เงาเสน่หา ตอนที่ 19
ศิตางค์ออกจากห้องทำงาน ในมือกุมโทรศัพท์มือถือ เดินมาหยุดเผชิญหน้ากับวิริยากลางโถงล็อบบี เหยียดยิ้มไปให้
“คิดว่าใคร คุณวิริยา นี่เองบุกมาถึง สกายเจ็ต ของฉันเลยเหรอค่ะ”
“กล้าดีนี่ คุยกันตรงนี้เลยก็ดี จะได้ไม่เป็นขี้ปากใครอีก”
“คนที่นี่ ชอบทำอะไรเปิดเผย ไม่ใช่หน้าอย่าง ลับหลังอย่าง”
“ดี งั้นฉันก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าจะไม่มีการร่วมทำธุรกิจระหว่างรอยัลแอร์ไลน์ของฉัน กับบริษัทของแก”
ศิตางค์ฟังคำพูดแล้วขึ้นเหมือนกัน แต่ก็ต้องวางตัวนิ่งไว้
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันคุย MOU กับคุณพงศธร คงต้องถามคุณพงศธรก่อน”
“ก็ฉันกำลังบอกแกอยู่นี่ไง”
“แต่คุณไม่ใช่คุณพงศธร”
“แต่ฉันเป็นเมียเขา”
ศิตางค์ยิ้มเยาะ “เป็นเมียแล้วไงเหรอคะ ก็ไม่ได้เป็นคนๆ เดียวกันซะหน่อย คนที่มีสิทธิ์ยกเลิกข้อตกลงร่วมระหว่างเรา ต้องเป็นคุณพงศธรคนเดียวเท่านั้น”
ศิตางค์มองด้วยสายตาที่เป็นต่อ และเหนือกว่าวิริยาหลายขุม
รถพงศธรแล่นเข้ามาจอดหน้าอาคารสำนักงาน สกาย เจ็ต เห็นรถของวิริยาจอดอยู่ เขาพอเดาเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ศิตางค์เดินออกจากห้องทำงานถือโทรศัพท์มือถือมาด้วย ระหว่างเดินเธอแอบกดมือถือไปหาพงศธรกำมือถือไว้ในมือโดยไม่มองหน้าจออีกเลย
ขณะนั้นพงศธรขับรถมาตามทาง มีสายจากศิตางค์เข้ามา เขารีบกดรับด้วยบลูทูธ
“สวัสดีครับ คุณศิตางค์”
แต่พงศธรกลับได้ยินเสียงศิตางค์พูดกับวิริยา
“คิดว่าใคร คุณวิริยา นี่เองบุกมาถึงสกายเจ็ตของฉันเลยเหรอคะ”
“กล้าดีนี่ คุยกันตรงนี้เลยก็ดี จะได้ไม่เป็นขี้ปากใครอีก”
ทั้งสองสาวเผชิญหน้ากันกลางโถงล็อบบี
พงศธรรู้ว่าต้องมีเรื่องกันแน่ๆ จึงรีบออกจากรถ วิ่งเข้าไปในออฟฟิศโดยไว
ศิตางค์วางท่าไม่ใส่ใจวิริยา พูดลอยๆ โดยไม่มองหน้า
“เชิญคุณกลับไปได้แล้ว คนที่นี่มีงานต้องทำ ไม่ว่างพอจะเสียเวลาด้วย”
วิริยาแทบเต้น “แกไล่ฉันเหรอ”
ระหว่างนี้ศิตางค์เหลือบไปเห็นพงศธรกำลังเดินตรงมาทางนี้ จึงเดินเข้าไปใกล้วิริยาจงใจยิ้มเหยียดยั่วโทสะ
“ใช่ ฉันไล่”
พงศธรเดินเข้ามาในโถงล็อบบีพอดี
“แก”
วิริยาตบหน้าฉาดใหญ่จนร่างศิตางค์เซไป แต่ศิตางค์กลับหันมามองนิ่งๆ ไม่สู้ วิริยาสะใจยิ้มเยาะ
“สู้สิทำไมไม่สู้ล่ะ ลุกขึ้นมาสิมารยาของแกมันใช้ไม่ได้กับฉันหรอกนะ”
วิริยาพูดจบก็โถมเข้าใส่ศิตางค์อีก
“พอได้แล้ว”
พงศธรกระโจนเข้ามากระชากวิริยาไว้เหวี่ยงออกไป แล้วปรี่เข้าไปดูศิตางค์
“ศิตางค์เป็นอะไรหรือเปล่า”
วิริยาเงยหน้ามาเห็นเป็นพงศธรก็ตกใจ
“คุณ มาที่นี่ได้ยังไง”
พงศธรหันมามองอย่างโกรธขึ้ง “ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ ว่าคุณมาที่นี่ทำไม”
ศิตางค์สบช่องรีบฟ้องทันที
“คุณวิริยาเธอมาเพื่อต้องการให้ฉันเลิกการทำธุรกิจกับคุณพงศ์”
“ก็แกมันอยากหน้าด้าน คิดจะเอาธุรกิจมาบังหน้าคิดแย่งผัวชาวบ้าน”
พงศธรโมโหด่าแบบไม่ไว้หน้า “วิว หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าพูดอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณต่ำมากไปกว่านี้”
“พงศ์”
พงศธรหันไปขอโทษศิตางค์
“ผมขอโทษคุณแทนวิวด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ”
พงศธรหันมาทางวิริยาอีก “และผมจะบอกคุณไว้ตรงนี้เลยว่า การร่วมธุรกิจระหว่างรอยัลแอร์ไลน์กับ สกายเจ็ต จะยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีใครหน้าไหนเปลี่ยนแปลงมันได้...ไม่มี”
“คุณพงศ์”
วิริยาทั้งโกรธ ทั้งเสียหน้า น้ำตาไหลออกมาบนความเสียใจ รีบพาตัวเองออกไปจากที่นี่ทันที
พงศธรมองตามไปตาขุ่น แล้วหันมาดูศิตางค์ถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณเป็นไรมากไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ศิตางค์ลอบยิ้มในสีหน้า สะใจสมใจ ที่จัดการวิริยาได้
สองคนอยู่ในตรงมุมรับแขกในห้องทำงานของศิตางค์ด้วยกัน
“ผมต้องขอโทษแทนวิริยาด้วย”
ศิตางค์ ฉันเข้าใจเธอค่ะ เพราะถ้าลองมองย้อนกลับกัน หากฉันมีคุณ แล้วมีคนมายุ่งกับคุณแบบนี้ ฉันไม่ทำแค่ที่คุณวิริยาทำอยู่ตอนนี้หรอกค่ะ
พงศธรกระหยิ่มกับตัวเองในสิ่งที่ศิตางค์พูดหลอกล่อ
ศิตางค์ลองหยั่งเชิงถามเรื่องการร่วมธุรกิจ
“แล้วเรื่องที่คุณพงพูด...”
พงศธรสวนคำออกมา ยืนยันหนักแน่น “ผมยืนยันคำเดิมครับ”
ศิตางค์ยิ้มในสีหน้า ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
วิริยาเดินเข้าโถงบ้านมาในสภาพยับเยิน เจอแม่ที่กำลังจะออกไปโรงพยาบาลตอนเย็นพอดี เปรมจิตมองสภาพลูกสาวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“นี่ยัยวิว แกไปทำอะไรมา ตั้งแต่เช้าฉันไม่เห็นแกไปเยี่ยมคุณพ่อ”
“วิวก็ไปจัดการเรื่องที่วิวต้องทำนะสิคะ”
เปรมจิตตกใจ “นี่แกอย่าบอกนะว่าเรื่องของสามีแก สภาพแกถึงเป็นแบบนี้”
วิริยาเสียงขุ่นใส่ “คุณแม่จะถามเพื่ออะไรคะ เพื่อจะได้เยาะวิวงั้นเหรอคะ”
เปรมจิตเอือมระอา “ยัยวิว ฉันไม่มีเวลาตามล้างตามเช็ดเรื่องของใครหรอก เรื่องของพ่อแกที่นอนไม่รับรู้อะไร ฉันก็ทุกข์ใจจะแย่อยู่แล้ว”
วิริยาถึงกับต้องนิ่งไปเมื่อคิดถึงเรื่องพ่อ เดินขึ้นบันไดไปเงียบๆ
“วิวเอ๊ย มีสามีผิดแกคงต้องคิดจนตัวตาย”
เปรมจิตมองตามลูกสาว บ่นบ้ากับตัวเอง ก่อนจะหันไปตะโกนเรียกคนใช้
“อ้อย บอกให้เอารถออกหน่อย ฉันจะไปโรงพยาบาล”
เปรมจิตหนักใจ ไหนจะเรื่องกรเกียรติ ไหนจะปัญหาของลูกสาวกับสามี
วิริยาเปิดประตูเข้าห้องมา น่าแปลกที่หล่อนกลับไม่กรีดร้อง ตีโพยตีพาย แต่กลับนิ่งเงียบ คิดทบทวนกับตัวเองว่า หล่อนมาถึงจุดนี้ และปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง
เพราะทำตัวเอง หรือ พงศธรทำให้เกิดขึ้นกันแน่
“พงศ์ คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
ด้านพงศธรนั่งในที่ประชุมพร้อมบอร์ดบริหารทั้ง 6 ทุกคนกำลังเคร่งเครียดเมื่อข่าวการป่วยกระทันหันของกรเกียรติ ทำให้สภาวะการณ์ และความมั่นคงของรอยัลแอร์ไลน์ในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเช้าสั่นสะเทือนมาก
“พวกเราทุกคนก็เห็นข่าวของท่านประธานกรเกียรติที่ออกไปเมื่อเช้า ทำให้หุ้นของบริษัทดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ในรอบ10 ปี” บอร์ด1ว่า
บอร์ด2 เสริมทันที “เราจะปล่อยให้เราอยู่ในสภาพนี้นานไม่ได้ ไม่ใช่เฉพาะลูกค้าของเราเท่านั้นที่ไม่มั่นใจ สายการบินคู่แข่งก็รอจ้องที่จะขย่มเราอยู่ตลอดเวลา”
“ในภาวะวิกฤติแบบนี้เราต้องหา spoke person และผู้บริหารใหม่ที่จะบริหารงานในช่วงนี้ให้ผ่านไปให้ได้ จนกว่าท่านกรเกียรติจะกลับมาหรือเราสามารถแต่งแต่งใครขึ้นดำรงตำแหน่งแทน” บอร์ด3 ปรารภ
บอร์ด1เสนอว่า “คุณวิริยา ลูกสาวท่านประธานเป็นไง”
บอร์ด2 ทักท้วง “เธอใหม่เกินไปกับธุรกิจ สนามนี้ไม่ใช่สำหรับมือใหม่”
บอร์ด3 เสนอ “ผมว่าเรามองหาผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่เป็นคนของเรา ผมขอเสนอคุณพงศธรเพื่อดำรงตำแหน่งแทนท่านประธานกรเกียรติ”
ตลอดระยะเวลา พงศธรตีเนียนนั่งฟังเฉยๆ ถึงกับกระตุกทันที
บอร์ด2 เห็นงามด้วย “ผมเห็นด้วยที่สุด คุณพงศธรคือคนที่เรามองหา”
พงศธรทำเป็นตกใจ ยกมือยกไม้ปฏิเสธ
บอร์ด1คะยั้นคะยอ “รับหน้าที่นี้เถอะคุณพงศธร พวกเราจะสนับสนุนคุณในทุกๆ ด้าน ช่วยให้มันผ่านภาวะวิกฤตินี้ไปก่อน เห็นแก่รอยัลแอร์ไลน์เถอะ”
พงศธรทำทีจำใจยอมรับอย่างเสียมิได้
เย็นวันเดียวกันนั้น ธีรภาพนั่งเฝ้ากรเกียรติในห้องคนเดียว คิดถึงเรื่องต่างๆ ที่เคยทะเลาะ ต่อต้านพ่อ โดยเฉพาะตอนกรเกียรติมาหาที่ออฟฟิศวิศวกร
“ชอบเครื่องบินรบแล้วทำไมมาทำเครื่องบินโดยสาร”
“เครื่องบินรบมีอัตราเสี่ยงต่อการสูญเสียสูงกว่าเครื่องบินโดยสาร 100% ผมไม่ชอบการสูญเสีย”
“ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะของที่เสียไปโดยที่ผมไม่รู้ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาคืนมาให้ได้”
กรเกียรติมองโมเดลเครื่องบิน “เครื่องบินรบ สมาร์ท รวดเร็ว อาวุธครบ แต่ก็แทบจะสูญเสียทุกครั้งที่ขึ้นบิน แต่เครื่องบินโดยสาร ถึงจะบินช้าแต่ก็เน้นที่ความปลอดภัย แทบไม่มีอัตราเสี่ยง ไม่ชอบความสูญเสียไม่ใช่เหรอ”
ธีรภาพอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะหยิบโมเดลเครื่องบินโบอิ้งคืนให้กรเกียรติ
“เอาคืนไปเถอะครับ มันไม่เข้ากับคอลเล็คชั่นของผม”
ธีรภาพดึงความคิดตัวเองกลับออกมา ถือเครื่องบินโบอิ้งโมเดลลำเดิมคุยกับพ่อ
“พ่อครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพพ่อครับ วันนั้นที่พ่อถามผมว่าผมชอบ เครื่องบิน F22 แร็ตเตอร์ ที่ผมบอกว่าผมชอบพรางตัว ผมชอบขับไล่ ผมโกหกพ่อครับ จริงๆ แล้วผมชอบเครื่องบินโบอิ้ง 777 ผมชอบความปลอดภัย ไม่เสี่ยง เพราะผมไม่ชอบการสูญเสีย”
ธีรภาพวางโมเดลโบอิ้ง 777 ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงพ่อ
“พ่อครับ พ่อคือคอลเล็คชั่นของผม นะครับ”
ธีรภาพน้ำตาไหลรินออกมา
ขณะที่ธีรภาพเปิดประตูห้องไอซียูออกมา เจอเปรมจิตที่เพิ่งมาถึงโรงพยาบาล ธีรภาพยกมือขึ้นไหว้
“สวัสดีครับ”
เปรมจิตนิ่งขึงคล้ายทำใจอยู่พักหนึ่ง จึงยกมือรับไหว้ ไม่วายมองค้อน พูดเสียดสีตามประสาคนปากร้าย
“เช้าถึง เย็นถึง พ่อเธอคงต้องรีบฟื้นแล้วสินะ จะได้พร้อมหน้าพ่อ แม่ ลูก”
ธีรภาพไม่พูดโต้ตอบอะไรต่อด้วย นอกจากยกมือไหว้อีกครั้ง แล้วเดินจากไป เปรมจิตมองตามไปลึกๆ ในใจ เริ่มเข้าใจหัวอกธีรภาพมากขึ้นเมื่อเห็นความจริงใจของเขาที่มีต่อกรเกียรติ
ฝ่ายพงศธรคุยอยู่กับสมภพ บอร์ดบริหารที่ดูแลเกี่ยวกับหุ้นทั้งหมดของบริษัทแบบลับๆ สองต่อสอง
“คุณสมภพถือเป็นคนรดน้ำใส่ปุ๋ยให้กับสายการบินเรา เงินลงทุนทุกบาท หุ้นทุกหุ้นของเรา คุณเป็นคนกุมหัวใจของรอยัลแอร์ไลน์”
สมภพยืดทันทีที่คนอย่างพงศธรรู้ว่าใครสำคัญในบริษัท
“ผมว่าคุณสมภพเองก็รู้ว่า คุณกรเกียรติท่านถือหุ้นในรอยัลแอร์ไลน์ไว้เพียง1 % และกว่า 69% ท่านโอนให้คุณวิริยาไปตั้งนานแล้ว”
“ท่านกรเกียรติขอทำงานบริหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
พงศธรรู้ทันทีว่า สมภพชักจูงเป็นพวกได้ไม่ยาก
“คุณสมภพก็รู้ว่าผมกับคุณวิริยา เหมือนคนๆ เดียวกัน อะไรที่เป็นของผมก็เหมือนของคุณวิริยา และอะไรที่เป็นของวิริยามันก็เหมือนเป็นของๆ ผมด้วย”
สมภพแปลกใจในคำพูดของเขา แต่ก็พอเดาออกว่าพงศธรคิดจะโอนถ่ายหุ้นของวิริยา
“บอร์ดบริหารทุกคนให้ความเชื่อใจ และอำนาจแก่ผมในการบริหารกิจการรอยัลแอร์ไลน์ แต่มันคงจะแปลกพิลึก ที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแบบผม ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือในกระเป๋าเลย จะคุยกับนักลงทุนในตลาดว่าอะไรล่ะ คุณสมภพว่าจริงไหมครับ”
สมภพพยักหน้ารับเอาคำว่าเห็นด้วย
“ผมมีเอกสารถูกต้องทุกอย่างที่จะช่วยให้คุณสมภพจัดการเรื่องนี้ได้เร็วที่สุด แล้วถ้าเรื่องนี้สำเร็จขึ้นมา ตำแหน่งบอร์ดบริหารดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับคุณสมภพเสียแล้วละครับ”
สมภพคิดตาม ความโลภมักใหญ่ใฝ่สูงเข้ามาครอบงำจิตใจในบัดดล
“คุณพงศธรไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องหุ้น เอกสารตัวจริงครบ ผมสามารถจัดการให้คุณได้ภายใน 24 ชม. แต่คุณสัญญากับผมแล้วนะ ถ้าผมช่วยคุณครั้งนี้ คุณจะส่งเสริมผม”
“คุณสมภพสบายใจได้เลยครับ ผมเป็นนายคำพูดของผมเสมอ”
“งั้นคุณเตรียมดูพอร์ตตัวเลขหุ้นของคุณได้เลย พรุ่งนี้เช้า”
“ขอบคุณครับ ซุปเปอร์บอร์ดของผม ยินดีต้อนรับสู่ทีมพงศธรครับ”
พงศธรลุกขึ้นจับมือกับสมภพด้วยความดีใจ
ออกจากโรงพบาบาล ธีรภาพพาตัวเองมานั่งเหงาอยู่ริมน้ำคนเดียว มองไปที่ผ้าเช็ดหน้าสองผืนผูกติดกันเพื่อหากำลังใจ และหวังลึกๆ ว่าศิตางค์อาจจะผ่านมาอีกสักครั้ง
ที่แท้ศิตางค์นั่งในรถตอนหลังมองธีรภาพอยู่นานแล้ว ขณะจะเปิดประตูออกไปหา แต่ดันมีไลน์จากพงศธรเข้ามาพอดี จึงชะงัก กดเปิดอ่าน
“พรุ่งนี้เราสองคนจะก้าวไปบนความสำเร็จด้วยกันนะครับ”
ศิตางค์อ่านข้อความจบ สุดท้ายตัดสินใจไม่ลงไป ค่อยๆ ละมือออกจากที่เปิดประตู เหลียวไปมองธีรภาพที่ยังนั่งอยู่ บอกคนขับให้ออกรถไป
“ออกรถเลยจ้ะ”
รถศิตางค์แล่นออกไปแล้ว ธีรภาพรับรู้ถึงสายลมเย็นวูบผ่าน พอมองไปทางที่รถเคยจอดกลับว่างเปล่า ธีรภาพนั่งนิ่งจมอยู่กับความคิดเพียงลำพังเช่นเดิม
คืนนั้นวิริยานอนไม่หลับ สุดท้ายลุกขึ้นมานั่งเดินวนไปมาในห้อง พงศธรไม่ขึ้นมานอนบนห้อง แต่เธอก็ใจแข็งและหยิ่งเกินกว่าจะตามไปง้อเขาข้างล่าง
ฝ่ายพงศธรกำลังใช้สมาธิกับการเล่นสนุ้กเกอร์อยู่ในห้องรับรองแขกเพียงลำพัง ไม่อยากไปเผชิญหน้ากับวิริยาข้างบน ยิงลูกลงหลุมสวยๆ หลายๆมุม บ่งบอกถึงความมุ่งมั่น ไม่พลาดเป้าของเขา
เช้านี้พงศธรเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าตึกรอยัลแอร์ไลน์ คิดถึงความสำเร็จเมื่อครู่ที่ผ่านมา
โดยก่อนหน้านี้ บรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดคึกคักเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการโอนหุ้นภายในของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างรอยัลแอร์ไลน์มากเป็นประวัติการณ์ โบรกเกอร์ของรอยัลแอร์ไลน์ต่อสายตรงหาสมภพ
“ท่านครับ หุ้นทั้งหมดถูกโอนเปลี่ยนมือหมดแล้วนะครับ”
สมภพรับโทรศัพท์มือถือฟังแล้วยิ้ม
“ดีมาก เหนื่อยกันหน่อยนะ เช้าวันนี้”
สมภพวางสายโทรศัพท์ แล้วรีบกดมือถือถึงพงศธรทันควัน
พงศธรรับสายอยู่บนดาดฟ้าตึกรอยัลแอร์ไลน์ ร้องตะโกนอย่างสุดเสียงด้วยความภูมิใจในความสำเร็จสุดตัวครั้งนี้
มุมหนึ่งหน้าฮอลล์ ธีรภาพได้รับข้อมูลรายงานตัวเลขการโอนหุ้นจากคุณเลขา เห็นจำนวนหุ้นที่ถูกโอนแล้วอึ้งหนัก โทรศัพท์รับข่าวจากทวิตเตอร์
“พงศธร ศุภชาติ ดำรงตำแหน่งรักษาการแทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ถือครองหุ้นของรอยัลแอร์ไลน์ถึง 69%”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ธีรภาพอึ้งกับข้อมูลที่ได้รับจากการปรับเปลี่ยนผู้บริหารจากพ่อเป็นพงศธร
ในงานแถลงข่าวการร่วมธุรกิจระหว่างรอยัลแอร์ไลน์กับสกายเจ็ต มัทรี กับ เจนไวทย์ ยิ้มทักทายกัน เจนไวย์ชวนคุย
“อ้าวคุณแมทซี่ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
มัทรียิ้มอายม้วนต้วนเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ตอนไปทัวร์เกาหลีด้วยกัน
“นั่นสิคะ ไม่ทักไลน์ ไม่มิสคอล ไม่วิดีโอ โนเฟสไทม์ แถมละเลยเฟสบุกไลฟ์ด้วย”
“โห มาทุกโซเซียลเลยนะครับ ที่คุณกล่าวหาผมทั้งหมด มันจะมีได้ยังไงครับ ก็คุณไม่ยอมให้อะไรผมสักอย่าง”
“อ๊าย จริงเหรอคะ ตายแล้ว รีบเมมเลยค่ะ มีกี่โซเซียลบอกมาเลยค่ะ”
สองคนแลกไลน์กันมุ้งมิ้งอยู่ในงาน
บนถนนรถติดแหง็กเป็นแพ รถวิริยาเป็นหนึ่งในนั้น หล่อนนั่งร้อนใจอยู่ในรถ จะรีบไปงานแถลงข่าวเพื่อยับยั้งไม่ให้การเซ็นต์สัญญาเกิดขึ้น
“รถจะติดอะไรกันนักกันหนา”
วิริยาเหลือบดูนาฬิกาตัวเอง แล้วยิ่งร้อนรนใจ หล่อนกดเช็คข่าวทางมือถือ
ทีวีช่อง 8 นำเสนอข่าวการเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้ถือหุ้นในบริษัทรอยัลแอร์ไลน์ และ การก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของพงศธร วิริยาช็อกกับข่าวนี้
“พงศธร นี่คุณคิดจะทำอะไร”
ในงานแถลงข่าวการเซ็นต์สัญญาร่วมธุรกิจระหว่าง รอยัลแอร์ไลน์ และ สกาย เจ็ต พิธีกรในงานประกาศเชิญศิตางค์และพงศธรขึ้นไปเวทีทั้งสองคน
“และก็ถึงเวลาของการกล่าวแถลงความร่วมมือระหว่างรอยัลแอร์ไลน์กับ สกายเจ็ต ขอเชิญ คุณพงศธร ศุภชาติ กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ครับ”
พงศธรกล่าวกับแขกในงานด้วยมาดอันสุขุม
“ก่อนอื่นคงต้องกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมในงานแถลงความร่วมมือครั้งสำคัญของรอยัลแอร์ไลน์กับสกายเจ็ต การร่วมมือกันของสองบริษัทครั้งนี้มีเป้าประสงค์เดียว คือ เพื่อความสะดวก รวดเร็วของผู้โดยสารของเรา หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้โดยสารจะให้ความสนับสนุนในการบริการที่ตอบสนองความต้องการของทุกท่าน”
ผู้ร่วมงานตบมือเกรียว มัทรีกับเจนไวทย์คุยกันต่อ
“คุณแมทซี่มานี่ได้ยังไงครับ รู้จักกับทางฝ่ายสกายเจ็ตเหรอครับ
มัทรีปากไว หลุดปากไปว่า
“ก็รู้จักกับยัยนิสา”
เจนไวทย์หูผึ่ง มัทรีรู้ตัว รีบแก้
“เอ๊ยไม่ใช่ค่ะ คุณศิตางค์นะค่ะ ฉันพอจะรู้จักกับเธอ”
“อ๋อ ครับ ก็คุณแมทซี่ทำทัวร์ก็น่าจะรู้จักคุณศิตางค์ ผมนี่แปลก ไม่เห็นต้องถามเลยนะครับ”
“นั่นสิคะ ธรรมดา คนในธุรกิจ ฮ่ะๆๆ”
มัทรีหัวเราะกลบพิรุธ และหยิกตัวเองว่าเกือบไปแล้ว ดีที่เจนไวทย์ไม่สงสัยอะไรมากนัก
เจนไวทย์มองหาธีรภาพ เพราะนัดกันไว้แล้วว่าจะมา แต่ยังไม่เห็นสักที
“ทำไมป่านนี้ยังไม่มาอีกนะ”
“มองหาใครเหรอคะ”
“ไอ้ธีน่ะครับ นัดไว้ แต่ป่านนี้ยังไม่เห็นมาเลย”
“อ๋อ ค่ะ”
ธีรภาพในชุดทำงาน เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่มุมหนึ่งในงาน ห่างจากเวที จับตามองศิตางค์เป็นพิเศษ
พิธีกรเชิญศิตางค์ขึ้นกล่าวต่อจากพงศธร
“และโอกาสต่อไปขอเรียนเชิญ ซีอีโอแห่ง สกาย เจ็ต คุณศิตางค์ กมลวิเศษกุล ขึ้นกล่าวกับแขกผู้มีเกียรติครับ”
ศิตางค์กล่าว“ครั้งแรกที่มีการตกลงร่วมกัน ฉันไม่มีความกังวลใดๆ ว่า รอยัลแอร์ไลน์กับ สกายเจ็ต จะทำไม่ได้ แล้ววันนี้คุณพงศธรก็พิสูจน์และทำให้ดิฉันมั่นใจว่า ดิฉันเลือกหุ้นส่วนไม่ผิดค่ะ”
ศิตางค์มองหน้าพงศธรด้วยแววตาชื่นชม พงศธรยิ้มตอบ ธีรภาพนั่งฟังอยู่รู้สึกไม่พอใจในแววตาและคำพูดของศิตางค์
วิริยาเดินเข้ามาในตัวตึกด้านในด้วยท่าทางรีบร้อน มุ่งหน้าไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องแถลงข่าวด้านบน
วิริยารีบร้อนออกจากลิฟต์ด้วยความร้อนใจ
สาวสวยพนักงานต้อนรับของสองสายการบิน ฝั่งละสองคนเตรียมเอกสารมาให้พงศธรและศิตางค์ที่นั่งคู่กันตรงโต๊ะบนเวทีคนละแฟ้ม
“เอาละครับ ถึงเวลาสำคัญของการเซ็นต์สัญญาครั้งประวัติศาสตร์ร่วมกันของยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจการบิน เชิญผู้บริหารทั้งสองลงนามได้ครับ”
ทั้งคู่เซ็นเอกสาร แล้วแลกกันเซ็นอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นจับมือกัน ยิ้มให้ผู้สื่อข่าวถ่ายรูปร่วมกัน อันเป็นจังหวะเดียวกับที่วิริยารีบเปิดประตูเข้ามาเพื่อหมายจะยับยั้งการเซ็นต์สัญญา แต่ไม่ทันจนได้
วิริยาโกรธสุดขีด พงศธรมองไปเห็นวิริยา แต่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอศิตางค์มองเห็นวิริยาก็แกล้งเข้าไปกระซิบข้างหูพงศธรหัวเราะหัวใคร่กันสองคน สื่อมวลชนกดชัตเตอร์ถ่ายภาพกันระรัว
สัมภาษณ์เสร็จพงศธรเดินแยกออกจากสื่อ มายืนมองดูศิตางค์ด้วยความชื่นชม สมภพเดินเข้ามาแสดงความยินดี
ธีรภาพยืนมองอยู่อีกมุมที่พงศธรไม่ทันสังเกต ธีรภาพเห็นพงศธรส่งยิ้มให้ศิตางค์พอดี และเห็นสมภพกับพงศธรคุยกัน
“ยินดีด้วยนะครับ ท่านประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่แห่งรอยัลแอร์ไลน์”
พงศธรยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจที่ตนทำสำเร็จ มองดูรอบๆ จนแน่ใจว่าปลอดคนจึงบอกอีกฝ่ายว่า
“ขอบคุณมากครับ ผมจะไม่ลืมสิ่งที่คุณสมภพช่วยผมในวันนี้เลย ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
“ผมจะรอข่าวดีจากคุณนะครับ”
พงศธรยิ้มกระหยิ่ม ภูมิใจสุดๆ
ธีรภาพได้ยินคำพูดของพงศธรแล้วอึ้งไป ทบทวนสิ่งที่เอนกส่งเรื่องหุ้นให้ดู แล้วยิ่งคิดหนัก
วิริยาเดินคุยกับพงศธร มาตามทางเดินระหว่างเก้าอี้ที่นั่งอันว่างเปล่า ในฮอลล์ไม่มีใครอยู่ด้วยแล้ว
“คุณเก่งมาก คุณทำให้ฉันพ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”
“ผมไม่เห็นว่ามีใครแพ้ใครชนะ นอกจากรอยัลแอร์ไลน์ที่ชนะ”
วิริยาเสียใจ น้อยใจ จนร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสารเป็นครั้งแรกให้คนอื่นเห็น
“จะทำอะไร บอกวิวตรงๆ ถ้าวิวให้ได้ วิวก็จะให้ แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีแบบนี้”
“วิว ของๆ วิว มันก็ยังเป็นของวิวเหมือนเดิมทั้งหมด เราสองคนคือคนๆเดียวกัน ผมแค่เอามาทำให้ผมทำงานง่ายขึ้น วิวก็รู้ ความเชื่อมั่น คือสิ่งสำคัญของงานบริหารรอยัลแอร์ไลน์”
วิริยาเงียบไปสักพัก ทบทวนแล้วนิ่งคิดตัดสินใจ มองจ้องหน้าพงศธร
“วิวจะเชื่อคุณในเรื่องนี้ ขอให้ทุกอย่างเป็นเหมือนที่คุณพูด แต่สำหรับเรื่องของนังนั่นนะ...”
วิริยาพูดไม่ทันจบ ศิตางค์เดินสวนมาจากอีกทาง และได้ยินสรรพนามที่วิริยาเรียกตน
“มีใครเรียกชื่อฉันรึเปล่าคะ แหมให้เกียรติกันจังเลยนะคะ”
วิริยาเห็นเป็นศิตางค์เลยรีบปาดเช็ดน้ำตาทิ้งยกใหญ่
“ทุกอย่างมันผ่านไปแล้วเรามารอเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ของมันกันดีกว่าครับวิว”
“สำหรับวิวมันคงไม่ผ่านไปง่ายๆ อย่างนั้นหรอกค่ะพงศ์ คุณเตรียมการมาหมดแล้ว ตอนนี้วิวแค่ไม่แน่ใจว่า คุณเตรียมมันมาทั้งชีวิตหรือตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันที่ตึกนี้กันแน่”
พงศธรจุกกับคำพูดของวิริยา
วิริยาเดินออกไปอย่างคนพ่ายแพ้ยับเยิน ที่ยังหยิ่งทะนงตนถึงขีดสุด เชิดหน้าผ่านศิตางค์ไป
ศิตางค์มองตามวิริยาไป ลึกๆ รู้สึกสงสาร เพราะวิริยาต้องเข้ามาอยู่ในเกม เพื่อให้พงศธรติดกับของเธอให้เร็วที่สุด และนั่นหมายถึงเธอต้องทำร้ายวิริยาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พงศธรเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นว่า “เดี๋ยวผมลงไปส่งคุณที่รถนะครับ”
“คุณลงไปก่อนละกันค่ะ ฉันขอนั่งสักพัก แล้วจะตามลงไป”
พงศธรเดินนำออกไป ศิตางค์รู้สึกคล้ายขาแขนหมดเรี่ยวแรง จนต้องทรุดลงนั่ง ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นในฮอลล์ เมื่อเหลียวไปเห็นเป็นธีรภาพนั่นเอง เข้าเดินมาจนใกล้
“ถ้าที่นี่เป็นเวทีออสการ์ ผมว่าคุณคงเป็นราชินีของคืนนี้อย่างแน่นอน ตีแตกทุกบทบาท ตั้งแต่วินาทีแรกจนวินาทีสุดท้าย”
ศิตางค์ฉุนขึ้นมาทันที “คุณหมายถึงอะไร”
“เอาเป็นว่า คุณต้องคิดเองแล้วละครับว่าผมหมายถึงอะไร”
ธีรภาพนั่งลงข้างๆ ศิตางค์ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
“ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใครกันแน่ ต้องการอะไร แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่า ผมมีหน้าที่ปกป้องคนในครอบครัวผม”
ศิตางค์ยิ้มเยาะ “แม้ว่าพวกเขาไม่เห็นคุณเป็นคนในครอบครัวงั้นเหรอ”
ธีรภาพอึ้งไปนิดๆ แต่ก็ไม่ถือสาคำพูด
“สายเลือดย่อมลุกขึ้นมาปกป้องพวกเดียวกันเอง คุณอาจไม่เข้าใจ เพราะคุณอาจไม่มีเลือด ไม่มีเนื้อ”
ศิตางค์รู้สึกเสียใจเช่นกันที่อธิบายให้ใครฟังไม่ได้ ลุกขึ้นเดินหนีไปช้าๆ ธีรภาพลุกขึ้นพูดตามหลังไป
“ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าคุณเป็นใคร แล้ววันนั้นคุณคงพร้อมจะบอกผมว่า คุณทำแบบนี้ทำไม ศิตางค์”
ศิตางค์อึ้งนิดๆ แต่ยังคงฝืนเดินคอแข็งจากไป แอบยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มเบาๆ จนแทบไม่มีใครรู้สึก
ธีรภาพมองตามด้วยความคับข้องหมองใจ หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
เปรมจิตรอที่บ้านด้วยความร้อนใจ จนวิริยากลับมา
“ฉันโทร.หาแก แต่แกปิดมือถือ ฉันต้องรีบบึ่งกลับบ้าน ทิ้งพ่อแกที่นอนไม่ได้สติอยู่คนเดียว นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาหา หุ้นทั้งหมดคุณพ่อโอนไว้เป็นชื่อแก เพื่อให้แกบริหารงานต่อ นี่แกกำลังทำอะไร แกทำบ้าอะไร แกคิดว่าพ่อแกจะนอนตาหลับไหมยัยวิว”
วิริยารู้สึกหมดแรงอย่างบอกไม่ถูก
“แม่ถามทำไมแกไม่ตอบ สามีแกมันคิดจะทำอะไร บอกแม่สิวิว...วิว พงศธรมันคิดทำอะไร วิว...วิว”
จู่ๆ วิริยาก็หน้ามืด เป็นลมวูบไปทันที เปรมจิตตกใจมาก ประคองลูกสาวลงนั่ง ร้องลั่น
“วิว ยัยวิว!! ยัยวิว”
วิริยานอนหลับอยู่บนเตียง หมอที่ถูกตามตัวมาถึงบ้านตรวจอาการเสร็จแล้ว จึงเดินมาหาเปรมจิตที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก
“จากอาการ และการตรวจเบื้องต้น ผมมั่นใจว่าคุณวิริยา ตั้งครรภ์”
เปรมจิตตกใจมากกว่าจะดีใจ “หา อะไรนะคะ ยัยวิวตั้งท้องเหรอคะ”
“ถ้ายังไงหมออยากให้ไปตรวจให้ละเอียดที่โรงพยาบาลอีกทีครับ เพื่อความมั่นใจ และจะได้เรียนรู้เรื่องการดูแลตัวเองไปด้วยเลย ช่วงนี้ต้องพยายามให้แกไม่เครียด ทำใจให้สบายๆ แล้วก็รักษาสุขภาพดีๆ นะครับ ฝากยาบำรุงไว้ให้ทานหลังอาหารแล้ว ตื่นมาทานอาหารก็ทานได้เลย”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอ”
“ผมลากลับนะครับ”
“ค่ะ”
หมอกลับไปแล้ว เปรมจิตเดินเข้ามาลูกสาวผู้อวดเก่ง ลูบผมด้วยความสงสารและเห็นใจ
“โถ ยัยวิวลูกแม่”
ฝ่ายธีรภาพเปิดประตูห้องไอซียู เดินเข้ามาคุยกับพ่อที่ยังคงนอนนิ่งไร้วี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาใดๆ
“วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายในบริษัท ผมเข้าใจในสิ่งที่พ่อพยายามบอกผม ผมจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ”
ธีรภาพจับกุมมือกรเกียรติไว้แน่น เพื่อต้องการกำลังใจ และพยายามบอกพ่อว่าเขาจะต้องทำให้ได้
เสียงกริ่งดังมาจากประตูหน้าห้อง ศิตางค์เดินมาเปิดประตู เห็นว่าเป็นพงศธรยืนยิ้มถือแชมเปญอยู่
“เซอร์ไพรส์”
ศิตางค์ไม่ได้พูดตอบอะไร จนพงศธรต้องเอ่ยถาม
“ไม่ถามหน่อยเหรอครับว่า ฉลองเรื่องอะไร”
“นั่นสิคะ คุณคงมีเรื่องฉลองหลายเรื่องอยู่ เชิญข้างในค่ะ”
ศิตางค์เดินนำพงศธรมาที่โซนรับแขกด้านใน เดินเลยไปหยิบแก้วแชมเปญในครัว แล้วเดินกลับมา
“จะสำเร็จเรื่องไหน ก็คงไม่สำคัญเท่ากับเรื่องของเราหรอกครับ”
“งั้นฉันจะดื่มให้กับเฉพาะเรื่องของเราเท่านั้น เรื่องความสำเร็จอื่นๆ ของคุณที่รอยัลแอร์ไลน์ ฉันไม่อาจยินดีด้วยได้”
พงศธรรินแชมเปญส่งให้ศิตางค์ ทั้งสองชนแก้วกันแล้วดื่มฉลอง ศิตางค์เดินมาหยุดริมหน้าต่าง
“เวลาที่คุณทำอะไรสำเร็จ คุณยินดีกับทุกเรื่องที่สำเร็จไหมคะ” เธอถามโดยไม่หันมามอง
พงศธรคิดถึงเรื่องของนิสาขึ้นมาในหัว มันเป็นความสำเร็จแต่ก็ไม่น่ายินดี
“บางเรื่องที่สำเร็จแล้วน่ายินดี แต่ก็มีบางเรื่องที่สำเร็จแต่ ไม่น่ายินดีเลย”
“มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอคะ”
ศิตางค์ยืนคิดอยู่ พงศธรเข้ามาประกบด้านหลัง กระซิบข้างหูเบาๆ
“เราอย่ามัวพูดเรื่องอื่นเลยครับ พูดเรื่องของเราจะดีกว่า”
พงศธรค่อยๆ เอามือโอบเอวศิตางค์เบาๆ และนุ่มนวล
“คุณทำงานไว เรื่องอื่นก็ไวไม่แพ้กันนะคะ”
ศิตางค์พยายามยั่วยวน ถูกพงศธรจูบไซร้แถวต้นคอ เธอหลบหลีกพองาม ศิตางค์หันหน้ามาเผชิญกับพงศธร เขายังคงรุกเธอหนักขึ้น จับใบหน้าเธอมองจ้องแววตางามคู่นั้น
“ผมชอบมองแววตาคู่นี้ของคุณจัง อบอุ่นทุกครั้งที่ได้มอง อยากจะมองมันแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน”
พงศธรค่อยๆ เอามือซ้ายจับไล้ใบหน้าศิตางค์บางๆ ศิตางค์จับมือตอบโดนแหวนแต่งงานที่นิ้วนางของเขา จึงแสร้งทำทีเหมือนรู้สึกผิด ที่กำลังมีอะไรกับสามีคนอื่น ทั้งสองมองแหวนในนิ้วนางซ้าย สุดท้ายศิตางค์เบี่ยงตัวออกจากพงศธรไปดื้อๆ
“ผมขอโทษ ผมขอโทษคุณจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าผิด เราสองคนก็ผิดด้วยกัน เรื่องแบบนี้ ตบมือข้างเดียวไม่มีทางดังหรอกค่ะ”
“ครับ ผมเข้าใจ”
ศิตางค์หันหน้าหลบสายตาพงศธร แล้วแกล้งพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า
“เรื่องระหว่างเรามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ตราบใดที่คุณยังมีเธออยู่ คุณพงศ์เข้าใจฉันนะคะ”
“ครับ”
ศิตางค์ออกตัวทันที “วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวัน ขอตัวพักผ่อนก่อนนะคะ”
พงศธรอึ้งไปครู่หนึ่ง “ครับ แล้วเจอกัน”
ศิตางค์ไม่ตอบอะไรแกล้งทำเป็นปาดน้ำตาด้วยความเสียใจ พงศธรเดินไป แล้วหยุดชะงัก แต่ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก เลยยอมเดินออกไปโดยดี
ทันทีที่พงศธรพ้นห้องไป ศิตางค์ยิ้มร้ายกาจออกมาเต็มใบหน้างาม
“ยืนให้ครบยกนะคุณพงศ์ มันยังไม่สาสมใจฉันเลย”
พงศธรขับรถเหม่อมาตลอดทาง จนมาหยุดรอสัญญาณไฟแดง สายตามองจ้องนิ้วนางข้างซ้ายใส่แหวนแต่งงานอยู่ เขาคิดไปถึงคำพูดของศิตางค์ก่อนหน้านี้
“เรื่องระหว่างเรามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกคะ ตราบใดที่คุณยังมีเธออยู่คุณพงเข้าใจฉันนะคะ”
ไฟเขียวแล้ว รถคันหลังบีบแตรไล่ พงศธรสะดุ้ง ตื่นจากความคิด ขับรถออกไป
คืนเดียวกันนี้ ธีรภาพอยู่ในห้องนอน เปิดคอมค้นหาประวัติ และข้อมูลต่างๆ ของศิตางค์ แต่แทบไม่มีข้อมูลของเธอเลย เขาค้นข้อมูล สกาย เจ็ต ในไทย รวมถึงบริษัทแม่ที่เกาหลี และปริ้นต์ออกมา เพื่อตามหาความจริงว่าศิตางค์คือใคร
รุ่งเช้าของวันใหม่ พงศธรเปิดประตูออกมาจากห้องนอนแขกในบ้าน เปรมจิตเปิดประตูออกมาเห็นพอดี เลยเฉ่งลูกเขยรับอรุณ
“เรื่องหุ้นทั้งหมดของยัยวิว ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอเอามันไปด้วยวิธีไหน แต่ฉันบอกไว้ก่อน โอนคืนมาที่ยัยวิวให้หมด ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี และจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ที่ฉันยอมพูดด้วย เพราะฉันเห็นแก่หลานตาดำๆ ที่จะเกิดมาลืมตาดูโลก”
พงศธรหยุดกึกทันที
พงศธรเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วต้องคิดหนัก เมื่อเห็นสภาพวิริยาที่นอนซมอยู่บนเตียง เขายืนมองนิ่งๆ แล้วนึกโมโหว่า ทำไมเด็กคนนี้ต้องมาเกิดเอาตอนนี้ ในช่วงเวลาการตัดสินใจเด็ดขาดของเขาเพื่อแตกหักกับวิริยา ไปหาศิตางค์
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง วิว อย่าเห็นแก่ตัวกับผม...อย่า”
พงศธรเอามือลูบหัววิริยาเบาๆ มองดูวิริยาที่นอนซมๆ อยู่ แล้วค่อยๆ กำมืออย่างแค้นใจ เห็นแหวนแต่งงานในนิ้วนางข้างขวาของพงศธร น้ำตาเอ่อ ตัดสินใจทำอะไรไม่ถูกเลย เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ
พงศธรแวะมาที่โรงพยาบาล เดินเข้ามาในห้องไอซียูด้วยอาการของคนเมาหมัดน็อกเอ้าท์ หลังจากรับรู้ว่าวิริยาตั้งท้อง พงศธรต้องการคุยกับกรเกียรติแบบส่วนตัว
“ท่านคิดว่าท่านชนะผมงั้นเหรอ เปล่าเลย ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขณะที่ท่านกำลังล้อเล่นกับพญามัจจุราช เกิดอะไรขึ้นมากมาย วันนี้ และต่อจากนี้ รอยัลแอร์ไลน์อยู่ภายใต้อุ้งมือของผม ต่อให้ท่านฟื้นขึ้นมา แล้วมีท่านอีกสักสิบคน ก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้อีกต่อไป ท่านสร้างรอยัลแอร์ไลน์มาตลอดทั้งชีวิต ผมซาบซึ้งใจมาก และนี่คือบำนาญสำหรับสิ่งที่ท่านทำให้เรา”
สีหน้าของกรเกียรติ เหมือนรับรู้และได้ยินทุกคำพูด พงศธรจิกจนเนื้อกรเกียรติเป็นรอยเล็บกด
“แด่ตำนานของรอยัลแอร์ไลน์”
พงศธรมองร่างบนเตียงด้วยท่าทียะโส ค่อยๆ ปล่อยมือออกจากแขนกรเกียรติ แล้วเดินออกไป โดยไม่ทันเห็นใบหน้ากรเกียรติกระตุกเหมือนรับรู้ทุกอย่าง
ที่บริเวณริมน้ำยามเช้า เห็นศิตางค์กับมัทรีเดินคุยกันอยู่ที่นั่น มัทรีกังวลและเป็นห่วงศิตางค์มาก
“ฉันนอนคิดเป็นห่วงแกทั้งคืน มันจะไปกันใหญ่นะยัยสา ยิ่งมารู้ข่าวการเปลี่ยนมือผู้บริหารของรอยัลแอร์ไลน์มาเป็นไอ้พงศธรเนี่ย ฉันเลยยิ่งกลัว กลัวว่ามันทำได้ทุกอย่าง ทุกเรื่องที่มันต้องการ แล้วมันก็ได้จริงๆ มันอันตรายนะแก ฉันเป็นห่วงแกอะ”
“เหอะน่า ฉันจะทำให้แกเป็นห่วงอีกไม่นานหรอก”
มัทรีดีใจมองหน้าเพื่อน คิดว่านิสาในคราบศิตางค์คงจะเปลี่ยนใจแล้ว
“แกเปลี่ยนใจไม่เคียดไม่แค้นแล้วใช่ไหม ดีใจจัง”
“ไม่ มันใกล้จะถึงจุดจบของเรื่องนี้แล้วต่างหาก”
มัทรีผิดหวังที่ศิตางค์ยังมุ่งมั่นอยู่กับการแก้แค้น
“ถ้าออกจากมันมาได้เร็ว เราก็ไม่ต้องถลำอยู่นาน ไฟของความโกรธอยู่นาน มันมีแต่จะเผาเราไปด้วย”
ระหว่างสองสาวคุยกันอยู่นี้ เจนไวย์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ผ่านมาตามถนนเลียบริมน้ำพอดี เขาเกิดความสงสัยว่าทำไมมัทรีถึงดูสนิทสนมกับศิตางค์นัก เลยหยุดรถแอบถ่ายรูปเอาไว้ โดยที่สองสาวไม่รู้ตัว
“ฉันรู้ ฉันถึงบอกแกไง ว่าอีกไม่นาน”
มัทรีได้แต่พยักหน้ารับเอาคำ ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก
อีกฟาก อรชุมากำลังง่วนจัดโต๊ะเลขาหน้าห้องท่านประธานคนใหม่อยู่ พอเห็นพงศธรเดินมารีบวิ่งเข้ามาต้อนรับ
“เจ้านาย อุ๊ย ผิด ท่านประธานคะ อรจัดห้องใหม่ไว้ให้ท่านประธานแล้วค่ะ ปรับเปลี่ยนทิศที่นั่งให้ตามราศีทุกอย่าง รับรองนั่งแล้วอยู่ยาว เจริญรุ่งเรืองแน่นอนค่ะ”
“ขอบใจคุณอรมากนะ”
“อุ๊ย สุภาพ จะคุณเคินทำไรละคะ เรียกอรเฉยๆ ก็ได้ค่ะ เรียกซ้ำๆ จะได้ชินนะคะท่านประธาน เชิญเข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ”
อรชุมาชะเลียร์เจ้านายท่าทีตลกๆ รีบเชิญพงศธรเข้าห้องไป
พงศธรเดินเข้ามาในห้องทำงานใหม่ ทั้งกว้างขวาง หรูหรา และ โอ่อ่า เขาเหลียวมองบรรยากาศรอบๆ อย่างภาคภูมิใจ ค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ท่านประธาน มันเป็นเก้าอี้ตัวแรกและตัวสุดท้ายที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต และวันนี้ เขาได้มันมาครอบครองแล้ว
ไม่นานต่อมาพงศธรเดินขึ้นมาที่รอยัลอายส์ มองอาณาจักรรอยัลแอร์ไลน์เบื้องล่างอย่างสมใจ
“รอยัลอายส์ ดวงตาของรอยัลแอร์ไลน์ ทั้งหมดนี้เป็นของฉันแล้ว”
พงศธรยิ้มภูมิใจ แต่ก็กลับมีเรื่องวิริยาที่ตั้งท้องมารบกวนจนได้ สักพักอรชุมาโทร.มาตามไปประชุม
“ท่านประธานคะ ประชุมบอร์ดพร้อมแล้วค่ะ”
“ได้ เดี๋ยวผมลงไป”
พงศธรหยุดทุกเรื่องไว้เท่านี้ มุ่งหน้าทำงานต่อไปให้จบ
ในที่ประชุมบอร์ดวาระปกติ มีบอร์ด ทั้ง 6 คนนั่งครบองค์ พร้อมธีรภาพในชุดสูทหล่อเหลา และมีเอนกคอยดูแล พงศธรเดินเข้าห้องมานั่งหัวโต๊ะ เห็นธีรภาพนั่งอยู่ในบอร์ดบริหารก็แปลกใจ
“มีการเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ”
พงศธรมองไปที่ธีรภาพ บอร์ดทุกคนก็งงๆ เหมือนกัน
“คือคุณธีรภาพจะมานั่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมการบิน” เอนกบอก
พงศธรจ้องหน้าธีรภาพเขม็ง “ใครแต่งตั้ง ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้”
“คือ ก่อนที่ท่านประธานกรเกียรติจะล้มป่วยลง ท่านได้มีการแต่งตั้งคุณ ธีรภาพเป็นผู้อำนวยการวิศวกรรมการบิน ซึ่งผมได้ถือเอกสารแต่งตั้งตัวจริงมาให้บอร์ดรับทราบ พร้อมสำเนาในแฟ้มที่อยู่ตรงหน้าทุกท่าน”
พร้อมกับว่า เอนกนำเอกสารแต่งตั้งตัวจริงชูให้ทุกคนดู
พงศธรไม่เชื่อนัก “นี่ทำบ้าอะไรกัน เราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นการลงลายมือของท่านกรเกียรติจริงหรือเปล่า และในช่วงเวลาที่ท่านไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ ผมคนเดียวเท่านั้นที่จะอนุมัติเพิ่มคณะกรรมการบอร์ดได้”
พลันประตูห้องประชุมเปิดออก เห็น ม.ร.ว.โกสุม และ ศ.ดร.ทินกร สองเสาหลักแห่งรอยัลแอร์ไลน์เดินเข้ามาในห้อง โกสุมเอ่ยขึ้นว่า
“แล้วถ้าเราสองคนร่วมอนุมัติให้ละ”
ทินกรเสริมว่า “มีใครจะคัดค้านไหม”
บอร์ดทุกคนในห้องตกใจที่เห็นสองเสาหลักปรากฏตัวขึ้นในนี้ ลุกยืนทั้งห้องแสดงความเคารพ ทุกคนเงียบกริบไม่กล้าปริปาก พงศธรเองก็เกรงใจสองอาวุโสอยู่มากเช่นกัน
บอร์ด2 กล่าวว่า “ในฐานะที่ท่านเป็นที่ปรึกษาใหญ่ของบริษัท เมื่อท่านทั้งสองเห็นชอบ พวกเราก็คงเห็นชอบตามท่าน”
บอร์ด1 กับ สมภพ มองหน้า พงศธรให้สัญญาณว่า ยอมๆ ไปก่อน
“ก็คงไม่มีใครมีความเห็นอะไร เห็นชอบตามที่ท่านเสนอ” บอร์ด1 บอกต่อที่ประชุม
“ถ้าท่านทั้งสองรับรองกรรมการบอร์ดบริหารทุกคนก็คงไม่ขัดข้อง จะลงลายมือชื่อและประกาศแต่งตั้งออกไปครับ” พงศธรว่า
สองเสาหลักยิ้มพอใจ เอนกยิ้มที่เหตุการณ์ผ่านไปได้ด้วยดี ธีรภาพยังตะขิดตะขวงใจไม่หาย
“ขอบคุณทุกท่านมากนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เพื่อท่านประธานกรเกียรติและรอยัลแอร์ไลน์”
พงศธรหงุดหงิด แกมหมั่นไส้ที่จะทำอะไรไม่ถนัดนัก ธีรภาพอึดอัดกับบรรยากาศเต็มทน
กลับเข้าห้องทำงานพงศธรกระแทกตัวลงนั่งเก้าอี้เต็มแรง ด้วยความโมโห สมภพตามมานั่งด้วยตรงข้าม
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมพวกเราไม่รู้มาก่อน”
“ใจเย็นๆ คุณพงศธร มันอาจไม่มีอะไรกระทบกระเทือนถึงเราก็เป็นได้” สมภพปลอบ
“แต่เราก็ไม่ควรประมาท ตราบใดที่ยังมีไอ้เฒ่าสองคนหนุนหลังอยู่ เราจะทำอะไรได้”
พงศธรนึกถึงกรเกียรติแล้วแค้นใจขึ้นมาครามครัน
“ต้องเป็นแผนของไอ้แก่เจ้าเล่ห์นั่นแน่ๆ เป็นใครไปไม่ได้”
ขณะเดียวกัน ร่างกรเกียรติที่นอนนิ่งเป็นผักอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาล แต่จู่ๆ กราฟสัญญาณชีพจรก็ดีดสูงขึ้น เสมือนเป็นเชิงบอกไปยังพงศธรว่า การเอาคืนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ธีรภาพอยู่ในห้องทำงานใหม่บนสำนักงานใหญ่ โดยมีเอนกเป็นเลขาคอยแนะนำ และจัดเอกสารให้
“นี่เป็นเอกสารการสั่งซื้ออะไหล่ของปีที่ผ่านมาทั้งหมด รวมถึงรายการในการซ่อมบำรุงเครื่องบินของเราตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมาครับ”
“ขอบคุณครับ”
“ถ้ามีอะไรต้องการ หรือสงสัยอะไร ผมจะอยู่หน้าห้องคุณ เรียกได้ตลอดเวลาครับ”
“ได้ครับ”
เมื่อเอนกออกไป ธีรภาพหันมาสนใจกับงานตรงหน้า จนมีไลน์จากเจนไวย์ส่งข้อความและภาพมัทรีกับศิตางค์เดินคุยกันที่ริมน้ำมาให้
“สองคนนี้สนิทกันได้ยังไง ตอนไหน แกสงสัยเหมือนฉันไหม”
ธีรภาพขยายดูรูปสองสาว หยุดจ้องที่ใบหน้าศิตางค์ แล้วคิดหนัก
“ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณคือใคร ศิตางค์”
อ่านต่อ ตอนที่ 20