของผมคือได้อยู่กับคุณตลอดไป อืม ผมรับผิดชอบหาเงินเลี้ยงครอบครัว ส่วนคุณก็ดูแลครอบครัวของเรา”
เหม่ยลี่จ้องมองโบรชัวร์สถานบันออกแบบในมือนิ่งนาน คิดหนัก บอกกับตัวอยู่ในใจ
“เซี่ยวเลี่ยงไม่ได้บอกความฝันที่แท้จริงของเขากับฉัน เพราะเขารักฉันมากไป เลยไม่อยากให้ฉันกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ มี่โตะ เธอจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ เพื่อสนับสนุนความฝันของเซี่ยวเลี่ยง เธอควรจะลองพิจารณาข้อเสนอของท่านประธาน แค่จากไปซักระยะหนึ่ง แล้วค่อยกลับมา บางทีอาจจะเป็นผลดีกับทุกคนก็ได้ ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก็จะสามารถแก้ไขได้ แล้วก็สถานที่นี้ เดิมทีเป็นบ้านเช่าของเหลยอี้หมิง ฉันไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
เหม่ยลี่แวะมาหาเซี่ยวเลี่ยงที่คอนโดของเขา เดินไปรินน้ำดื่ม อย่างกระปรี้กระเปร่า
“เอาล่ะ ของพวกนี้ฉันเตรียมพร้อมไว้ให้คุณหมดแล้ว ดูให้ดีๆ นะ”
เซี่ยวเลี่ยงงง “เตรียมอะไร”
“ข่าวการเช่าบ้านไง เพราะว่า ฉันจะหาที่อยู่ใกล้บ้านคุณ บ้านแถวนี้ราคาถูกมาก อย่างนี้ก็สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ ย้ายมาอยู่เคียงข้างคุณไง”
“มันแตกต่างกันตรงไหน ผมจะให้คุณย้ายมาอยู่บ้านผม”
เหม่ยลี่ตกใจ “ย้าย...ย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ งั้น งั้นก็แปลว่าอยู่กับคุณน่ะสิ”
เซี่ยวเลี่ยงน้อยใจ “นี่ หรือว่าคุณไม่อยากอยู่กับผมเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉัน...ฉันแค่กลัวว่าจะดูไม่ดี ถ้าเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วฉันจะ...”
เซี่ยวเลี่ยงสวนออกไปว่า “ผมไม่ถือสาหรอก มาสิ”
“คุณบอกให้ฉันรักนวลสงวนตัวไม่ใช่เหรอ เอ่อ...สรุปคือ ฉันไม่สามารถอยู่กับคุณได้ ฉันจะค่อยๆ พัฒนาไปกับคุณทีละก้าว” มี่โตะหัวเราะเขินๆ
เซี่ยวเลี่ยงถอนหายใจ “เฮ้อ ก็ได้ งั้น เรื่องบ้านให้ผมเป็นคนหาให้นะ”
“แต่หาอย่าให้แพงเกินไปนะ ไม่งั้น ฉันกลัวว่าจะจ่ายไม่ไหว ยังไง ก็แค่อยู่ชั่วคราวเท่านั้น”
“คุณว่าไงนะ”
ฉีหยูทำหน้าที่พามี่โตะมาดูบ้าน เซี่ยวเลี่ยงตามมานั่งฟัง ปรากฏว่าอยู่ติดกับห้องเซี่ยวเลี่ยง ห่างกันแค่คนละฝั่งทางเดินเท่านั้น
“ตามความต้องการของคุณเซี่ยว นี่คือบ้านที่ดีที่สุด เฟอร์นิเจอร์ครบ และอยู่ใกล้บ้านของคุณที่สุดแล้ว”
“แบบนี้เหรอเรียกว่าไกล้ที่สุด บ้านเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามโน่นนะ”
“เพราะว่า คุณเซี่ยวต้องการให้ทั้งสองฝั่งทะลุถึงกันได้ สำหรับเขาถือว่าไกลมากนะครับ”
“ผมว่าโอเคนะ จองหลังนี้แหละ คุณย้ายข้าวของเข้ามาเลย” เซี่ยวเลี่ยงสรุป
เหม่ยลี่อึกอัก “เอ่อ...เดี๋ยวก่อน ค่าเช่าที่นี่ต้องแพงมากแน่ ฉันไม่มีจ่ายหรอก”
“ในสายตาของคุณไม่ถือว่าผมเป็นเจ้าของบ้านหลังเดียวกันเหรอ”
“คุณไม่เข้าใจหรอก คุณรู้มั้ยว่าเดือนหนึ่งฉันหาเงินได้เท่าไหร่ ถ้าฉันอยู่ที่แบบนี้ ฉันคงอดตายตั้งนานแล้วล่ะ”
“เฮ้อ วางใจได้ คุณจ่ายค่าเช่าบ้านหลังนี้ไหวแน่ๆ”
“คุณคุยกับเจ้าของบ้านแล้วเหรอ ลดราคาให้เท่าไหร่”
ฉีหยูยิ้มบอก “คุณเซี่ยวซื้อบ้านหลังนี้ไว้แล้ว เขาคือเจ้าของบ้านของคุณ”
เหม่ยลี่ตกใจ “ซื้อแล้วเรอะ”
“อือฮึ คุณเซี่ยว พวกคุณคุยกันตามสบายผมขอตัวก่อน”
ฉีหยูเดินยิ้มออกไป
เหม่ยลี่เดินมาหยุดมองหน้าเซี่ยวเลี่ยงใกล้ๆ “คุณเจ้าของบ้าน คุณจะคิดค่าเช่าบ้านฉันเท่าไหร่คนกันเองลดให้หน่อยนะ”
“ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหรอก คุณจนขนาดนี้...ใช้แรงกายชดเชยแล้วกัน”
เหม่ยลี่ตกใจพอๆ กับโมโห “ฉัน...ฉันไม่ใช้ร่างกายหรอก ฉันเป็นคนมีจริยธรรม อีตาเจ้าของบ้านกะล่อนนี่”
“เฮ้อ ผมบอกว่าแรงกายไม่ใช่ร่างกาย ทำกับข้าวให้ผมมาทำงานบ้านก็ถือเป็นการใช้แรงกาย แต่ว่า ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมนะ”
“เฮ้อ ใช้แรงกายอย่างนี้เองเหรอ” เหม่ยลี่โล่งอก
“คุณมัวแต่คิดอะไรอยู่เนี่ย ผมอยากให้คุณทำแบบนั้นจริงด้วยซ้ำ”
“เอ้อ ฉัน ฉันอยากบอกว่า ฉันอยู่ที่นี่อันตรายมากเลย เจ้าของบ้านหล่อขนาดนี้ ฉันกลัวว่าตัวเอง” เหม่ยลี่หัวเราะเขินๆ “จะควบคุมอารมณ์ไม่ได้น่ะสิ”
เซี่ยวเลี่ยงยิ้มตาหยีลากแขนเหม่ยลี่ไปดูห้อง “ผมพาคุณไปดูห้องนอนก่อนดีกว่า”
เหม่ยลี่โวยวาย ขืนตัวไว้ไม่ยอมไป “นี่”
เซี่ยวเลี่ยงฮึดฮัดขัดใจ สุดท้ายออกแรงลากเหม่ยลี่ไปจนได้
อี้หมิงต้องสะดุ้งตกใจสุดขีด เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้า พบว่าเกาเหวินมานอนเป่าลมใส่หน้าเขาอยู่บนเตียง
“คุณมาอยู่บนเตียงผมได้ไง” หมอเหลยเปิดผ้าห่มดูสภาพตัวเองเกรงว่าจะถูกเกาเหวินลักหลับ
“ทำไมต้องตกใจด้วย ฉันก็มาปลุกคุณไง”
“เดี๋ยว แต่ผมว่าระหว่างเราต้องรักษาระยะห่างหน่อยสิ ผมลืมตาปุ๊บเห็นหน้าคุณปั๊บ อยากให้ผมช็อกตายหรือไง”
เกาเหวินขำ “เฮ้อ ฉันอยากให้คุณตื่นตาตื่นใจไงคุณจะได้หายงัวเงีย เมื่อวานคุณไม่ได้มาอยู่เป็นเพื่อนฉันฉันเลยมาหาคุณไงล่ะ”
“ไม่ใช่ ตอนนี้พุดดิ้งไม่อยู่แล้ว ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณว่าไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อน แต่ว่า ไม่ว่ายังไงระหว่างเราควรค่อยเป็นค่อยไปรีบร้อนไม่ได้หรอก ถ้าความรู้สึกยังไม่มั่นคงผมไม่อยากทำให้คุณเสียใจ”
“ตอนพุดดิ้งยังอยู่ฉันนอนกอดเค้าตลอด แต่ตอนนี้ฉันต้องนอนคนเดียว คุณมานอนเป็นเพื่อนฉันดีกว่านะ”
“คุณอย่าลืมสิว่าผมเป็นผู้ชาย รู้มั้ยว่าสิ่งที่คุณพูดมาอันตรายแค่ไหน ต่อไปคุณจะมาก็ได้แต่ไม่ว่ายังไงคุณควรให้ผมเตรียมใจก่อนล่วงหน้าสิ”
“ฉันเลยคิดว่า เรามารีบทำให้มั่นคงดีกว่า”
“ไม่มีอะไร ผมต้องไปทำงานแล้ว คุณต้องไปงานอีเวนท์ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ”
“ฉันให้เจสันยกเลิกให้แล้ว”
อี้หมิงไม่เข้าใจ “ยกเลิกเหรอ ทำไมล่ะ”
“เพราะฉันอยากพักผ่อน มาพักผ่อนกันเถอะ มา”
“ผม...จะไปล้างหน้าแปรงฟัน คุณ คุณนอนก่อนเถอะ” อี้หมิงแจ้นเข้าห้องน้ำไป
ไม่นานต่อมาเหลยอี้หมิงในชุดพร้อมไปโรงพยาบาล เดินลงบันไดมา เกาเหวินตามมาประกบไม่ห่าง
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อนๆ เดี๋ยวก่อน โอเค ฉันเตรียมตัวเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”
“ไปไหน ผมจะไปทำงานแล้ว”
“ฉันก็จะไปโรงพยาบาล ดูสิ ประวัติคนไข้ฉันก็เตรียมแล้ว ฉันจะไปโรงพยาบาลกับคุณ ฉันจะได้เห็นหน้าคุณทั้งวันไงล่ะ ไป ไปสิ”
อี้หมิงอยากจะบ้าตาย
เกาเหวินคุยจ้อ ในรถที่อี้หมิงขับแล่นมาตามทาง
“เดี๋ยวเราผ่านซุปเปอร์มาเก็ตแวะซื้อผักนิดหน่อยนะ วันนี้เป็นวันหยุดพอดีฉันอยากไปซื้อเสื้อผ้าให้คุณ คุณต้องเหลือเวลาออกมาอยู่กับฉันนะ”
“คุณไม่ได้ถ่ายละครหลายวันแล้วทางกองถ่ายไม่ว่าเหรอ”
“ไม่เป็นไร เจสันลางานให้ฉันแล้ว อีกสองสามวันค่อยถ่ายก็ได้”
“ซื้อผักทำกับข้าวน่ะได้ แต่ถ้าคุณจะไปอยู่กับผมที่โรงพยาบาล ผมกลัวจะไม่เหมาะเพราะผมไม่อยากโกงเวลาของคนไข้ เรื่องนี้ผมทำไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างถ้าคุณมีงานอื่นทำ คุณรีบกลับไปทำเถอะ อย่าละเลยงานเพราะผมเลย”
เกาเหวินน้อยใจ “คุณคิดว่าฉันน่ารำคาญมากใช่มั้ย คุณรู้สึกเบื่อฉันใช่มั้ย งั้นฉันจะเปลี่ยนทรงผมหรือจะให้ฉันเปลี่ยนการแต่งหน้า คุณจะได้มีความรู้สึกแปลกใหม่และไม่รำคาญฉันไงคะ”
อี้หมิงเหนื่อยใจ “เปล่า ผมจะเบื่อคุณได้ยังไงล่ะ ผมกลัวว่าคุณตามผมทั้งวัน แล้วจะทำให้ตัวเองเหนื่อยทำให้เมื่อยล้า ตั้งแต่ผมนอนโรงพยาบาล คุณก็ตามติดผมตลอด ตอนนี้ผมหายแล้วคุณยังไม่ไปทำงาน คุณบอกว่าอยากเป็นนักแสดงที่เก่งไม่ใช่เหรอ แต่ว่าเพราะอะไร ถึงได้ละเลยโอกาสในการพัฒนาตัวเองด้วยล่ะ จริงมั้ย”
เกาเหวินยื่นหน้ามาอ้อน “แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากเป็นนักแสดงแล้ว ฉันอยากอยู่กับคุณตลอดเวลา เอาอย่างนี้มั้ยฉันจะใช้โอกาสนี้หยุดพัก ฉันจะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยแล้ว คุณต้องเลี้ยงฉันได้แน่ ดีมั้ยคะ”
จู่ๆ อี้หมิงก็จอดรถเข้าข้างทาง ควักบัตรธนาคารในกระเป๋ายื่นให้ “เอ้า ผมให้”
เกาเหวินงง “นี่อะไร”
สองคนปลดเข็มขัดคุยกัน
“เอาไป บัตรเงินเดือนของผม คุณบอกว่าอยากให้ผมเลี้ยงไม่ใช่เหรอ งั้นผมจะรับปาก แต่ผมไม่ต้องการให้คุณตามติดผมตลอด และไม่ต้องการให้คุณอยู่เพื่อผม เกาเหวิน คุณก็มีโลกของคุณ คุณต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง คุณเข้าใจใช่มั้ย คนรักที่สมบูรณ์แบบ ไม่ควรให้อีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อความต้องการของเขาหรอกนะ”
เกาเหวินคิดตามแล้วรู้สึกผิด คล้องคอเกาเหวินอย่างซาบซึ้ง “ฉันขอโทษ อาจเพราะว่าฉันรักคุณมากเกินไป แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย ฉันกลัวว่าพอเผลอแล้วคุณจะไปจากฉัน ดังนั้นฉันจึงอยากใช้ทุกๆ วินาทีอยู่กับคุณ”
“ผมก็อยู่ตรงนี้แล้วไง”
“ไม่รู้สิ ฉันแค่รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะฉันรักคุณมากเกินไปไงล่ะ” เกาเหวินกอดซบอี้หมิงไปมา
“ไปเถอะๆ มา คาดเข็มขัดด้วยล่ะ”
อี้หมิงแล่นรถออกไป
ลูกน้องนักสืบเข้ามารายงานเยี่ยฉีที่ห้องทำงานในร้านเสื้ออย่างตื่นเต้น
“คุณเยี่ยคะ ด้านมี่โตะมีการเคลื่อนไหวกะทันหันค่ะ”
“เธอจะบอกฉันว่า ประธานเซี่ยวจะส่งเขาไปเรียนต่างประเทศใช่มั้ย เรื่องนี้ฉันรู้แล้วล่ะ ถ้าฉันเดาไม่ผิด มี่โตะไม่มีทางไปหรอก”
“ไม่เพียงแค่เรื่องนี้ค่ะ ดูเหมือนมี่โตะจะย้ายบ้านด้วย”
เยี่ยฉีแปลกใจ “ย้ายบ้านน่าสนใจตรงไหนล่ะ”
“เดิมทีก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่จู่ๆ ฉันพบว่า บ้านที่มี่โตะไปอยู่ การลงนามสัญญาผู้อยู่อาศัย กลับเป็นอีกคนหนึ่ง”
เยี่ยฉีเงยหน้ามองลูกน้อง ถามอย่างสนใจ “ใคร”
เยี่ยฉีถามเกาเหวินขึ้นทันทีที่เธอนั่งลง “ดื่มอะไรมั้ย”
“ไม่เป็นไร ยังไงฉันจะนั่งไม่เกินห้านาทีหรอก ฉันเคยเตือนคุณแล้วนี่ ว่าอย่าสืบเรื่องของแฟนฉันอีก”
เยี่ยฉียิ้มเยาะ “แต่คุณก็มาแล้ว แสดงว่าสิ่งที่คุณจะพูดกับฉัน น่าสนใจมาก”
เกาเหวินสวนกลับ “โธ่ เปล่าเลย คุณอย่าเข้าใจผิดสิ ฉันมาเพื่อจะบอกคุณว่า ถ้าคุณยังปลุกระดมต่อไป ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกเซี่ยวเลี่ยง อย่าว่าแต่เขาจะไม่กลับมาหาเลย แม้แต่คนแปลกหน้าคุณก็คงไม่ได้เป็น”
“ตอนนี้เขากำลังช่วยมี่โตะย้ายบ้าน ไม่มีเวลามาสนใจฉันหรอก อ้อจริงสิ คุณรู้เรื่องมี่โตะจะย้ายบ้านหรือยัง”
“รู้สิ เพราะเรื่องของมี่โตะเขาจะมาบอกฉันเอง”
“แล้วเขาบอกคุณหรือเปล่าว่า บ้านที่เขาอยู่ในตอนนี้ คือบ้านเช่าของแฟนคุณ เมื่อครึ่งปีก่อนพวกเขาเริ่มอยู่ด้วยกันแล้ว คุณควรจะเรียกเขาว่าคุณพี่นะ ถ้าคุณไม่เชื่อที่ฉันพูดล่ะก็ ถ้าไปดูตอนนี้ คงจะทันพอดี”
เกาเหวินอึ้งไป แต่รีบปรับสีหน้า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ฉันไม่สนใจหรอก ต่อไปคุณไม่ต้องเอาเรื่องไร้สาระมาบอกฉันหรอก รบกวนทีนะ”
เหม่ยลี่ย้ายบ้านวันนี้ ได้แท็กซี่ช่วยขนของให้
“ขอบคุณค่ะ” เหม่ยลี่กดโทร.หาอี้หมิง “ฮัลโหลเหลยอี้หมิงนายว่างมั้ย ฉันมีเรื่องอยากจะบอกนาย”
“เอ่อ ฉัน...ช่วงนี้ฉันงานยุ่งนิดหน่อย มีอะไรพูดในโทรศัพท์ก็ได้”
“อืม...ฉันจะย้ายออกไปแล้ว ดังนั้น ฉันจะคืนบ้านหลังนี้ให้นาย ยังไง ฉันว่านายมาเจอฉันหน่อยดีกว่า ฉันจะเอากุญแจบ้านคืนให้นาย”
เกาเหวินมาจอดรถซุ่มดู เห็นเหม่ยลี่โทร.คุยสายกับใครคนหนึ่ง เธอพอเดาออกว่าเป็นหมอเหลย แท็กซี่ขนของขึ้นรถเสร็จแล้ว เหม่ยลี่หยุดมองบ้านหลังนี้ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เกาเหวินขับรถกลับบ้านไป
สามีเยี่ยฉีมาโวยวายเอาเรื่องที่ร้านกาแฟหลังเกาเหวินออกไปไม่นาน
“ข้อความก็ไม่ตอบโทร.มาก็ไม่รับ คุณกำลังคิดอะไรอยู่”
“หนังสือหย่าร้างฉันให้ทนายส่งไปให้คุณแล้ว คุณแค่ลงนามก็พอ” เยี่ยฉีไม่ยี่หระ
“ตอนที่มาง่ายมาก ตอนนี้อยากสะบัดก้น แล้วเดินหนีเหรอ”
“คุณต้องการอะไรกันแน่”
“เอาของของผมกลับมาให้หมด”
“ของของคุณเหรอ บริษัทของฉันในปัจจุบัน กับบ้านของฉันต่างเป็นทรัพย์สินหลังแต่งงานของเรา ฉันมีสิทธิ์จะได้รับทุกอย่าง”
“คุณหน้าไม่อายเลยจริงๆ คุณมีอะไรติดตัวมาบ้างล่ะ นอกจากเล่ห์เหลี่ยมที่ติดตัวมา ตอนนี้ผมไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมจะเอากลับมาให้หมด”
“อยากได้คืนเหรอ ได้สิ ไปคุยกันที่ศาลแล้วกัน”
เยี่ยฉีมองท้าทาย
เกาเหวินกลับถึงบ้าน มานั่งจ้องตุ๊กตาหมีที่อี้หมิงมอบให้เธอแบบไม่เต็มใจ เพราะตอนแรกเขาจะมอบให้เหม่ยลี่
“ในเมื่อเธอชอบ ถือว่าเป็นของขวัญที่พวกเธอคืนดีกัน ฉันให้เธอ”
“ขอบคุณนะ”
เกาเหวินโวย “ไม่ได้สิ นี่เป็นของขวัญที่คุณจับได้มันต้องเป็นของฉันสิ”
อี้หมิงอึกอัก “คือ”
“ถูกมั้ยล่ะ” เกาเหวินจุ๊บมืออี้หมิงหัวเราะร่า
“ใช่ ในเมื่อนายจับได้ก็ควรให้เกาเหวินมากกว่า”
เกาเหวินจ่อมจมอยู่กับความทุกข์ คว้าตุ๊กตาหมีมากอด หลับตาพึมพำหน้าตาหน้าตาหมองเศร้า
“เดิมทีแกเป็นของมี่โตะ ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง จะไม่มีความรู้สึกต่อกันได้ยังไงล่ะ” เกาเหวินถอนใจเฮือก “เป็นไปไม่ได้เหลยอี้หมิง แค่ให้เขาเช่าอยู่ห้องเดียวกันเท่านั้น เขาเคยบอกว่าพวกเขาไม่เคยคบกันมาก่อน เกาเหวินเธอต้องเชื่อเหลยอี้หมิงสิ ฉันขอร้องล่ะ ได้โปรดเชื่อเหลยอี้หมิงเถอะนะ”
อี้หมิงเดินเข้าในห้องมองสงสัย
“เป็นอะไร”
“เปล่า ดูเหมือนว่าฉันจะนอนตกหมอนน่ะ” เธออ้าง น้ำตาเจ้ากรรมไหลรดแก้มนวลแล้ว
“นอนตกหมอนเหรอ”
เกาเหวินพยักหน้าให้ “อื้ม”
“มาผมมีวิธีช่วย คุณหาจุดที่ปวดที่สุด แล้วกดไว้ไม่กี่นาทีก็หายแล้ว ตรงนี้เหรอ”
“เจ็บ”
“คุณเจ็บตรงนี้เหรอ”
“ตรงนี้ก็เจ็บ” เกาเหวินชี้บอก
“ตรงนี้นะ ตรงนี้ ดีขึ้นหรือยัง”
“เจ็บกว่าเดิม”
“เจ็บกว่าเดิมเหรอ อย่างนี้ล่ะ”
“เพราะว่าฉันนอนตกหมอน วันนี้คงไปกองถ่ายไม่ได้แล้วล่ะ งั้นคุณอยู่บ้านกับฉันได้มั้ย”
“วันนี้เกรงว่าจะไม่ได้ เพราะผมต้องออกไปทำธุระ” อี้หมิงอึดอัด
“มีอะไรสำคัญกว่าแฟนของตัวเองอีกเหรอ” เกาเหวินทำเป็นถาม
“เกาเหวิน ผมมีเรื่องหนึ่ง อยากสารภาพกับคุณ ผมกับมี่โตะเคยเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน แต่ว่าในตอนนั้น เขาโสดแต่ผมมีแฟน ต่อมาพอเขาคบกับเซี่ยวเลี่ยง ผมเลยย้ายออกมา แต่ในสัญญาเช่าของบ้านหลังนั้นเป็นชื่อของผม วันนี้เขาย้ายบ้าน ผมเลยอยากกลับไปดูหน่อย
เกาเหวินยิ้มทั้งน้ำตาจับมือเขามากุม ดีใจที่เขาเป็นฝ่ายสารภาพออกมาเอง
“เหลยอี้หมิง คุณสารภาพแบบนี้ฉันดีใจมาก”
อี้หมิงงงหนัก “ดี...ดีใจ ดีใจเรื่องอะไรเหรอ”
“ฉันคิดว่าคุณจะไม่มีวันบอกกับฉัน ในเมื่อมี่โตะเป็นรูมเมตของคุณ เธอเป็นเพื่อนที่ดีของคุณ คุณควรจะไปส่งเธอสิ ทุกคนต่างมีอดีตของตัวเอง ก่อนคุณจะมาเจอฉัน คุณเคยชอบคนอื่นแต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือตอนนี้คุณอยู่กับฉัน ไปบอกลาอดีตของคุณเถอะ”
อี้หมิงประหลาดใจ “คุณไม่พอใจใช่มั้ย ถ้าคุณไม่พอใจ คุณจะทำยังไงก็ได้แล้วแต่คุณ”
“ฉันไม่ได้โกรธจริงๆ”
“ไม่ได้โกรธเหรอ”
“อื้ม”
“แล้ว...คอ ยังปวดอยู่มั้ย”
“อืม ไม่ปวดแล้ว”
“คุณปวดใช่มั้ย งั้นผมนวดให้นะ มา ผมนวดให้”
ค่ำคืนนั้น สองเพื่อนรักมาร่วมดื่มอำลา รำลึกความหลังอยู่ด้วยกันตรงเคาน์เตอร์มุมครัว ขวดเครื่องดื่มวางอยู่เต็ม ดูออกว่าดื่ม มาสักระยะแล้ว
“ชนแก้ว”
“ชนแก้ว”
เหม่ยลี่หัวเราะขำๆ “จำได้ว่าเมื่อก่อนนายพาผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ามาที่บ้านทุกวัน ฉันเลยทำเพื่อนาย เข้าไปหลบในห้องน้ำฉันได้ยินผู้หญิงด่านายว่าใจร้ายด้วย ตอนหลังนายคิดยังไงถึงอยู่กับฉันทุกวันล่ะ”
“ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เธอต้องไปหลบอยู่นั้นแถมยังเอาหัวซุกลงไปในชักโครกด้วย”
“นายว่าฉันเอาหัวซุกลงในชักโครกอีกแล้ว เพราะทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมานายเหมือนตัวประหลาด เอาหัวลงไปในชักโครกฉันอยากรู้ว่านายทำอะไรอยู่ ฉันเลยลองทำบ้างไงล่ะ”
อี้หมิงแย้ง “อันนี้เธอจำผิดแล้ว อันนี้เธอจำผิดแล้ว เธอจำผิดแล้วแน่นอน ฉันจะบอกให้ทำไมฉันถึงเอาหัวลงไปในชักโครก หืม เธอรู้มั้ย เพราะเธอตกลงไปในชักโครก ฉันเลยต้องไปล้วงเธอไงล่ะ”
อี้หมิง กะ เหม่ยลี่หัวเราะให้กัน
“นายโง่มากเลย เหลยอี้หมิงฉันรู้จักนายได้ไงเนี่ย ฮ่าๆๆ ใช่แล้วๆ นายจำได้มั้ย”
“อื้ม”
“ตอนนั้นเราก็นั่งอยู่ตรงนี้ ในหม้อ นายจำได้มั้ยว่าข้างในมีอะไร”
“พริกหยวก ต้มพริกหยวก ต้มพริกหยวก”
“ผิด พริกหยวกผัดมะเขือเทศต่างหาก ฮ่าๆๆ ที่นายดื่มตอนนั้นคือน้ำมะเขือเทศ” เหม่ยลี่หัวเราะชอบใจยกใหญ่
“เธอหาที่อยู่ใหม่ได้แล้วเหรอ”
“หาได้แล้ว อยู่ข้างๆ บ้านของเซี่ยวเลี่ยง”
“ยัยอ้วน เราควรหวงแหนคนที่อยู่ตรงหน้า เซี่ยวเลี่ยงดีกับเธอมาก ฉันดีใจกับเธอจริงๆ”
“จริงๆ เหรอ”
“จริงสิ ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา เพื่อนที่ดีที่สุด ก็ต้องรักษาระยะห่างต่อกัน วันคืนที่ผ่านมาของเรา มันไร้สาระเกินไป ดังนั้นเราต้องทำตามใจของตัวเอง เพราะต่อไปวันเวลาแบบนี้ ก็ไม่มีวันย้อนกลับมาแล้ว”
“เฮ้อ เหลยอี้หมิง นายโตแล้ว”
“นั่นเป็นเพราะว่าเกาเหวิน ถ้ามีใครคนหนึ่งดีกับเธออย่างไร้เงื่อนไข เราก็ต้องดีกับเขาเป็นการตอบแทน ก็เหมือนการเป็นหวัด อาจจะติดเชื้อกันได้”
“เฮ้อ ก็เหมือนกับเซี่ยวเลี่ยงนั่นแหละ เขาให้กำลังใจฉันเสมอ ดังนั้น ฉันจะต้องให้กำลังใจเขาเช่นกัน”
อี้หมิงทะแม่งๆ “ยัยอ้วน พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
เหม่ยลี่กระแอมแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “จริงสิเหลยอี้หมิง นายช่วยฉันอย่างหนึ่งสิ ฉันอยากฝากนายไปบอกเกาเหวินว่า แม้ว่า...ชีวิตนี้ ฉันอาจไม่มีวาสนา ที่จะได้เป็นเพื่อนของเขา แต่ว่าในใจของฉัน ยังรู้สึกอยากไปขอโทษเขา นอกจากนี้ฉันจะอวยพรให้เขาอย่างจริงใจ เพราะฉะนั้น นายต้องรักเกาเหวินให้มากๆ สู้ๆ”
อี้หมิงบอก “สู้ๆ”
เหม่ยลี่หัวเราะ
“พูดซะเศร้าเชียว อย่างกับจะไม่เจอกันแล้วงั้นแหละ เธอจะไปไหน จะไปดาวอังคารเหรอ”
“นี่แน่ะ” เหม่ยลี่ฟาดเข้าให้แล้วหัวเราะ
“เล่นอีกแล้วนะ มา ชนแก้ว”
“ชนแก้ว เอ๊ะวันนี้นายเมาหรือยังเนี่ย”
“ฉันไม่เมาแน่นอน”
เหม่ยลี่คอพับคออ่อนหัวเราะไปพูดไป “ดื่มบาคาดี้จะเมาได้ไงล่ะ คอของนายอ่อนตามฉันไม่ทันแล้ว มาๆๆ”
“ชนแก้วๆๆ”
“ดื่มเพื่อมิตรภาพ”
“เพื่อมิตรภาพ”
อี้หมิงหวนนึกถึงวันเวลาเก่าๆ ที่เขาเคยมีเหม่ยลี่เคียงข้าง
ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่เขาสวมสร้อยผีเสื้อให้ รับขวัญชีวิตใหม่ของยัยอ้วน
“ยินดีด้วยที่เธอทำลายรังไหมกลายเป็นผีเสื้อได้แล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่นะ”
“ขอบคุณที่นาย อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด”
อี้หมิงชมจากใจ “เธอสวยมาก”
เหม่ยลี่หัวเราะเขินๆ
หลังจากนั้นเหม่ยลี่ก็หอบกระเป๋ามาอยู่กับอี้หมิงอย่างมัดมือชก
“ดีมากเลย ทีน่าไม่รู้แน่นอนว่าบ้านนายอยู่ไหน ที่นี่จึงเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด ฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ขอบคุณนายมาก”
“อะไรนะ เธอจะย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ”
“ใช่น่ะสิ”
“นี่ยัยอ้วนเธอมาอยู่บ้านฉันยังไม่พอใช่มั้ย ยังมานอนเตียงฉันอีกเหรอ ตอนนี้เธอนอนไม่หลับใช่มั้ย,ไม่ใช่โรคที่รักษาไม่หายสักหน่อย เธอ...อาการกำเริบอีกแล้วนะ”
“แต่ว่าตอนนี้ฉันกลัวนี่นา”
“นี่ยัยอ้วน เธอคิดว่ามันคุ้มแล้วเหรอ”
“ทิ้งเสื้อตัวนี้ไว้ได้มั้ย ฉันอยากทิ้งความฝันไว้ให้ตัวเองบ้าง เพราะผู้หญิงทุกคน ต่างต้องการให้ตัวเองมีความฝันที่สวยงาม”
“ยัยอ้วน เราสามารถรักคนคนหนึ่งได้อย่างไร้เงื่อนไข ฉันบอกไว้ก่อนนะ ไม่ว่าที่บริษัทเกิดอะไรขึ้น เธอต้องรายงานฉันเป็นคนแรกทำได้มั้ย”
“ทำได้แน่นอน”
“มี่โตะต้องชนะ”
“เย้ มี่โตะต้องชนะ ฉันจะบอกให้นะเหลยอี้หมิง ถ้าเทียบกับเขาแล้ว นายไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย” เหม่ยลี่หัวเราะร่าเริง
อี้หมิงคอยปลอบเหม่ยลี่ในวันที่เธอผิดหวัง บาดเจ็บจากความรัก
“นับจากนี้ไป ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ ฉันจะเอาความรู้สึกไร้สาระเหล่านั้นออกไป เก็บไว้จนลึกสุดใจ แล้วมีความสุขไปพร้อมกับเธอ ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าไกลแค่ไหน ฉันจะรีบมาอยู่เคียงข้างเธอทันที เพราะระหว่างเรา คือเพื่อนกัน ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน”
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว นายพาฉันกลับบ้านได้มั้ย”
“ถ้ารู้สึกเจ็บปวด งั้นก็อย่าไปดู ถ้าเธอรู้สึกเสียใจ ก็อย่าไปฟัง อีกไม่นานมันก็จะผ่านไป จริงมั้ย”
เหม่ยลี่โกรธที่อี้หมิงไปมีเรื่องกับนักเลงปล่อยเงินกู้ จนบาดเจ็บ
“หันมานี่ หันมานี่เซ่ นายไปตีกับใครมา”
“ไม่เป็นไรแค่หกล้มนิดหน่อย”
“วันนี้นายไปที่บริษัทใช่มั้ย เห็นฉันถูกรังแกเลยไปตีกับพวกเขาใช่มั้ย ทำไมต้องปิดบังฉันด้วย”
อี้หมิงย้อนว่า “แล้วทำไมเธอต้องปิดบังฉันล่ะ”
“ฉันกลัวนายจะเป็นห่วงนี่”
“ฉันก็กลัวเธอเป็นห่วงเหมือนกัน”
“ช่วยด้วย”
“เธอคงไม่ต้องการให้ฉันปกป้องอีกแล้ว”
“แต่นายจะอยู่ข้างฉันเสมอใช่มั้ย”
“แน่นอนสิ ฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอนี่”
“นายคือเข็มทิศของฉัน ทุกครั้งเวลาที่ฉันต้องการนายที่สุด นายจะมาปรากฏตัวตรงหน้าฉัน พาฉันกลับมาที่บ้านหลังนี้ แค่เห็นนายกับบ้านหลังนี้ ฉันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
“เธอเคยพูดว่า ฉันเป็นผู้ชายที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ เธอไม่ต้องห่วง ฉันต้องพาเธอออกไปให้ได้ ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไง ฉันรู้แค่ว่า เมื่ออยู่กับเขาจะผ่อนคลายที่สุด ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง เราก็ยังรู้สึกดีต่อเขาเสมอ นี่แหละคือรัก”
“นายจะไม่มีวันเปลี่ยนไปใช่มั้ย”
“ทำไมถึงถามแปลกๆ ล่ะ”
“เพราะว่าฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย ฉันรู้สึกว่าทุกคนจะต้องเปลี่ยนไป ฉันอยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน อยากกลับไปเป็นยัยอ้วนที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมจริงๆ”
“เธอยังมีฉัน”
“ขอบคุณนะเหลยอี้หมิง”
“ต่อไปฉันไม่อยู่แล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะ บางทีเวลาจะพิสูจน์เองว่า อย่างน้อยนี่คือการทำเพื่อคนที่เรารักไม่ใช่เหรอ”
อี้หมิงตื่นขึ้นมาเพียงลำพังในตอนเช้า เขาเอาแต่เรียกหาเหม่ยลี่
“ยัยอ้วน...ยัยอ้วน” ก่อนจะนิ่งทบทวนความคิด เหลียวมองรอบๆบ้าน อย่างยอมรับความเป็นจริง
เกาเหวินหั่นหอมทำครัวง่วนอยู่จนน้ำหูน้ำตาไหล หันไปทักอี้หมิงที่เปิดประตูเข้าบ้านมา
“อ้อ”
“ผมกลับมาแล้ว”
“คุณกลับมาแล้วเหรอ เมื่อคืนดื่มทั้งคืนเลยใช่มั้ย ขึ้นไปอาบน้ำเถอะ”
“ผมขอโทษ เมื่อวานผมคุยกับเขาแป๊บเดียว พอตอนเที่ยงคืนเขาก็ไป เมื่อคืนผมเลยค้างที่นั่น”
“ไม่เป็นไรนี่ ไปบอกลาอดีตของคุณไม่ใช่เหรอ บอกลาแล้วก็ดี ต่อไปอย่าพูดถึงเขาอีกล่ะ”
“วันนี้คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ คุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะ”
“ก็ต้อนรับการเริ่มต้นใหม่ไง”
อี้หมิงสยอง เมื่อจะเข้าไปช่วยเธอยกมีดในมือไปมา
“คุณ...ไม่ต้องถือมีดหรอก มันน่ากลัว มาผมทำเอง”
“ฉันบอกว่าไม่เป็นไรคุณไปอาบน้ำก่อนเถอะน่า ยืนเหม่ออยู่ทำไม ไปอาบน้ำเซ่มัวยืนอยู่ทำไม ไปสิ เดี๋ยวลงมากินข้าวนะ”
“ระวังหน่อยนะ อย่าให้โดนบาดล่ะ”
ไม่นานต่อมาสองคนทานมื้อเช้าด้วยกัน
“กินผักเยอะๆ” เกาเหวินตักกับให้
อี้หมิงพยักหน้า “อืม”
“คุณ คุณกินสิ เป็นอะไรไปล่ะ”
“เปล่าจานนี้ ผักเยอะเกินไปแล้ว ผมไม่รู้จะเอาตะเกียบคีบยังไง ฮิๆ ตอนนี้ คุณอารมณ์ดีขึ้นบ้างมั้ย”
“ก็ดีนี่ มีอะไร”
“งั้นผมมีเรื่องหนึ่ง อยากจะถามคุณซักหน่อย”
“พูดสิ”
“ผมอยากย้ายกลับไปอยู่บ้านเดิมได้มั้ย”
“เหตุผล”
“เพราะว่านี่คือบ้านคุณ ผมเป็นผู้ชายอยู่ในบ้านของคุณทุกวันและยังไม่จ่ายค่าเช่า ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ ตอนนี้บ้านหลังนั้นก็ว่างอยู่ ผมคิดว่าผมควรย้ายกลับไป ได้...ได้มั้ย”
เกาเหวินบอกหน้าตาเฉย “ได้สิ ย้ายเลย”
อี้หมิงแปลกใจมาก “เดี๋ยว คุณตกลงแล้วเหรอ”
“ตกลงแล้ว คุณอยากย้ายไม่ใช่เหรอ งั้นก็ย้ายสิ ฉันจะช่วยคุณย้ายเอง ทำไมไม่กินล่ะ มา กินผักกับน้ำซุปพร้อมกัน
อี้หมิงหัวเราะ “เดี๋ยว”
“กินอย่างนี้ดีกว่า กินสิ”
อี้หมิงไปไม่เป็นทำหน้าไม่ถูก เมื่อเกาเหวินขนสัมภาระมากมาย เพื่อมาอยู่กับเขาที่บ้าน
“คุณอยากย้ายกลับมาไม่ใช่เหรอ ย้ายกลับมาแล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
“ไม่ใช่ เกา...เกาเหวิน คุณ...คุณ...”
“ก่อนหน้านี้คุณอยู่ห้องไหน”
อี้หมิงชี้บอกห้องชั้นล่าง “ห้องนี้”
“ห้องนั้นเหรอ ฮิๆ งั้นฉันอยู่ห้องนี้ดีกว่า ฮิๆๆ” เกาเหวินเตรียมยึดห้องชั้นลอย
“ไม่จริงมั้ง คุณจะย้ายมาที่นี่จริงเหรอ”
“แน่นอนสิ แต่งกับไก่อยู่กับไก่แต่งกับหมาก็อยู่กับหมา คุณย้ายมาแล้วฉันจะอยู่ที่นั่นทำไม จริงมั้ย ไม่งั้นฉันคงไม่เอาประเป๋ามาเยอะอย่างนี้หรอก” เกาเหวินหัวเราะ ไล่นับกระเป๋าตัวเอง “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า อย่าตกใจ นี่แค่หนึ่งส่วนสิบเท่านั้น เจสัน ช้าจังเลย”
เจสันมาถึงพอดี “มาแล้ว”
เกาเหวินหัวเราะชอบใจ
อี้หมิงพยายามทักท้วง “เดี๋ยวเกาเหวินมันไม่ค่อยเหมาะมั้ง คุณ...”
เกาเหวินสวนทันที “ไม่เหมาะตรงไหนล่ะ คุณอยากทิ้งฉันไว้ที่บ้านหลังใหญ่นั่นคนเดียวใช่มั้ย”
“เปล่า ผมจะทิ้งคุณไว้คนเดียวได้ยังไงล่ะ ผมแค่รู้สึกว่าคุณดูที่นี่สิ มันแคบมาก อย่าว่าแต่คุณเข้ามาอยู่เลยแค่เอาของๆคุณเข้ามาก็เต็มบ้านแล้ว ผมว่า...”
เกาเหวินบอกว่า “คุณหมายถึงปัญหาคือประเป๋าใช่มั้ย งั้นฉันไม่เอาก็ได้ เจสัน ย้ายกลับไปด้วย ฉันไม่เอาแล้ว”
อี้หมิงอึดอัดมาก “เอ่อ...”
“ย้ายกลับไปเหรอ นี่เหล่าเหลย” เจสันโวย
เกาเหวินเสียงดังใส่ “เร็วเข้าเซ่”
เจสันชี้หน้าท่าทีตลกๆ “รังแกกันชัดๆ เลย”
“อู้งานเหรอ”
“ถ้างั้น...ผมเอาของขึ้นไปเก็บให้คุณนะ”
“ฉันช่วยดีกว่า”
“เอ่อ...งั้นเอาอย่างนี้ ผม...วันหลังผมหาคนมาปรับปรุงใหม่ก่อนดีกว่า”
“เฮ้อ ฉันรู้ว่าที่นี่ต้องมีความทรงจำที่ดีกับคุณแน่ อืม...แต่ของเก่าไม่ไปของใหม่ก็ไม่มา ในเมื่อที่นี่เป็นบ้านของเราสองคนแล้ว ฉันต้องสร้างความทรงจำใหม่ๆ สิ อืม...ฉันรู้ว่าคุณอยู่กับฉัน อีกไม่นานคงคุ้นเคยกันเอง จริงมั้ย งั้นฉันอยู่ห้องเดียวกับคุณดีกว่า” เกาเหวินพูดไปหัวเราะไป
เจสันขนกระเป๋าจนหลังแอ่น เหนื่อยหอบ หันมาโวย
“พวกเธอสองคนนี่ นี่เหล่าเหลย เห็นแก่ที่ฉันช่วยเหลือเธอเถอะ ช่วยฉันหิ้วกระเป๋าหน่อย เร็วเข้า รีบขน”
“เร็วๆ รีบขนๆ ออกไป ระวังประตูด้วยนะ” อี้หมิงสั่งเป็นการใหญ่
เกาเหวินหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ
เจสันหงุดหงิดโวยวาย “สกปรก เธอสกปรกเกินไปแล้ว”
ด้านเยี่ยฉีนัดทีน่าจากบริษัทแอล คู่ปรับมี่เหม่ยลี่ ออกมาพบ สองคนอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“ขอโทษนะคะ ที่นัดคุณออกมากะทันหัน ฉันมีประวัติสมัครงานของพนักงาน อยากให้คุณช่วยยืนยันหน่อย ไม่ทราบว่าทำให้คุณเสียเวลาหรือเปล่า”
“ไม่แน่นอน”
“เขาชื่อมี่เหม่ยลี่ ฉันอยากรู้ว่า เมื่อก่อนเขาทำงานอยู่บริษัทของคุณใช่มั้ย”
“ถูกต้อง เขาลาออกไปครึ่งปีแล้วล่ะ”
“เหรอคะ งั้น...คุณเจอเธอครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่วันที่เธอลาออก ต่อมาดูเหมือนเธอจะเกิดอุบัติเหตุ หลังจากนั้นฉันก็ไม่เจอเธออีกเลย”
“คุณไม่ได้ข่าวคราวของเธอเลยเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันเคยไปหาเธอ แต่เธอไม่อยู่ที่เดิมแล้ว มีเพื่อนเขาคนหนึ่งออกมาบอก”
“เพื่อนเหรอ”
เยี่ยฉีทวนคำอย่างสนใจ
อ่านต่อ ตอนที่ 31
#กะรัตรัก #DiamondLover #NOW26 #ละครออนไลน์