xs
xsm
sm
md
lg

หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 15

ดนัยถูกทหารหญิงที่คุมตัวมา จับโยนเข้าไปในคุก ร่างของเขากระแทกพื้นตามแรงเหวี่ยงจนรู้สึกเจ็บ

“โอ๊ย!”
องครักษ์หญิงล็อกประตูลูกกรง ดนัยขยับตัวเข้ามาเขย่าลูกกรง โวยวายลั่น
“ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันไปทำอะไรให้ ทำไมต้องทำร้ายกันด้วย
ทหารองครักษ์คนนั้นไม่สนใจคำพูดของดนัย จังหวะนั้นเองก็มีทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหน้าคุก
“เป็นไง จับได้มั้ย” องครักษ์ถามขึ้น
ทหารหญิงคนนั้นส่ายหน้า “มันหนีไปได้”
“ผู้ชายเป็นตัวอันตราย หาให้ทั่ว ถ้าจับเป็นไม่ได้ ก็จับตายซะ”
เสียงสั่งอย่างเอาจริงขององครักษ์ ทำให้ดนัยตกใจ เป็นห่วงชลิตขึ้นมาครามครัน
“ชลิต!”

แสงเพชรเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ใส่ชุดพื้นเมืองสวยงาม มีชบาจอมอู้คอยช่วยติดปิ่นปักผมให้ พลางพูดมาก
“ชบาใจหายใจคว่ำ ตอนที่เห็นไอ้ผู้ชายนั่นจะทำร้ายเจ้าแม่คิดว่าเจ้าแม่ไม่รอดแน่แล้ว”
แสงเพชรกระแอมเตือน ชบาหัวเราะกลบเกลื่อน
“ขออภัยเจ้าค่ะ เสียดายชบาอยู่ไกลไปหน่อย ถ้าอยู่ใกล้ๆ ชบาจะเตะ ต่อย ถีบมัน”
ชบาอินมากไปหน่อย พูดพลางออกท่าทางไปด้วย แสงเพชรรำคาญ
“เลิกบ่นซะที ข้าไม่เป็นอะไรสักหน่อย เจ้าออกไปได้แล้ว ข้าอยากอยู่คนเดียว”
ชบาชะงัก จ๋อยไป
“เจ้าค่ะเจ้าแม่”
ชบาเดินออกจากห้องไปแล้ว แสงเพชรลุกไปยืนที่ระเบียง เหม่อมองออกไปในสวนสวยด้านนอก
“คนแปลกหน้า…ป่านนี้เจ้าจะเป็นยังไงบ้าง”
แสงเพชรมองเหม่อ เผลอไปนึกถึงดนัย ตอนที่ดนัยช่วยชีวิตแสงเพชรและจูบ

ครั้นพอแสงเพชรนึกได้ แปลกใจตัวเอง
“ทำไมเราต้องนึกถึงเขาด้วย”
แสงเพชรหน้าเข้มขึ้น เตือนตัวเองตามที่เคยได้รับการสั่งสอน
“ผู้ชายเป็นตัวอันตราย เจอเมื่อไรฆ่าทิ้งทันที!”
แสงเพชรมีแววตาแข็งกร้าว

ชลิตถูกงูกัดนอนหมดสติอยู่บนเตียง แสงหล้าประคองชลิต แล้วป้อนยาเม็ดลูกกลอนใส่ปาก
“ยาแก้พิษนี้จะช่วยให้เจ้าหายเป็นปกติ”
แสงหล้าใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ชลิต จู่ๆ ชลิตก็เพ้อออกมาเบาๆ กุมมือแสงหล้าไว้
“หวัน”
แสงหล้าอายที่ถูกจับมือ
“ปล่อยนะ มาจับมือถือแขนข้าอย่างนี้ได้ยังไง”
ยาลูกกลอนออกฤทธิ์ ชลิตรู้สึกตัวตื่นขึ้น เห็นหน้าแสงหล้าก็แปลกใจ รีบปล่อยมือ ชลิตยังเพลียๆ จากพิษงูอยู่
“คุณไม่ใช่หวัน ที่นี่ที่ไหน ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ชลิตลุกขึ้น แต่ทรุดล้มลง หน้ามืด ยังไม่หายดี แสงหล้าประคองให้นอนลง
“เจ้ายังไม่หายดี นอนพักก่อนเถอะ อยู่ที่นี่เจ้าจะปลอดภัย”
ชลิตมองไปเห็นงูที่มุมห้อง ขดตัวอยู่บนที่นอนซึ่งเป็นเบาะนุ่มๆ เหมือนที่นอนของน้องหมา ชลิตตกใจ
“นั่น งู มันมาอีกแล้ว”
แสงหล้าหันไปมอง
“ไม่ต้องกลัว นั่นลูกหมี สัตว์เลี้ยงของข้าเอง”
“ไอ้นี่นะลูกหมี ชื่อไม่เข้ากับหน้าเล้ย”
งูขู่ฟ่อ ชลิตตกใจ แสงหล้าเตือน
“พูดดีๆ สิ ลูกหมีไม่ชอบคนพูดจาไม่เพราะนะ”
ชลิตรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย

เวลานั้น ที่นอกห้องของแสงหล้า ดอกเข็มกำลังแอบฟังอย่างสนใจ นางแอบดูตามช่องประตูอย่างอยากรู้อยากเห็น
ดอกเข็ม คนนี้เป็นนางสนมคู่ใจของแสงหล้า อายุน้อยกว่าชบา เป็นหญิงสาวหน้าตาสวยสวย นิสัยร้ายกาจแต่โง่ ชอบสอดรู้สอดเห็น และขี้นินทา
“เจ้าแสงหล้าให้เราเฝ้าดูต้นทางไว้ อย่าให้ใครเข้าไปในห้อง ทำตัวลับๆ ล่อๆ น่าสงสัย อยากรู้จริงๆ ว่าซ่อนอะไรไว้”
ดอกเข็มมัวแต่แอบฟัง ไม่ได้ดูต้นทาง จนเจ้าแม่แสงเพชรมาสะกิดไหล่ แต่ดอกเข็มปัดมือออก
“คนกำลังยุ่ง ไม่เห็นรึไง”
เจ้าแม่สะกิดอีก ดอกเข็มปัดออกอีกแถมพูดขึ้นอย่างรำคาญ
“ไปไกลๆ ก่อน ไม่ว่าง”
เจ้าแม่สะกิดอีก ดอกเข็มหงุดหงิด หันมาโวยใส่
“เอ๊ะ บอกว่ายุ่งอยู่ พูดไม่รู้เรื่องรึไง อยากโดนตบใช่มั้ย”
ดอกเข็มหันมาพร้อมเงื้อมือจะตบ แต่พอเห็นเจ้าแม่แสงเพชรก็ตกใจ
“เจ้าแม่แสงเพชร!”
“ใช่สิยะ อยากตายรึไง”
ดอกเข็มเข่าอ่อน ทรุดตัวลงนั่งพับเพียบเรียบร้อยทันที ส่วนมือที่เงื้อค้างไว้เตรียมตบ ก็รีบเอามืออีกข้างประกบกัน แล้วก้มลงไหว้ขอโทษทันที
“ดอกเข็มไม่รู้ว่าเป็นเจ้าแม่ ดอกเข็มไม่ได้ตั้งใจ ไว้ชีวิตด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
“แสงหล้าอยู่รึเปล่า”
ดอกเข็มลืมตัว “อยู่” แล้วนึกได้ “เอ๊ย ไม่อยู่เจ้าค่ะ”
แสงเพชรดุออกมา “ตกลงว่าอยู่หรือไม่อยู่กันแน่”
ดอกเข็มอึกอัก ปากคอสั่น ทำตัวไม่ถูก
“ถอย ข้าไม่อยากฟังเจ้าแล้ว ข้าจะเข้าไปดูเอง”
ดอกเข็มกางมือขวางประตูไว้
“เข้าไม่ได้เจ้าค่ะ”
ชบาแว้ดใส่
“เอ๊ะ กล้าดียังไงมาขวางเจ้าแม่ อยากตายรึไงนังดอกเข็ม”

ส่วนภายในห้อง แสงหล้าได้ยินเสียงเจ้าแม่แสงเพชรดังเข้ามาจากหน้าห้อง
“เจ้าพี่! แย่แล้ว ถ้าเจ้าพี่เห็นเจ้า เจ้าตายแน่”
แสงหล้ารีบพาชลิตไปซ่อนที่ระเบียงห้องนอน แล้วดึงผ้าม่านมาบังไว้
“หลบอยู่ที่นี่ก่อน อย่าส่งเสียง ถ้าไม่อยากตาย”
“ถึงตายเลยเหรอ ท่าทางพี่คุณจะหวงน้องสาวน่าดู” ชลิตงงๆ
“เอาเถอะน่า อยู่นิ่งๆ อย่าส่งเสียง!”
จังหวะที่แสงหล้าปิดม่าน เจ้าแม่แสงเพชรก็เข้ามาพอดี
“แสงหล้า เจ้าทำอะไรอยู่ตรงนั้น”
“จะ เจ้าพี่ มาหาข้า มีธุระอะไรรึ” แสงหล้าตกใจ
“ไม่มีธุระ มาหาไม่ได้รึ เจ้าเป็นอะไร ท่าทางลับๆ ล่อๆ แล้วทำไมไม่เปิดม่าน อุดอู้จะตาย”
แสงเพชรหันไปสั่งให้ชบาเปิดม่าน ชบารีบไปเปิดม่าน
“อย่า!”
แสงหล้าร้อง ชบาเปิดม่านออกไป แต่ไม่เจอชลิตอยู่ตรงระเบียงนั้นแล้ว
ที่แท้ชลิตปีนเกาะขอบระเบียงหลบอยู่ จึงไม่มีใครเห็น

แสงหล้าไม่เห็นชลิตก็โล่งอก
“เจ้าเป็นอะไร”
“ไม่มีอะไร น้องแค่แสบตา แสงแดดมันจ้า”
“มีผู้ชายบุกรุกเข้ามาในเมืองลับแลของเราอีกแล้ว เห็นทหารว่ามันเข้ามาสองคน จับได้คนหนึ่ง อีกคนยังจับไม่ได้ เจ้าก็ระวังตัวด้วย
“เจ้าค่ะเจ้าพี่ ข้าจะระวังตัว”
ในขณะนั้นชลิตที่เกาะระเบียงอยู่ เห็นงูเลื้อยอยู่บนระเบียง ก็ตกใจกลัว ชลิตตะโกนไล่เบาๆ 
“ไปไกลๆ ชิ่วๆ”
แต่ถูกงูน้องลูกหมีขู่ฟ่อๆ
“แหนะ ไล่แล้วยังจะมองหน้าอีก ไอ้ลูกหมีควาย ไปไกลๆ ไป๊”
งูยิ่งเลื้อยเข้ามาใกล้ ชลิตหายใจไม่ทั่วท้องกลัวจับใจ
“บอกให้ไป จะเข้ามาทำไม ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเรอะ” ชลิตโวย แต่ฉุกคิดนึกถึงคำพูดแสงหล้า
“พูดดีๆ สิ ลูกหมีไม่ชอบคนพูดไม่เพราะ”
“ลูกหมีจ๋า ลูกหมีน่ารักแก้มยุ้ย ไปทางอื่นนะจ๊ะ อย่ามาทางนี้ ลิตกลัวจ๊ะ โธ่ ไหว้ล่ะ กลัวแล้ว”
แต่ไม่ได้ผล นอกจากงูไม่ไป แถมยังพุ่งเข้ามาฉก ชลิตตกใจกลัว เลยพลัดตกจากระเบียง ล้มลงไปกระแทกสนามหญ้าด้านล่าง
“โอ๊ย!”

แสงเพชร แสงหล้า ชบา ดอกเข็ม ได้ยินเสียง ตกใจ
“ใครน่ะ”
ทุกคนรีบออกไปดูที่ระเบียง เห็นชลิตนั่งจุก เจ็บตัวอยู่บนพื้นสนามหญ้าด้านล่าง
“โอ๊ย ไอ้ลูกหมีบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“ผู้ชาย! ทหารอยู่ไหน จับมันไว้!” แสงเพชร ตกใจ ตะโกนสั่งทหารดังลั่น
แสงหล้าตกใจรู้สึกเป็นห่วงชลิตขึ้นมา
องครักษ์กับทหารเข้ามาล้อมชลิต ใช้ดาบจ่อคอ
“อย่าขยับ ไม่งั้นตาย!!” องรักษ์สั่ง
ในที่สุดชลิตโดนองครักษ์ กับ ทหารของแสงหล้าล้อม หนีไปไหนไม่ได้

คืนเดียวกันนั้น ที่บ้านพักในหมู่บ้านชาลันสองพี่น้อง ฉวีวรรณและดาหวันสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ต่างร้องออกมาตามหัวใจของตัวเอง
“ดนัย!” ฉวีวรรณร้องเรียกลั่น
“พี่ชลิต!” ดาหวันตะโกนตามมาติดๆ
ฉวีวรรณและดาหวันหันมองหน้ากันโดยไม่ตั้งใจ หน้าเสียไปทั้งคู่
“หวันฝันร้ายเหมือนกันเหรอ”
“หวันฝันเห็น…พี่ชลิตจมน้ำ หวันใจคอไม่ดีเลยพี่หวี”
ดาหวันโผเข้ากอดพี่สาว ฉวีวรรณกอดปลอบดาหวัน ทั้งที่ตัวเองก็ใจคอไม่ดี
“พี่ก็ฝันเห็นดนัยเลือดเต็มตัวไปหมด”
“เราจะทำยังไงกันดีพี่หวี พี่ดนัยกับพี่ชลิตเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
ฉวีวรรณเครียด นิ่งคิดเพื่อหาทางไปช่วยดนัยกับชลิต

เช้าวันรุ่งขึ้นฉวีวรรณกับดาหวันตัดสินใจพากันหนีออกมาจากหมู่บ้านชาลัน เพื่อตามหาดนัยและชลิตในป่า ทั้งสองร้องเรียกขึ้นมาพร้อมกัน
ฉวีวรรณเรียก “ดนัย”
ดาหวันตะโกน “พี่ชลิต”
ฉวีวรรรณและดาหวันต่างชะงัก มองหน้ากัน แล้วรู้สึกผิดทั้งคู่ที่ดันห่วงคนรักของอีกคน
ฉวีวรรณรีบแก้เก้อ “เอ่อ ชลิต!”
ดาหวันแก้ตัวขึ้นบ้าง “พี่ดนัย!”
“ไม่มีวี่แววเลย ป่าออกกว้างใหญ่ เราจะหาสองคนนั้นเจอได้ยังไง”
ฉวีวรรณกับดาหวันมีสีหน้าไม่สบายใจ พอกันทั้งสองคน

หลังจากรู้เรื่องและช่วยกันค้นหา แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาเจอกัน มีอุ๊บอิ๊บอยู่ด้วย แต่ไม่ห่วงฉวีวรรณกับดาหวัน แจ๋กังวลกว่าคนอื่นๆ
“เจอยายหวีกับยายหวันมั้ย”
“หาจนทั่วหมู่บ้านแล้ว ไม่เจอเลย
“หรือว่าสองคนนั้นจะออกไปตามหาดนัยกับชลิตครับ” บุญทิ้งว่า
“แอบไปตามหาพี่ดนัยกันสองคน ร้ายพอกันทั้งพี่ทั้งน้อง” อุ๊บอิ๊บแขวะ
แจ๋ไม่พอใจอุ๊บอิ๊บ แต่ยังห่วงฉวีวรรณกับดาหวันมากกว่า
“ทำไมคิดสั้นกันอย่างนี้ ถ้าเจอไอ้พวกธนวัติจะทำยังไง โอ๊ย ไม่อยากจะคิดเลย”
“ไม่อยากคิดก็ไม่ต้องคิดสิยายแจ๋ ฉันว่าเรารีบไปตามหาสองคนนั้นกันเถอะ”
แจ๋และบุญทิ้งพยักหน้า แล้วทั้งสามรีบออกเฟรมไป อุ๊บอิ๊บยืนอยู่คนเดียว แล้วเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองโดนทิ้ง
“รอฉันด้วยสิ”
อุ๊บอิ๊บรีบตามทุกคนไป

ธานี ธนวัติและพาณิชย์ยืนคุม ให้พวกลูกน้องตามหาดนัยและชลิตบริเวณน้ำตก ครู่หนึ่งลูกน้องคนหนึ่งก็เข้ามารายงานธานี
“ไม่เจอเลยครับนาย”
“ป่านนี้ไอ้สองคนนั้นจมน้ำตายไปแล้วมั้ง” พาณิชย์เอ่ยขึ้น
“ไม่ได้ ถ้าฉันยังไม่เห็นศพมันกับตา ฉันจะไม่เลิกตามล่าพวกมัน” ธานีบอก
“เสียเวลาตั้งครึ่งวันแล้วนะป๊า กลับกันเถอะ ผมว่ามันไม่อยู่แถวนี้แล้ว อาจจะถูกน้ำพัดไปที่อื่นก็ได้”
ธานีเห็นด้วยกับคำพูดลูกชาย
“จริงของเจ้าวัติ กลับก็กลับ เฮ้ย พวกเรา กลับ”
ทุกคนเตรียมจะกลับ เสียงฉวีวรรณแว่วมา
“ดนัย…ชลิต…”
ธนวัติชะงัก
“มีอะไรรึ”
ธนวัติส่งสัญญาณให้พาณิชย์เงียบ
“ชู่ว์”
ธนวัติเงี่ยหู ตั้งใจฟัง

ฉวีวรรณและดาหวันเดินมาเจอ ธานี ธนวัติ และพาณิชย์ที่ยืนยิ้มกริ่มรออยู่
“บังเอิญเหลือเกิน สงสัยเราจะเป็นเนื้อคู่กันนะจ๊ะน้องหวี”
“พวกแก!”
ฉวีวรรณดึงมือดาหวันจะวิ่งหนี แต่พวกลูกน้องมาล้อมด้านหลัง ฉวีวรรณและดาหวันระวังตัว
“จะหนีไปไหนล่ะจ๊ะน้องหวันคนสวยของพี่” พาณิชย์พูดยิ้ม
“กลับไปด้วยกันดีกว่าหนูหวีหนูหวัน อย่าให้ต้องใช้กำลังเลย” ธานีบอกเสียงเหี้ยม
“ไม่มีวัน! ไอ้พวกเลว แกมันไม่ใช่คน ทำร้ายทั้งเด็ก สตรีและคนชรา ใจคอพวกแกจะไม่เหลือความดีไว้บ้างเลยรึ” ดาหวันจัดให้เป็นชุด
“โห เจอหน้าก็ด่าฉอดๆ” ธานีฉุนจัดหันไปสั่งลูกน้อง “จับตัวไว้”
ลูกน้องรับคำสั่งกรูมารุมจับตัว ฉวีวรรณและดาหวันจะหนีแต่หนีไม่ได้ โดนจับได้
“ฤทธิ์มากนักนะ”
ธนวัติชกท้องฉวีวรรณ จนฉวีวรรณจุก ตัวงอเป็นกุ้ง
“พี่หวี!”
ดาหวันพยายามดิ้นรนขัดขืนจะไปช่วยฉวีวรรณ แต่โดนพาณิชย์ตบหน้าอย่างแรง จนหน้าชา

แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งกำลังตามหาฉวีวรรณกับดาหวันอยู่ อุ๊บอิ๊บเหนื่อย ไม่ค่อยอยากตามมา เสียงร้องอย่างตกใจของฉวีวรรณดังขึ้นมา
“หวัน!”
แจ๋ได้ยินก็ตกใจ รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องขึ้น “เสียงยายหวี!”
แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บรีบตามเสียงไป

ธนวัติและพาณิชย์ให้ลูกน้องจับตัวฉวีวรรณและดาหวันไว้
แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งเข้ามาแอบซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้ อุ๊บอิ๊บตามมาทีหลัง เห็นพ่อกับพี่ชายก็ดีใจ โบกไม้โบกมือเรียก
“ป๊า!”
แจ๋รีบปิดปากอุ๊บอิ๊บ
“กิมจิ มาช่วยกันจัดการยายไส้ศึกนี่ก่อน”
แจ๋กับกิมจิรุมอุ๊บอิ๊บ จับมัดมือไพล่หลังด้วยเถาวัลย์ และใช้ผ้าเช็ดหน้ามัดปากไว้ ดิ้นรนและร้องอู้อี้ บุญทิ้งสงสารอุ๊บอิ๊บ ทำได้แค่ปลง
“กัมมุนา วัตตะตีโลโก…สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งปรึกษากัน
“ทำไงดี ไอ้พวกนั้นจับตัวหวีกับหวันไปแล้ว”
แจ๋จะออกไปลุย กิมจิรีบดึงไว้
“ปล่อยฉันนะ” แจ๋โวยลั่น
“จะบ้าเหรอ แหกตาดูซะบ้าง พวกมันมีมากกว่า แถมอาวุธครบมือเราจะสู้พวกมันได้ไง” กิมติเตือนสติ
“แล้วจะปล่อยให้พวกมันจับตัวยายหวีกับยายหวันไปรึไงโธ่ ไอ้กิมจิ ไอ้ขี้ขลาด ทิ้งเพื่อนได้ลงคอ ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนแบบนี้”
“โห ด่าเป็นชุดเลยนะ ฉันไม่ได้ทิ้งเพื่อน แต่เราต้องวางแผน ใช้สมองคิดสิ ไม่ใช่ใช้แต่กำลัง สมองน่ะมีมั้ย”
“มีย่ะ แต่มีน้อย พอใจมั้ย” แจ๋ประชดส่ง
จังหวะนั้นบุญทิ้งนึกแผนออก แต่พูดยานคางช้าเอามากๆ
“ ….ปัญญาวะ ธะเนนะ…..”
บุญทิ้งยังพูดไม่ทันจบ กิมจิกับแจ๋ทนรอฟังไม่ไหว ขัดขึ้น
“ข้ามไปคำแปลเลยได้ไหมไอ้ทิ้ง ไม่มีเวลาแล้ว” กิมจิโวยวาย
“กว่าแกจะพูดจบพวกมันกลับบ้านนอนพอดี” แจ๋ว่า
“ได้ครับ…ปัญญาเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด ในเมื่อเรามีกำลังน้อยกว่าเราก็ต้องใช้ปัญญาสู้กับพวกนั้นครับ”
“จริงด้วย ฉลาดมาก”
กิมจิลืมตัวดึงตัวบุญทิ้งมาหอมแก้มฟอดใหญ่ บุญทิ้งขนลุก
“เจริญพร ผมจะอ้วกครับ”
แจ๋และกิมจิมองหาอาวุธใกล้ตัว กิมจิหยิบก้อนหิน ส่วนแจ๋คว้ากิ่งไม้ได้ ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย

ธานี ธนวัติ พาณิชย์จับตัวฉวีวรรณกับดาหวัน กำลังจะเดินออกไป จู่ๆ ก้อนหินเล็กๆ หลายๆ ก้อนถูกขว้างมาโดนพวกลูกน้อง บ้างก็เจ็บ บ้างหัวแตก สลบไป พวกลูกน้องต่างร้องระงม “โอ๊ยๆๆๆ!”
ธานี ธนวัติ พาณิชย์และพวกลูกน้องต่างงงและเจ็บตัวตามๆ กัน ฉวีวรรณและดาหวันอาศัยช่วงนั้นรีบหลบ
“อะไรกันเนี่ย” พาณิชย์โมโห
“ใครวะ ไอ้พวกหมาลอบกัด แน่จริงออกมาสิ”
แจ๋โผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง
“หมาลอบกัดก็ยังดีกว่าไอ้พวกรังแกผู้หญิงแหละว้า”
“พวกแกอีกแล้วรึ” ธนวัติหันไปสั่งลูกน้อง “ไปจับตัวพวกมันมา”
พวกลูกน้องจะไปจับตัวแจ๋ แต่แจ๋รู้ตัวยิ้มกริ่ม แล้วก้มหลบ จังหวะนั้นกิมจิและบุญทิ้งอยู่ด้านหลัง เตรียมกับดักไว้พร้อมแล้ว มีก้อนหินใหญ่ๆ ผูกด้วยเถาวัลย์
พอได้เวลากิมจิและบุญทิ้ง ก็ช่วยกันเหวี่ยงไปโดนพวกลูกน้องล้มกลิ้งกันไปเป็นแถว บ้างก็ล้มทับกัน
แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งตีมือกัน สะใจ
“เย้!” แจ๋ดีใจ
“ยังไม่หมดแค่นี้ ตามด้วยระเบิดรังมดแดง!”
กิมจิ แจ๋และบุญทิ้งช่วยกันขว้างระเบิดรังมดแดงที่เตรียมไว้ เป็นกิ่งไม้เล็กๆ ที่มีรังมดแดง ขว้างใส่ พวกลูกน้องที่เหลือหนีกระเจิง ธานี ธนวัติ พาณิชย์โดนไปด้วย ต่างคันยุกยิก
“โอ๊ย อู๊ย อ๊าย” ธานีกับพวกปัดมดแดงออกจากตัวพัลวัน
“หวี หวัน หนีเร็ว” แจ๋บอก
ฉวีวรรณ ดาหวันและแจ๋วิ่งหนี บุญทิ้งวิ่งไปแล้วแต่นึกได้ กลับมาแก้มัดให้อุ๊บอิ๊บแล้วดึงออกไปด้วยกัน
“ขอส่งท้ายอีกลูก”
กิมจิจะขว้างรังมดแดงใส่พวกธานีอีก
ธนวัติยิงสู้ เฉียดตัวกิมจิไป กิมจิตกใจ เผลอปล่อยมือ รังมดแดงเลยหล่นใส่ตัวเอง
“เฮ้ย โอ๊ย!”
กิมจิคันคะเยอไปทั่วทั้งตัว รีบวิ่งหนีออกไป ธนวัติเจ็บใจที่ยิงพลาด รีบตามไป

ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บวิ่งหนีก่อน กิมจิวิ่งเข้ามาทีหลัง แต่แซงหน้าทุกคนเพราะถูกมดแดงกัดจนคันคะเยอ พอกิมจิวิ่งมาถึงน้ำตก รีบกระโดดลงน้ำทันทีหนีมดแดง
แจ๋เป็นห่วงกิมจิ “กิมจิ ขึ้นมาเร็ว มีจระเข้รึเปล่าก็ไม่รู้
ธนวัติตามมาจนทัน บุญทิ้งหันไปเห็นก่อน
“เจริญพร มันมาแล้วครับ”
“พี่วัติ!” อุ๊บอิ๊บก็ตกใจ
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋และบุญทิ้งต่างตกใจ ไม่มีทางหนี
“ทำไงดีล่ะพี่หวี”
“พูดดีๆ ไม่ชอบ อยากตายกันนักใช่มั้ย ฉันจะส่งพวกแกไปอยู่กับไอ้ดนัย”
ธนวัติจะยิงฉวีวรรณกับเพื่อนๆ
“ไม่มีทางเลือกแล้ว โดด!”
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บซึ่งจับมือกันเป็นทอดๆ กระโดดลงน้ำหนีได้เฉียดฉิว กระสุนโดนต้นไม้บริเวณนั้น ธนวัติเจ็บใจ
กิมจิไม่รู้เรื่อง ปีนกลับขึ้นมาริมตลิ่ง เหนื่อยมาก แต่พอไม่เจอเพื่อนๆ ก็งง
“อ้าว ยายแจ๋ หายไปไหนกันหมด”
“ทางนี้!”
แจ๋ตะโกนบอกโบกมือให้ กิมจิเห็นเพื่อนๆ อยู่ในน้ำก็แปลกใจ
“ลงไปทำอะไรกัน”
จนหันไปเห็นธนวัติยิงปืนไล่หลังมา
“โธ่ แล้วก็ไม่บอก”
กิมจิตกใจบ่นอุบ แล้วรีบกระโดดกลับลงไปในน้ำทันที ธานี พาณิชย์และพวกลูกน้องที่เหลือตามมา
“หนอย คิดจะหนีรึ พวกแกไม่รอดแน่ เป็นผีเฝ้าน้ำตกซะเถอะ!”
ธานี ธนวัติ พาณิชย์และพวกลูกน้องระดมยิงลงไปในน้ำตก

ใต้ผืนน้ำแห่งนั้น ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้งและอุ๊บอิ๊บต่างพากันว่ายน้ำ ตะเกียกตะกายจะจมน้ำ
แล้วทันใดนั้นก็บังเกิด น้ำวนขนาดมหึมา หมุนวนแล้วพัดทุกคนให้จมหายวับลงไปในความมืด

ทั้งหมดตกลงมาในถ้ำใต้น้ำตกนอนสลบไสล เค้งเก้งอยู่ใกล้ๆกันเนื้อตัวเปียกปอน ขณะนั้นแจ๋ ก็สำลักน้ำ ตื่นขึ้นมาก่อน ใคร แจ๋มองไปรอบตัวอย่างงงๆ
“ฮึ ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย”
แจ๋รีบไปปลุกทุกคน
“ตื่นๆ ทุกคนตื่นได้แล้ว

ครู่ต่อมา ฉวีวรรณ พร้อมด้วยดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง และอุ๊บอิ๊บพากันเดินออกมาที่บริเวณหน้าปากถ้ำเมืองลับแล ทุกคนอยู่ในอาการสะโหลสะเหล แจ๋เดินนำแซงหน้าคนอื่นออกมาข้างหน้าก่อน แล้วนึกว่าเพื่อนๆ ตามมา
“อากาศบริสุทธิ์ สูดซะให้เต็มปอดไปเลยเพื่อน เฮ้อออ นึกว่าไม่รอดแล้ว
แจ๋กอดคอคนข้างๆ คิดว่าเป็นเพื่อน แต่พอหันไปมอง กลายเป็นองครักษ์ ทหารของเมืองลับแล หน้าโหดมาก
แจ๋กลัว ร้องไม่ออก องครักษ์ส่งสัญญาณให้เงียบ ไม่งั้นเชือด ทำท่าเอานิ้วปาดคอ แจ๋พยักหน้า กลัวจนไม่กล้าพูดอะไร แจ๋โดนทหารอีกคนคุมตัวไว้ ทหารไปสะกิดดาหวันที่นั่งหอบแฮ่กๆ อยู่ ยังไม่รู้เรื่อง
“อะไรพี่แจ๋ หวันเหนื่อย”
ดาหวันหันมาเห็นหน้าทหาร ตกใจกลัว จนอยากจะร้องไห้
“ฮือ พี่หวี”
ฉวีวรรณหันมา โดนจับไปอีกคน
ทหารปิดปากและจับตัวบุญทิ้งกับอุ๊บอิ๊บไว้ เหลือกิมจิคนเดียวที่ยังไม่หันมาเห็น กิมจิชะเง้อมองไปทางที่ปากถ้ำ
“พวกไอ้ธนวัติ มันไม่ตามมา เรารอดแล้ว เย้ๆๆๆ”
กิมจิร่าเริงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“รอดแล้วพวกเรา!”
แต่พอกิมจิหันมาเจอเพื่อนๆ โดนทหารคุมตัวไว้หมดแล้ว ก็ชะงัก
“แกจะดีใจอะไรนักหนา จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก” แจ๋เอ็ดเอา
“ฮือ ทำไมไม่มีใครบอกจิเลยสักคน ปล่อยให้จิหลงดีใจอยู่คนเดียว ฮือ” กิมจิทำท่าจะร้องไห้โฮ
“เจริญพร หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ เลยคร๊าบบ

ในที่สุดทุกคนก็โดนทหารเมืองลับแลจับตัวไว้ได้

อ่านต่อหน้า 2





หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 15 (ต่อ)

กลุ่มของฉวีวรรณ ดาหวันและเพื่อนๆ ถูกบรรดาทหารคุมตัวมา โดยไม่ได้ถูกมัด ไล่ต้อนให้เดินมาตามถนนหนทางในเมืองลับแล ระหว่างนั้นมีชาวเมืองถือตะกร้า หาบสาแหรกแบกผ่านมาหยุดมองเป็นระยะ

“ไป เร็วๆ เข้า” ทหารตะโกนสั่ง
“จับพวกเรามาทำไมเนี่ย ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ดาหวันเริ่มโวยวาย
“ผู้บุกรุกอย่างพวกเจ้า ไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่ง” ทหารหญิงคนหนึ่งบอกเสียงเข้ม
“บุกรุกเหรอ พวกเรายังไม่รู้เลยว่าที่นี่ที่ไหน พวกคุณต่างหากมีสิทธิ์อะไร จับตัวพวกเรามา” ฉวีวรรณโวย
“ถูกต้องที่สุด” แจ๋พูดโพล่งพรวดออกมา “หลักฐานทุกชิ้นจะเก็บไว้เป็นพยานในชั้นศาล และเราจะไม่
ตอบคำถามใดๆทั้งนั้น ถ้าไม่ผ่านทนายความของเราก่อน”
ทหารคนที่ออกคำสั่งชักดาบออกมาขู่ พร้อมตะโกนด่าเสียงดังกว่าเดิม
“หุบปาก! ไม่งั้นข้าจะตัดลิ้นพวกเจ้า”
แจ๋อ้าปากหวอ ตาค้าง แล้วรีบเอามือปิดปาก
ทุกคนผงะถอยไปรวมกันอย่างตกใจกลัว บุญทิ้งมองไปรอบๆ แล้วเริ่มเอะใจ เมื่อเห็นชาวบ้านที่อยู่ข้างทางล้วนแต่เป็นผู้หญิง
“เจริญพร ผมว่าเมืองนี้คุ้นๆ นะครับ”
“ทำไมวะ แกเคยมาเหรอ” กิมจิงง
“ไม่เคยครับ แต่คุณกิมจิมองไปรอบๆ สิ ทีนี่มีแต่ชะนี เอ๊ย ผู้หญิง”
กิมจิมองตามไปเห็นชาวเมืองผู้หญิงจับกลุ่มชี้ชวนดู กิมจิกับบุญทิ้ง ท่าทางตื่นๆ อย่างไม่เคยเห็น อุ๊บอิ๊บมองอยู่ด้วย โพล่งเสียงดังผสมโรงออกมาด้วยความหงุดหงิด
“นั่นสิ แค่ฉันกวาดตามองไปก็เพลียแล้ว อี๊!! มีแต่ชะนีหน้าแด่นทั้งนั้น เมืองบ้าอะไรเนี่ย”
ทหารทั้งหมดหยุดกึก หันขวับมามองเป็นตาเดียวกัน ทหารหน้าตาดูเจ้าเก่าเข้าไปหาอุ๊บอิ๊บ
“สามหาว”
แล้วตบปากอุ๊บอิ๊บ จนอุ๊บอิ๊บล้มลงไปกองกับพื้น
“กรี๊ด” อุ๊บอิ๊บร้องกรี๊ด ด้วยความตกใจ
บุญทิ้งตกใจจะเข้าไปประคอง
“คุณอุ๊บอิ๊บ”
แต่ทหารคนอื่นๆ ยกดาบกันไว้อย่างขึงขัง บุญทิ้งชะงักไป
แจ๋กระซิบเบาๆ กับกิมจิ “สะใจอ่ะ! มันต้องโดนซะบ้าง”
ทหารตวาดใส่แจ๋ “เงียบ อย่าพูดมาก” หันไปพูดกับทุกๆ คน “พวกเจ้ารู้ไว้ซะด้วย ที่นี่ไม่ใช่เมืองบ้า ที่นี่คือ “เมืองลับแล”!!…”
ทุกคนสะดุ้งตกใจมองหน้าอย่างเหวอๆ แล้วร้องออกมาพร้อมกัน
“เมืองลับแล!!”
“ไม่น่าเชื่อ เมืองลับแลที่ลุงสางโปบอกไว้มีอยู่จริงๆ ด้วย”
ฉวีวรรณนึกได้รีบถามทหารจอมดุ “งั้นก็แปลว่า คนแปลกหน้าที่เข้ามาจะกลับออกไปไม่ได้ใช่มั้ย”
ทหารจอมโหดก้าวเข้ามามองอย่างดุดัน ยิ้มยะเยือก ก่อนจะตอบ
“ก็ใช่นะสิ ไม่มีใครเข้ามาที่เมืองนี้แล้วจะกลับออกไปได้อีก” ทหารเดินเข้ามา มองจิกไปที่ กิมจิ และบุญ
ทิ้ง “โดยเฉพาะผู้ชาย”
บุญทิ้งกับกิมจิ สะดุ้งเฮือก กลืนน้ำลายลงคอ ฉวีวรรณยิ่งเป็นกังวล

ดนัยกับชลิตถูกเอาเชือกล่ามไว้กับแผ่นไม้ มีทหารคุมตัว กึ่งจูงกึ่งลากตัวผ่านมาที่กลางใจเมือง
ชาวเมืองลับแลพากันมุงดูอย่างสนอกสนใจ เพราะทั้งคู่เป็นผู้ชายแค่สองคนในเมืองนี้
“ผู้ชายพวกนี้เป็นใคร” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
“มันสองคนเป็นผู้บุกรุก คิดจะทำมิดีมิร้ายกับเจ้าแม่ทั้งสองของเรา ต้องนำไปประหาร!”
ขาดคำ พวกชาวเมืองลับแลต่างโกรธเกรี้ยว ร้องด่า บางคนขว้างปาข้าวของใส่ดนัยกับชลิตทันที
ดนัยกับชลิตต้องคอยหลบขณะที่โดนลากตัวผ่านไป

แสงหล้าก้มกราบแสงเพชร น้ำตานองหน้าอ้อนวอนขอชีวิตให้ชลิตกับดนัย
“เจ้าพี่เจ้าขา น้องขอล่ะ ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเขาเถอะนะเจ้าคะ”
“ใช่เจ้าค่ะ หนุ่มรูปงามสองคนนั่นไม่รู้ประเพณีของเมืองเรา พวกเขาไม่ได้ตั้งใจหรอกเจ้าค่ะ” ดอกเข็ม
ช่วยเสริม
ชบาฟังแล้วหมั่นไส้ “เจ้าแม่ไม่ใช่คนบ้าผู้ชายจนตาฟาง จะได้ยอมทำผิดประเพณีแบบนั้น ใช่ไหมเจ้า
คะ”
ดอกเข็ม สะอึก แล้วหันมาพูดกับแสงหล้า “ว้ายตายแล้ว ดูสิคะเจ้าแม่ มันว่าเจ้าแม่บ้าผู้ชายเจ้าค่ะ
แสงหล้าโมโห ถลึงตาใส่ “อีชบา เอ็งว่าข้ารึ ขอตบปากซักฉาดเถอะ”
แสงหล้าถลาเข้าไปตบชบา อย่างไม่ทันตั้งตัว ดอกเข็มจะตามเข้าไปช่วยแสงหล้ายำชบา แต่แสงเพชรขยับเข้ามาขวาง ตบดอกเข็มกระเด็นไป แล้วแสงเพชรตะโกนขึ้นเสียงดัง
“หยุด! พอได้แล้ว ! ที่นี่ไม่ใช่เวทีมวยให้พวกเจ้ามาตบตีทะเลาะกัน”
แสงหล้าชะงักมือ ชบารีบคลานมาหลบหลังแสงเพชร
“งั้นเจ้าพี่ก็ต้องจัดการตามที่น้องขอนะเจ้าคะ”
แสงเพชรนิ่งอึ้ง แล้วใช้ความคิด แสงเพชรเซ้าซี้คะยั้นคะยอ
“นะเจ้าคะ”
“ข้าขอคิดดูก่อน”
แสงเพชรพูดแค่นั้นก็ลุกหนีออกไป ชบารีบลุกตามแล้วหันมายิ้มเย้ยดอกเข็ม

แสงเพชรเข้ามาในห้อง หยุดยืนพลางครุ่นคิดอย่างหนัก ชบาตามเข้ามา
“เจ้าแม่อย่าใจอ่อนนะเจ้าคะ เจ้าแสงหล้าก็เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร อยากได้อะไรก็จะเอาให้ได้ แต่พัก
เดียวก็เบื่อ ตามใจบ่อยๆ จะเคยตัว”
“เจ้าเห็นควรว่าข้าควรจะฆ่าชายสองคนนั้นจริงหรือ”
“ตามราชกฤษฎีกาบัญญัติไว้ว่า ชายใดที่ล่วงล้ำเข้ามาในเมืองของเรา ต้องโดนประหารเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“แต่...”
แสงเพชรจะค้าน คิดไปถึงภาพในอดีต ที่ดนัยช่วยชีวิตไว้ แล้วจูบปาก แสงเพชรเผลอยิ้มออกมา
“แต่ชายคนนั้นท่าทางเป็นคนดี ไม่เห็นเหมือนผู้ชายชั่วๆตามตำนานที่เล่าขานกันมาเลย”
ชลิตถูกนำตัวมาถึงลานประหาร องครักษ์ประกาศเสียงดังลั่น
“เอานักโทษประหาร เข้ามา”
ดนัยและชลิตที่ถอดปลอกที่คอออกแล้ว ถูกมัดมือไพล่หลังไว้ ทั้งคู่โดนทหาร ผลัก ดัน และ ไล่ ให้เข้าไปในตรงกลางของลานประหาร
ชาวเมืองซึ่งเป็นหญิงล้วน ต่างรุมล้อม พากันดูด้วยความตื่นตา เพราะไม่เคยพบเคยเห็นผู้ชายมาก่อน ต่างส่งเสียงอื้ออึง
เพชฌฆาตหญิงร่างบึ้ก 2 คน ในมือถือดาบอันใหญ่เตรียมตัวพร้อมอยู่มุมหนึ่งในลานประหาร จังหวะหนึ่งหันมาสบตากับชลิตดนัย ถลึงตาอำมหิตให้ ชลิตสะดุ้ง แอบกระซิบกับดนัย
“ทำอะไรซักอย่างสิวะดนัย ไม่งั้นเราโดนยายป้านั่นเชือดแน่”
ดนัยกระซิบกลับแบบแมนๆ ไม่ดูเวล่ำเวลา
“แกจะให้ฉันทำยังไง ถ้าขืนสู้ก็เท่ากับรังแกผู้หญิง ฉันทำไม่ได้!”
“โธ่ ไอ้พระเอก” ชลิตถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างเซ็งชีวิต “เฮ้อ ว่าไปฉันก็ทำไม่ได้ว่ะ”
“เห็นมั้ย แกกับฉันก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พวกเราตั้งใจทำดีแท้ๆ แต่ทำไมต้องมาตายง่ายๆ อย่างนี้” ชลิตมองขึ้นฟ้าร้องตะโกนออกมา “สวรรค์ครับ สวรรค์ อย่าลำเอียงได้ไหม อย่าปล่อยให้แต่คนชั่วเสวยสุข ให้เรากลับไปสร้างความทุกข์ให้พวกมันเถอะ!”
ชลิตร้องตะโกนบอกฟ้า

เวลานั้นเหล่าทหารคุมตัว กิมจิ แจ๋ บุญทิ้ง อุ๊บอิ๊บ นำหน้ามา โดยมีฉวีวรรณกับดาหวันเดินรั้งท้าย
ฉวีวรรณกับดาหวัน ซุบซิบคุยกันมา
ดาหวันหน้าตื่น ตาโต อุทานเสียงดัง “อะไรนะ! พี่คิดว่าพี่ดนัยกับพี่ชลิตยังไม่ตายเหรอ”
ฉวีวรรณจุ๊ปาก หลิ่วตามองพวกทหาร “ชู่ว เบาๆ สิ” ฉวีวรรณหันมาพูดต่อ “ในเมื่อเมืองลับแลมีจริง ดนัยกับชลิต อาจจะหลงเข้ามาในเมืองนี้ เหมือนพวกเราก็ได้”
“นั่นสิ แต่เราจะไปสืบหาได้ยังไงล่ะ พี่หวี เราโดนจับอยู่อย่างนี้” ดาหวันบอกอย่างเป็นกังวล
ฉวีวรรณครุ่นคิดนิดนึง แล้วผุดยิ้มมุมปากสีหน้าเจ้าเล่ห์
“มันก็ต้องมีตัวช่วยบ้างอะไรบ้าง”
“อะไรเหรอ? พี่หวี?”
ฉวีวรรณไม่ตอบ แต่ยกมือออกไปผลักศีรษะอุ๊บอิ๊บที่เดินอยู่ข้างหน้าอย่างแรง จนอุ๊บอิ๊บหน้าคะมำไป
ทั้งขบวนหยุดกึก อุ๊บอิ๊บหันมาแว้ดโวยวายทันที
“อ๊าย...” หันหน้ามาอย่างเอาเรื่อง “นังหวี! แกแกล้งฉัน”
“ถูก! พอดีอยากมีเรื่อง” ฉวีวรรณตอกใส่หน้า
พูดจบฉวีวรรณก็ตบอุ๊บอิ๊บไปหนึ่งฉาด อุ๊บอิ๊บกรี๊ดลั่น
พอตั้งหลักได้อุ๊บอิ๊บก็พุ่งตัวเข้ามาจะตบฉวีวรรณ
“นังหวี แกตาย”
ฉวีวรรณหลบซ้ายหลบขวาอุ๊บอิ๊บตบไม่ถูกสักที จังหวะหนึ่งอุ๊บอิ๊บผลักฉวีวรรณกระเด็นออกไป แล้วตามไปจะตบอีก ฉวีวรรณหมุนตัวหลบได้ทัน กลายเป็นอุ๊บอิ๊บตบถูกหญิงชาวลับแลที่ยืนอยู่ข้างหลังแทน
จู่ๆก็โดนตบผู้หญิงคนนั้นเดือดปุดๆ ด่าอุ๊บอิ๊บ “อีวอก”
“แกสิ อีอึ่งอ่าง”
นางร้องกรี๊ดด้วยความโกรธเข้ามาตบอุ๊บอิ๊บจนหน้าหัน จากนั้นทั้งสองก็ผลัดกันแลกตบ ผลัดกันถีบ ชุลมุนวุ่นวายไปหมด
พวกทหารกรูเข้าไปจะแยก แต่ก็โดนถีบถองออกมาล้มลงไปกองเป็นโดมิโนเลยทีเดียว
บุญทิ้งพยายามจะเข้าห้าม แต่อุ๊บอิ๊บหน้ามืดไม่ฟังอะไรแล้ว หยิบผักจากแผงแม่ค้าแถวนั้นขึ้นมาปา
“เจริญพร คุณอุ๊บอิ๊บปล่อยวางบ้างนะครับ อย่า…”
ผักสีเขียวๆ ลอยมาเข้าปากบุญทิ้ง เต็มๆ บุญทิ้งหน้าเหวอ ชะงักอึ้ง
“เจริญพร เมตตานั้นดี แต่ไม่ควรมีกับนังงูเห่าอุ๊บอิ๊บ” กิมจิเลียนแบบบุญทิ้งประชดส่ง
“อย่าไปยุ่งกับมัน บุญทิ้ง มานี่”
แจ๋เข้าไปลากบุญทิ้งออกมา ปล่อยให้อุ๊บอิ๊บแลกตบกับหญิงชาวลับแลไป
จังหวะนั้นฉวีวรรณดูจนแน่ใจแล้วว่า ไม่มีใครสังเกต รีบบอกดาหวันให้ค่อยๆ แฝงตัวหนีออกไป
“ไปเร็ว หวัน”
ฉวีวรรณกับดาหวันแอบวิ่งหนีออกไปกันสองคนสำเร็จ
ทั้งสองพี่น้องวิ่งออกมาจนพ้นบริเวณนั้น เหลียวมองหาทางจะไปต่อ ตัดสินใจจะไปทางนั้นทางนี้ แล้วในที่สุดทั้งสองก็ตัดสินใจแยกย้ายกันออกไปคนละทาง
“แยกกันหาดีกว่า แล้วค่อยไปเจอกันที่ ลานกลางเมืองนั่น เห็นมั้ย”
ดาหวันมองตามแล้วตอบ “ได้พี่หวี หวันไปทางนี้นะ”
ดาหวันวิ่งแยกออกไปทางหนึ่ง ฉวีวรรณวิ่งออกไปอีกทาง

เหตุการณ์ที่ลานประหาร องครักษ์โยนมะพร้าวสดๆ ขึ้นไปบนอากาศ เพชฌฆาตหญิงคนหนึ่ง ใช้ดาบคมกริบฟันมะพร้าวผ่าออกเป็นสองซีกโชว์ให้เห็นว่ามีดคมแค่ไหน
ดนัยกับชลิต โดนน้ำมะพร้าวสาดเข้ามาโดนใบหน้าทั้งสอง รีบหลับตาหลบ
“เตรียมตัวตายกันได้แล้ว เที่ยงวันนี้ พวกแกหัวขาดแน่”
ชลิตตะโกนตามหลังโวยวายใส่ “พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด ได้ยินไหม พวกเราไม่ผิด!”
ดนัยเหลือบมองพระอาทิตย์ใกล้จะตรงศีรษะแล้ว พูดขึ้น ครุ่นคิดไปด้วย
“พระอาทิตย์จะตรงหัวแล้ว อีกไม่กี่นาทีแล้วสินะ”
นาทีสุดท้ายของชีวิต ดนัยคิดอยากจะสารภาพความจริงกับชลิต เรื่องฉวีวรรณ ตัดสินใจเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ชลิต!!”
“เรียกทำไมวะ เออ เรียกเถอะ แกอาจจะได้เรียกชื่อฉันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้”
“นั่นสิ ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิต ฉันก็ไม่ควรให้มันค้างคาใจอีกต่อไป”
“ฮึ แกมาติดหนี้ฉันตั้งแต่เมื่อไร ค้างคาเรื่องอะไรกัน”
ชลิตฟังแล้วงง มองดนัยอย่างสงสัย

เวลาเดียวกันนั้น ทางด้านดาหวันเที่ยววิ่งปะปนมองหาตามกลุ่มชาวเมืองลับแล ที่เดินอยู่อย่างขวักไขว่ ดาหวันเป็นห่วงชลิตจับใจ
“พี่ชลิต...”
ครู่ต่อมาอีกมุมหนึ่ง ดาหวันวิ่งเข้ามา แล้วป้องปากตะโกนถาม
“พี่ชลิตอยู่ไหน ได้ยินแล้วตอบด้วย”

ชลิตเอ็ดดนัยที่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียที
“เฮ้ย มีอะไรก็พูดมิสิวะ”
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี มันเป็นความรู้สึกที่ฉันเก็บไว้มานานแล้ว”
ชลิตอึ้งอีก “ความรู้สึก? กับฉันเนี่ยนะ”
“ใช่ กับแกคนเดียวเลย ชลิต ฉันควรจะสารภาพความจริงกับแกซะที”
สีหน้าของดนัยที่มองมาอย่างจริงใจจริงจัง เพราะอยากจะสารภาพความจริงว่ารักแฟนเพื่อนทำให้ชลิตต้องกลืนน้ำลายเอื้อกลงคอ เพราะนึกไปอีกอย่างว่า ดนัยจะรักตัวเองแบบ ชายรักชาย
“เออ คือ มันจะดีเหรอ แบบ แบบว่า เราเป็น...ผู้ชายเหมือนกันนะ”
“ก็ใช่นะสิ ฉันถึงอยากจะพูดกับแกตรงๆ แมนๆ”
ชลิตได้ฟังก็ยิ่งเข้าเค้า หน้าเสียหนัก “แมนๆ แมนมากเลย ฮือออ ..ขนลุก”
“แกฟังฉันให้ดีนะ” ดนัยตัวขยับมาใกล้ๆ
ชลิตส่ายหน้าสยองขวัญ
“ไม่เอา ไม่พูด...อย่า”

ในอีกมุมหนึ่งของเมืองลับแลแห่งนั้น ฉวีวรรณร้องตะโกนออกไป
“ดนัย! ดนัย ดนัย!! นายอยู่ที่ไหน”
สีหน้าฉวีวรรณเป็นกังวลหนัก เพราะห่วงดนัย

ดนัยพยายามจะพูดแต่ ชลิตร้องจ๊ากพร้อมกับขยับหนีดนัย ทั้งๆ ที่ไปไหนไม่ได้นั่นแหละ ดนัยงงว่าชลิตเป็นอะไร
“ชลิต”
“อ๊าก อย่านะ ไอ้ดนัย แค่คิดก็ฟ้าผ่าแล้ว”
“เลิกเวิ่นเว้อเสียทีเถอะ ฟังฉันให้ดี ฉันอยากบอกกับแกว่า ฉัน...”
“หยุด ไม่ต้องพูด ฉันรู้แล้ว”
ดนัยอึ้ง ตกใจนึกว่าชลิตรู้เรื่องฉวีวรรณกับตัวเอง “...แกรู้?”
“ใช่ซี้ แกมันพวก ชายเหนือชายคือ ยอดชาย ใช่มั้ยล่ะ ฮึ...ฉันรู้แล้วล่ะว่า แกเป็นตุ๊ด”
“เฮ้ย”
ชลิตดักคออีก “อย่านะเว้ย อย่ามาบอกว่า เพื่อน...ฉันรักแกว่ะ บอกตรงๆ ฉันรับไม่ได้ มันไม่ใช่”
ดนัยโล่งอก หัวเราะ อย่างขำๆ “คิดได้ไง ไอ้บ้า ขอบใจนะที่ทำให้ฉันได้ขำก่อนตาย”
ชลิตโวยใส่ดนัย
“หยุดเลย! ไม่ต้องมาขำกลบเกลื่อนอาการเบี่ยงเบนทางเพศของแกหรอก”
“ไอ้เบื๊อกเอ๊ย ให้ฉันเตะแกแก้เพี้ยนมั้ย” ดนัยยกเท้าจะเตะชลิตจริงๆ
“เฮ้ยๆ อย่านะ” ชลิตรีบหลบๆ
“งั้นก็เลิกพูดได้แล้ว ฉันเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉันจะไปบอกรักแกให้คลื่นไส้ทำไมวะ”
“อ้าว งั้นที่แกจะบอก แกหมายถึงใครล่ะ”
พอจะพูดจริงๆ ดนัยก็อึ้งไปอีก ชลิตมองได้ความอยากรู้

พอหาไม่เจอฉวีวรรณกับดาหวันต่างคนต่างเดินเข้ามาพบกันตามนัด ท่ามกลางฝูงชาวเมืองที่มุงๆ กันดูอะไรบางอย่างอยู่ ฉวีวรรณถามขึ้นก่อน
“ยายหวัน เจอมั้ย”
ดาหวันส่ายหน้า “ไม่เห็นเลยพี่หวี”
จู่ๆ ทหารองครักษ์ กับลูกน้องอีกคนที่ตามหาสองพี่น้อง วิ่งผ่านไปแล้วถอยหลังกลับมาหยุดกึกชี้มาทางฉวีวรรณกับดาหวันยืนอยู่
“นั่นไง สองคนนั้น”
ฉวีวรรณกับดาหวันหันมามองตามเสียงนั้นด้วยความตกใจ
“มันมาอีกแล้ว” ดาหวันบอก
“หนีเร็ว”
ฉวีวรรณดึงดาหวันวิ่งเตลิดเข้าไปในลานประหาร ทหารกับลูกน้องวิ่งตามเข้ามาแต่แม่ค้าหาบสาแหรกขายขนมตัดขวางหน้า จึงตามไม่ทัน ทั้งสองคนหงุดหงิด ชนข้าวของล้มกระจายระเนระนาด มองไปไม่เห็น ดาหวันกับฉวีวรรณแล้ว
“โธ่เว้ย หายไปไหนแล้ววะ”

ในขณะที่ดนัยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ว ตัดสินใจพูดต่อ จริงจังจริงใจ
“ชลิต...ฉันรู้ว่าฉันเลว ฉันไม่ควรทำแบบนี้ แต่ฉันก็ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้จริงๆ ฉันอยากสารภาพกับแกว่า ฉัน...” ดนัยอึกๆ อักๆ “ฉัน...”
ฉวีวรรณ กับดาหวัน ลัดเลาะหนีทหาร เข้ามาแฝงตัวอยู่ตามหมู่คนชาวเมืองลับแล ที่มุงในลานประหารด้านหลังๆ ทั้งคู่หน้าตาตื่น
“ฉันรัก..หวะ...”
ขณะนั้นดนัยตั้งใจจะบอกว่า รักฉวีวรรณ พูดไม่ทันจบแต่ชะงักไปเพราะองครักษ์ขัดขึ้น
“เที่ยงตรง! การประหารเริ่มได้!!” องครักษ์ที่ยืนอยู่อีกมุม ประกาศกร้าวขึ้น
ชลิต กับดนัย หันมองตะลึงตกใจ
ทหารกรูเข้ามาลากตัว ชลิตกับดนัย ออกไป

ฉวีวรรณ กับ ดาหวัน ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แหวกฝูงคนเข้ามาหยุดหน้าลานประหาร ซึ่งมีคนยืนมุงอยู่ข้างหน้าจำนวนมากพอสมควร ดาหวันมองอย่างสงสัย
“นี่เขามีงานอะไรกันน่ะ ทำไมคนเยอะอย่างนี้
“นั่นสิ เมืองลับแลมีดารามาจัดงานอีเว้นท์ด้วยเหรอ” ฉวีวรรณว่าไปโน่น
หญิงชาวลับแล ที่ยืนอยู่ข้างๆ เหลียวมามองสีหน้างง
“ ฮึ อีเว้นท์ นี่มันเป็นใครหรือ ไปจัดงานให้มันทำไมล่ะจ๊ะ”
ฉวีวรรณ ดาหวัน เหวอ แล้วหัวเราะขำๆ
“อีเว่น! อ๋อ เป็นญาติกับอีเมล์น่ะจ๊ะ พี่รู้จักมั้ยล่ะ อ่อ มีอีคอมเมิร์ชด้วยอีกคน” ดาหวันบอกยิ้มๆ
หญิงชาวลับแลพากันงงต่อ
ฉวีวรรณหันไปเอ็ดดาหวัน
“ยายบ๊อง ไปพูดให้พี่เค้างงไปอีก พอเถอะ” ฉวีวรรณหันถามหญิงชาวลับแล “นี่พี่รู้มั้ยว่า เขาจัดงานอะไรกันเหรอ”
“ปัดติโถ! นี่พวกเจ้าไปอยู่ไหนมา ถึงไม่รู้ว่า ท่านองครักษ์จะประหารผู้ชาย”
“ผู้ชาย?”
ดาหวัน,ฉวีวรรณหูผึ่ง ตาลุกวาว ร้องออกมาพร้อมกัน

สองหนุ่มหล่อเล็กๆ ชลิตกับดนัยนั่งพนมมือ ซึ่งถือดอกบัวคนละดอก แบบนักโทษประหารสมัยโบราณเตรียมรับความตายกันอยู่แล้ว ทหารคนหนึ่งเอาผ้าดำมาคาดปิดตาดนัยเสร็จพอดี หลังจากที่ชลิตโดนปิดตาด้วยผ้าดำเสร็จแล้วเรียบร้อยเหมือนกัน ทั้งคู่เชิดหน้า เตรียมตัวตายอย่างทระนง
“ลาก่อนเพื่อน เจอกันชาติหน้า”
ดนัยยังไม่ทันตอบอะไร องครักษ์โยนป้ายไม้ลงไปที่พื้น มาดราวกับเปาบุ้นจิ้นในจอทีวี ประกาศก้อง
“ประหาร!!!”
เพชฌฆาตหญิงทั้ง 2 คน ถือดาบเข้ามาหาดนัยกับชลิต เตรียมลงมือ เพชฌฆาตร่ายรำดาบด้วยท่วงท่าทางหนักแน่นดูดี ก่อนเริ่มภารกิจ
ฉวีวรรณกับดาหวัน รีบแหวกฝูงชน เข้ามายืนข้างหน้า อย่างอยากรู้อยากเห็น จังหวะนั้นฉวีวรรณกับดาหวัน เห็นเพชฌฆาตแสยะยิ้มน่ากลัวแล้วยกดาบขึ้น หมุนควงโชว์ท่า เตรียมจะฟันคอดนัย ขณะที่เพชฌฆาตอีกคน ก็เหวี่ยงดาบใส่ชลิต โชว์ให้หวาดเสียวเล่น เตรียมจะตัดคอเช่นกัน
ฉวีวรรณดาหวัน ตะลึงสุดขีด
“ดนัย!”/ “พี่ชลิต!”
เพชฌฆาตทั้งสองนาง เงื้อดาบขึ้นสูง เตรียมจะตัดคอดนัย กับชลิต
ดาหวันกับฉวีวรรณ ประสานเสียงกรี๊ดลั่น อย่างลืมตาย รีบวิ่งออกไปที่ลาน หมายจะไปช่วยดนัยกับชลิต
“อย่าา.....”
เพชฌฆาตลงดาบ ฟันลงมาในอากาศ จังหวะนั้นเองเข็มเงิน อาวุธของแสงเพชรก็พุ่งตัวฝ่าอากาศเข้ามา เข็มเงินชุดหนึ่งปักไปที่มือเพชฌฆาตที่จะฆ่าดนัย พร้อมกับเข็มเงินอีกชุด พุ่งไปปักที่มือเพชฌฆาตที่จะประหารชลิต
เพชฌฆาตทั้งสองเจ็บปวดสุดๆ ปล่อยดาบในมือร่วงลอยขึ้นไปในอากาศทันที ดาบทั้งสองเล่ม ลอยลงมา ปักตรงหน้า ฉวีวรรณกับดาหวันที่วิ่งเข้ามาพอดี
ฉวีวรรณดาหวัน ชะงักกึก ร้องกริ๊ดดังลั่น ดนัยกับชลิตหูผึ่งขึ้นมาเพราะจำเสียงคู่รักคู่กัดของตัวเองได้แม่นหู
“หวี!” / “หวัน!” ดนัยกับชลิตตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน
ฉวีวรรณกับดาหวันกำลังจะขานรับ แต่ ทหารองครักษ์ กับทหารลูกน้องวิ่งเข้ามาจากข้างหลังจัดการเอามือปิดปากทั้งสองคน ล็อกตัวไว้ และมีทหารอื่นๆ ตามสมควรกรูเข้ามาช่วยกันจับตัวไว้อีก
“ดะ...” / “พี่ชะ...” ฉวีวรรณกับดาหวันโดนมือปิดปาก
ชลิตกับดนัยชะงัก เงี่ยหูฟัง อย่างตั้งใจว่าเป็นเสียงฉวีวรรณดาหวันจริง หรือว่า หูฝาดไป
ดนัยตะโกนถาม อย่างมีความหวังว่าจะเป็นหวี “นั่นใคร ใครเรียกชื่อฉัน”
ชลิตตะโกนถามหวังว่าจะเป็นดาหวันเช่นกัน “ใครอยู่ตรงนั้น”
ฉวีวรรณกับดาหวัน พยายามจะตอบ แต่โดนปิดปาก มองด้วยความปวดร้าว
ฉวีวรรณพูดทั้งที่ยังโดนปิดปาก “ฉันเองงง ดนัย”
ดาหวันก็พยายามพูดเหมือนกัน “พี่ชลิต หวันอยู่นี่”

เวลาเดียวกันนั้นแสงเพชร กำลังกรีดเข็มเงินที่เหลือในมือเก็บ อย่างเท่ และสง่างาม แล้วหันมาพูดดนัยนึกว่าเขาพูดกับนาง
“จำข้าไม่ได้จริงๆ หรือ เราพึ่งพบกันเมื่อวานนี้เอง”
แสงหล้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตะโกนหาชลิต ด้วยความเสน่หา เข้าใจผิดคิดไปเองเช่นกัน
“ใช่แล้ว ...ข้าเป็นผู้หญิงคนแรกที่เจ้าพบในเมืองนี้ไงล่ะ...”
ดนัยกับ ชลิต ผิดหวัง
“ไม่ใช่ หวีเหรอ” เสียงดนัยคิดในใจ
“นั่นสิ ยายตัวแสบจะโผล่มาที่เมืองนี้ได้ยังไง เราคงคิดถึง จนหูแว่วไปเอง” เสียงชลิตคิดในใจ

องครักษ์ถลึงตาใส่ทหารให้รีบเอาตัว ฉวีวรรณ กับดาหวันออกไปไวๆ เพราะกลัวเจ้าแม่เอ็ด

แสงเพชร แสงหล้าเดินเข้ามา พร้อมมีชบากับดอกเข็มตามหลังมา
เป็นจังหวะเดียวกับที่ทหารรวบดึงตัว ฉวีวรรณกับดาหวัน ที่ดิ้นรนปานจะขาดใจออกไปจากบริเวณนั้น ซึ่งสวนทางกับขบวนเจ้าแม่ที่เข้ามาพอดิบพอดี และเนื่องเพราะมีแถวทหารพร้อมทั้งหมู่คนที่มายืนต้อนรับบังอยู่ เจ้าแม่ทั้งสองนาง กับ ฉวีวรรณ และดาหวัน จึงยังไม่ทันเห็นหน้ากัน!!
แสงเพชร กับแสงหล้า เดินเข้าไปใกล้บริเวณที่ดนัยกับชลิตถูกมัดอยู่
บรรดาองครักษ์ทรุดคุกเข่าลงหนึ่งข้าง และชาวเมืองรีบยอตัวหมอบลง เป็นการทำความเคารพเจ้าแม่
“ทำความเคารพเจ้าแม่” องครักษ์สั่งทุกคนในที่นั้น
“ลุกขึ้น” แสงเพชรบอก
ทุกคนลุกขึ้นยืนแล้ว แสงเพชรจึงสั่งออกมา
“ถอดผ้าปิดตาออกซะ”
“แต่พวกมันเป็นผู้ชาย...” องครักษ์แย้ง แต่ยังมีท่าทีเกรงๆ
แสงหล้าสวนขึ้นมา น้ำเสียงเคร่งเข้ม “ท่านพี่สั่ง ไม่ได้ยินหรือ องครักษ์”
องครักษ์เจอสายตาดุและตำหนิของแสงหล้าก็รีบกระวีกระวาดหันไปสั่งทหารลูกน้องให้แกะผ้าออกทหารลนลานไปช่วยกันแกะผ้าผูกตาให้ชลิตกับดนัย
ดนัยกับชลิตได้ยินแต่เสียงพูดกันไปมา พอมองเห็นเจ้าแม่สองคนเต็มตาก็อึ้งตามๆ กัน
“คุณนี่เอง” ดนัยหันไปพูดกับแสงเพชร
ชลิตพูดกับแสงหล้า “หมายความว่า เมื่อกี้...พวกคุณมาช่วยพวกเราไว้?”
แสงหล้ายิ้มส่งตาหวานมาให้ชลิ
“ใช่แล้วจ้า ถ้าเจ้าพี่ของข้ามาช้ากว่านี้อีกนิด พวกท่านได้กลายเป็นผีหัวขาดแล้ว”
ดนัยกับชลิตมองหน้ากันอึ้งไป แสงเพชรพูดกับองครักษ์
“ทำไมเจ้าจึงจะประหารพวกเขาโดยไม่รอข้า...”
“พวกมันเป็นคนชั่วช้า ข้าไม่อยากให้ความตายของมันระคายเคืองเจ้าแม่”
“เหลวไหล ข้าเป็นเจ้าเมืองนี้ ข้าเท่านั้นที่จะตัดสินว่าใครชั่วช้า ปล่อยพวกเขาซะ”
น้ำเสียงขึงขังจริงจังของแสงเพชร ทำเอาองครักษ์ผงะ หันมองหน้ากัน ชาวเมืองพากันตกใจ ในขณะที่แสงหล้ากับดอกเข็มยิ้มสะใจ
ดนัยมองแสงเพชรอย่างตกใจ เช่นเดียวกับชลิต
“เร็วสิ ปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้!”
ทหารรีบกรูกันเข้าไปช่วยปล่อยดนัยและชลิตให้เป็นอิสระ

ดนัยกับชลิตถูกพามาคุกเข่าลงตรงหน้าแสงเพชรและแสงหล้า องครักษ์สั่ง
“เจ้าสองคนทำความเคารพเจ้าแม่ทั้งสองเดี๋ยวนี้”
ดนัยกับชลิตเงยหน้าขึ้นมองหน้ากัน
“เจ้าแม่?” ดนัยร้องออกมาพร้อมกับชลิต
“ข้าชื่อเจ้าแสงเพชร นี่...”
แสงเพชรพูดไม่ทันจบคำแสงหล้าก็แทรกขึ้นมาแนะนำตัวเอง
“ส่วนข้า เจ้าแสงหล้า”
แสงหล้าพูดพลางส่งประกายตาวิ้งๆ ส่งให้ชลิต ซึ่งชลิตได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“ทำไมเจ้าแม่ถึงไว้ชีวิตพวกมัน ผิดราชประเพณีนะเจ้าคะ” ชบาพูดพร้อมกับมองชายสองคนอย่างไม่พอใจ
“ข้าอยากให้โอกาสพวกเขาทั้งสองคน” แสงเพชรหันมองทั้งคู่ “ข้าขอต้อนรับพวกเจ้าเข้าสู่เมืองลับแลอย่างเป็นทางการ”
แสงเพชรพูดพลางทอดสายตามองดนัยอย่างถูกใจ แต่เก็บอาการไว้ ดนัยกับชลิตยิ้มโล่งใจ
“ผมชื่อชลิต นี่ ดนัยเพื่อนผมเอง นี่ผมไม่นึกเลยนะ ว่า มันจะมีเมืองลับแล เมืองที่มีแต่ผู้หญิงอยู่จริงๆ”
ดนัยเองก็พยายามคิด
“ผมจำได้ว่าตัวเองตกลงมาในน้ำ พอรู้สึกตัวอีกทีก็ถูกคนพวกนี้ตามจับ จนมาเจอกับคุณ”
แสงเพชรทอดยิ้มให้ดนัย
“แล้วเจ้าก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับข้า ซึ่งตอนนั้นเจ้าจะฉวยโอกาสเอาเปรียบข้าก็ได้ แต่เจ้าไม่ทำ นั่น
แสดงว่าเจ้าเป็นคนดี”
เจอเจ้าแม่ชม ดนัยไม่รู้จะพูดว่ายังไง ได้แต่ยิ้มเขินรับ
“พี่ชลิตก็ช่วยน้องไว้ ไม่ให้โดนงูกัดเหมือนกันเจ้าค่ะ”
แสงหล้ารีบพูดสอดขึ้นมาอีก พลางยิ้มอ่อยให้ชลิต
“เห็นไหมชบา แล้วอย่างนี้เจ้าจะให้ข้าสั่งฆ่าพวกเขาทิ้งอีกเหรอ ข้ากับแสงหล้าจะได้เป็นคนเนรคุณปะ
ไร”
ชบาได้แต่ฮึดฮัด ไม่รู้จะโต้ตอบยังไง ดอกเข็มหัวเราะเยาะ
“ฮิฮิฮิ สมน้ำหน้า เถียงไม่ออกเลยสิ”
“งั้นก็ไล่พวกมันไปจากเมืองเถอะเจ้าค่ะ ยังไงเมืองลับแลก็ไม่ต้อนรับผู้ชาย”
ชลิตรีบแทรกทันทีเพราะอยากไปตามหาหัวใจเต็มทน
“งั้นพวกผมลาเลยนะครับ”
ชลิตถือโอกาส รีบสะกิดดนัยให้ยกมือไหว้ แต่แสงเพชรพูดแทรกขึ้นมาน้ำเสียงเคร่ง
“เจ้าสองคนจะไปไหนไม่ได้!!!”
ชบาชะงัก ดนัยกับชลิตอึ้ง มองหน้าแสงเพชรทันที แสงเพชรมองตอบยิ้มๆ
“ม...หมายความว่ายังไงครับ” ดนัยสงสัย
แสงเพชรไม่ตอบหันไปสั่งองครักษ์
“พาชายสองคนนี้ไปรับรองอย่างดีที่สุด แล้ว เตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับพิธีอภิเษกสมรสของข้ากับ
แสงหล้าในอีกสามวันข้างหน้า”
“เจ้าพี่” แสงหล้าเนื้อเต้น หันมามองแสงเพชรดีใจจนออกนอกหน้า
ดนัยตะลึงอึ้งไป ส่วนชลิตหัวเราะ ดีใจเอ๋อๆ
“วู้ สุดยอด รอดตาย แล้วยังได้ไปอภิเษกสมรสอีกด้วย” ชลิตหันถามดนัย “...อภิเษกสมรสนี่ มันอยู่แถวไหนวะ ใกล้ๆ แยกรัชดาภิเษกหรือเปล่า”
“ไอ้บ้า ไม่ใช่ถนน อภิเษกสมรส แปลว่าแต่งงาน”
“ฮ้า แต่งงาน!” ชลิตซึ้ง ตะลึง
“ถูกต้องแล้วค่ะ” วิ่งเข้ามาเกาะแขนชลิตแสดงความเป็นเจ้าของ “พี่ชลิตต้องแต่งงานกับแสงหล้า
ส่วนพี่ดนัยก็ต้องแต่งงานกับเจ้าพี่แสงเพชร ลงตัวเป๊ะๆ เลย เห็นมั้ย”
ชลิตรีบสะบัดตัวออกปฏิเสธลั่น “เฮ้ย ผมไม่แต่งนะ”
“ผมก็เหมือนกัน พวกเราพึ่งจะรู้จักกัน จะแต่งงานกันได้ยังไง” ดนัยโวยเล็กๆ
“ได้สิ ถ้าข้าสั่ง!” แสงเพชรกล่าวเสียงเข้ม
“แต่ว่า...” ดนัยพยายามแย้งและอธิบาย แต่พูดไม่ทันจบคำ
แสงเพชรรีบพูดสวนขึ้น “ชีวิตพวกเจ้าเป็นของข้ากับน้องแสงหล้า พวกเจ้ามีหน้าที่ทำตามที่ข้าสั่งไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น องครักษ์!! เอาตัวไป”
องครักษ์กับทหารกรูเข้ามาจับตัวชลิตกับดนัย แล้วต้อนให้เดินออกไป ชลิตกับดนัยพยายามโวย แต่ไม่เป็นผล ดอกเข็มกระดี๊กระด๊านวดให้แสงหล้าอย่างเอาอกเอาใจ แสงหล้าก้มลงกราบแสงเพชรอย่างซาบซึ้ง

มีเพียงชบาคนเดียวที่มองอย่างฉุนเฉียว เคืองแค้นอยู่ในใจว่าเหตุการณ์พลิกกลายเป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?

อ่านต่อหน้า 3





หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 15 (ต่อ) 

เสียงกรนดังขึ้นข้างๆ ศิริหันไปเจอว่าเป็นสุภาพนั่นเองนอนเบียดอยู่บนเตียงคนไข้ด้วย แถมอ้าปากกรนใส่เป็นชุด ศิริรีบเบือนหน้าหนี แล้วหันมาเจออาหลู่นั่งหลับอยู่ข้างเตียง ในมือยังมีถุงขนมและกล่องนมคาอยู่

“พอกันไอ้สองคนนี้ นี่ฉันมาอยู่โรงพยาบาลได้ยังไง” ศิริพึมพำออกมาก่อนจะนึกขึ้นได้ “แล้วหวีกับหวันล่ะ”
ศิริห่วงลูกสาวทั้งสอง พยายามยันกายลุกขึ้น แต่ปวดท้อง
“โอ๊ย”
ศิริยังพยายามจะลงจากเตียงแต่ขาไม่มีแรง เลยตกเตียงลงมา เสียงดังโครม
สุภาพตกใจตื่น ยกมือตั้งการ์ดตามสัญชาตญาณ
ใคร ใครบังอาจมาลอบทำร้าย นายไม่ต้องห่วง ผมจะปกป้องนายเอง”
พอสุภาพหันไปมองข้างๆ มีแต่ที่นอนว่างเปล่า สุภาพตกใจ
“อ้าว นายหายไปไหน”
“อยู่นี่” เสียงศิริดังขึ้น
สุภาพหันไปเจอศิรินอนกองอยู่ตรงพื้น
“โอ๊ย”
“นายไปทำอะไรตรงนั้น” สุภาพตกใจร้องถามออกมา
“ตกเตียงสิโว้ย”
สุภาพรีบปลุกอาหลู่
“อาหลู่มาช่วยกันหน่อย นายตกเตียง”
อาหลู่ตกใจตื่น
“นาย!”
ทั้งสองรีบไปประคองศิริ คนหนึ่งประคองหัว อีกคนประคองขา แต่พอจะประคองไปที่เตียงดันหันไปคนละทาง ตรงข้ามกัน สุภาพก็บอกทางนี้ อาหลู่เองก็บอกทางนี้
สุภาพกับอาหลู่ยื้อยุด ดึงศิริหันกันไปคนละทาง จนตัวศิริจะขาดสองท่อน
ศิริโวยเสียงดังลั่น “ทางไหนก็เอาสักทางเถอะ ฉันจะตายเพราะพวกแกนี่แหละ”
สุภาพและอาหลู่จึงประคองศิริไปนอนที่เตียง ศิริพูดอย่างโรยแรง
“สุภาพ ไปเตรียมรถ ฉันจะเข้าป่า ไปตามหาลูกของฉัน”
“ลุกจากเตียงยังไม่ไหว แล้วจะเข้าป่า” อาหลู่บ่น
“จริงของอาหลู่มัน รอให้หายดีก่อนเถอะครับนาย ผมขอร้องละ” สุภาพเห็นดีกับคำพูดอาหลู่
“ฉันเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงปวดท้องแล้วก็ไม่มีเรี่ยวแรงเลย”
“หมอยังไม่หาสาเหตุไม่พบเลยครับนาย” สุภาพบอก
“โธ่เว้ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไม”
ศิริเครียด ทุบขาไม่ยอมหยุด หงุดหงิดตัวเอง สุภาพพยายามห้าม
“นาย อย่าทำร้ายตัวเองเลยครับ”
ศิริหันมาสั่งสุภาพ “ฉันจะไปหาลูก พาฉันไปหาลูกเดี๋ยวนี้”
ศิริพยายามดิ้นรนจะลงจากเตียงให้ได้ สุภาพกับอาหลู่รีบห้าม แต่ศิริขัดขืน วุ่นวายไปหมดทั้งห้อง
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาลูก!”

ขณะเดียวกันนั้น ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง อุ๊บอิ๊บ ถูกจับโยนเข้ามาในคุก ทุกคนร้องโวยวาย
ฉวีวรรณกับดาหวันรีบวิ่งไปเกาะลูกกรง ร้องถามอย่างร้อนใจ
“พวกแกจะทำอะไรดนัยกับชลิต”
“เอาพี่ดนัยกับพี่ชลิตคืนมานะ”
ทหารคนหนึ่งตะคอกใส่“อย่าพึ่งไปห่วงคนอื่นเลย รักษาชีวิตพวกเจ้าให้รอดก่อนเถอะ”
ล็อกกุญแจเสร็จแล้วเดินจากไป ดาหวันกับฉวีวรรณหน้าเสีย
“โธ่ ป่านนี้พี่ชลิตกับพี่ดนัยจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ดาหวันรำพัน
“อุ้ยต๊ายตาย ห่วงคู่ควบเลยเหรอยะ” อุ๊บอิ๊บมองหวีกับหวันอย่างเยาะๆ “พี่น้องสองชะนีนี้ช่างใจกว้างจริงๆ เลยนะแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ได้ทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องผู้ชาย” อุ๊บอิ๊บเน้นเสียงตรงคำว่าผู้ชาย
ดาหวันกับฉวีวรรณยกมือขึ้นจะตบแพ็คคู่ บอกพร้อมๆ กัน
“อยากโดนตบใช่มั้ย”
“อย่านะ”

อุ๊บอิ๊บเห็นว่าจะโดนรุมเลยถอยกรูดไปข้างหลัง หันไปก็เจอแจ๋ยกมือขึ้นรอ เตรียมจะตบด้วยเหมือนกัน
“นึกว่าจะรอดเหรอ นังอุ๊บอิ๊บ”
แจ๋ไม่พูดเปล่าตบผัวะ จนร่างอุ๊บอิ๊บเซ กริ๊ดกลับมาหาฉวีวรรณกับดาหวัน
“อีกสักที” ฉวีวรรณเงื้อมือจะตบ แต่ไม่ได้ตบจริงๆ
อุ๊บอิ๊บกรี๊ดแตก บุญทิ้งรีบเข้าไปขอร้องฉวีวรรณ
“เจริญพร คุณหวี ผมขอบิณฑบาตล่ะครับ”
“แหม บุญทิ้ง คิดอะไรหรือเปล่าเนี่ย ดูเห็นอกเห็นใจยายบ่างช่างยั่วโมโหนี่จริงๆ เลยนะ”
กิมจิโวยแกมเยาะ
บุญทิ้งอึ้งไปนิดแล้วว่าขึ้น “เออ คือ พอดีหลวงตาท่านเคยสอนไว้ว่า การให้อภัยเป็นทานบารมีขั้นสูงสุดครับ ผมเลยอยากให้ ท่านกัลยาณมิตรทั้งหลาย ณ ที่นี้ ได้บำเพ็ญทานบารมี โดยพร้อมเพรียงกันทุกท่านทุกคนเทอญ”
ทุกคนยกมือไหว้เปล่งเสียง “สาธุ” พร้อมๆ กัน
บุญทิ้งรับมุกพนมมือสวดให้พรทันที “จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง”
กิมจิอารมณ์เสียโวยขัดขึ้น “เฮ้ย แกนี่ ก็แก่เทศน์เหลือเกิน” กิมจิชี้ไปทางอุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้ง “รู้มั้ยว่าแกสองคน นี่มันช่างต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว นายนึงก็ดีสุดขั้ว อีกนางนึงก็ชั่วสุดขีด”
อุ๊บอิ๊บขยับปากทำท่าจะเถียงอีก แต่แจ๋พูดดักคอ
“อย่าได้เห่าอะไรออกมาอีกเชียว ไม่งั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัยของหล่อนจริงๆ ด้วย”
“ย่ะ นึกว่าฉันอยากจะพูดกับพวกหล่อนนักเหรอ เชอะ พวกสเตตัสต่ำ”
อุ๊บอิ๊บทำเชิด เดินทิ้งเท้าไปนั่งแปะหมกตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง แล้วกระเด้งขึ้นมายืนเพราะ รู้สึกรังเกียจห้องขังหมู่ที่แสนสกปรก
แจ๋ส่ายหน้าแล้วหันมาคุยกับฉวีวรรณ ดาหวัน
“เฮ้อ เวรกรรมจริงจริ๊ง อยู่ใกล้นังนี่มากๆ ไมเกรนฉันจะขึ้น”
“อย่าไปสนใจเลย ฉันอยากรู้เรื่องดนัยกับชลิตมากกว่า เมื่อกี้ที่เธอบอกว่า สองคนนั้นยังไม่ตาย มันจริงใช่มั้ย” กิมจิหันไปถามฉวีวรรณ
แจ๋พลอยตื่นเต้นตามถามบ้าง แต่พูดไม่หยุด
“เออ แกไปเห็นมันที่ไหน รอดมาได้ยังไง แล้วสองคนเป็นยังไงบ้างได้คุยอะไรกันบ้างหรือยัง แล้ว...”
“เฮ้ย” กิมจิพูดแทบเป็นตะคอกจนแจ๋สะดุ้ง “แกจะรีบไปตามกระบือที่ไหน หยุดให้หวีมันพูดบ้างดิวะ”
ฉวีวรรณถอนหายใจอย่างกังวล “ฉันกับยายหวันยังไม่ทันได้คุยอะไรกับเขาสองคนเลย”
“แค่ได้เห็นว่า พี่ชลิตพี่ดนัยยังไม่ตาย แล้วก็อยู่ในเมืองนี้กับพวกเรานี่แหละจ้า” ดาหวันว่า
ฉวีวรรณนิ่งคิดไปมา “งั้นมันก็น่าจะมีทางได้เจอกันนะ ถ้าเราออกจากที่นี่ได้” ฉวีวรรณหันไปปรึกษาเพื่อนๆ “แจ๋! กิมจิ บุญทิ้ง ฉันกับยายหวัน จะไปตามชลิตกับดนัยได้ยังไง พวกแกช่วยฉันคิดหน่อยสิ”
ทุกคนครุ่นคิด ช่วยกันหาหนทาง

ที่หมู่บ้านชาลัน เวลาเดียวกันทองอินเอาเสียมตักดินกลบที่โป่งเทียมซึ่งแล้วเสร็จพอดี มีวินยา สางโป ดาเนาคอยช่วยกลบดินอยู่ด้วย คุยกันไปด้วย
โป่งเทียมที่ว่าเป็นหลุมกว้างขนาด 4 เมตร คูณ 5 เมตร ลึก 1 เมตร ซึ่งโรยผงเกลือแกงกับกระดูกป่นอย่างละครึ่งแล้วเอาดินกลบ โดยคลุกให้ดินกับเกลือปนๆ กัน สำหรับให้สัตว์ป่ามาเลียกินแทนอาหาร
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว โป่งเทียมหลุมแรกของเรา” ทองอินบอก
“เย้ๆ น้องช้าง น้องกระทิง น้องวัวแดง มีของกินแล้ว” ดาเนากระโดดตบมืออย่างดีใจ
วินยายิ้มเอ็นดูดาเนาแล้วค่อยเอ่ยขึ้น
“ถ้าโป่งตามธรรมชาติมีไม่พอ เราก็ควรทำโป่งเทียมแบบนี้ไว้เป็น แหล่งสารอาหารสำหรับให้สัตว์ป่ามากิน ใช่มั้ยจ๊ะ พี่ทองอิน”
“ถูกต้อง นอกจากจะเป็นแหล่งอาหารแล้ว โป่งเทียมยังช่วยป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าออกนอกเขตป่าได้อีกด้วยนะ”
“ขอบคุณมากนะพี่ทองอิน ที่มาสอนวิธีทำโป่งเทียมให้พวกเรา” วินยาซาบซึ้งใจไหว้ขอบคุณทองอิน
ทองอินยิ้มรับ “ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่อย่างพี่อยู่แล้ว”
จังหวะนั้นเองชายชาวชาลันก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ทุกคนหันไปมองอย่างสงสัย
“นายน้อย ๆ ผู้เฒ่าสางโป แย่แล้ว แย่แล้ว”
“มีเรื่องอะไร ฮึ” สางปถาม
ชายคนดังกล่าวหยุดพัก หอบหายใจอย่างเหนื่อยๆ “เพื่อนๆ นายน้อย...”
“ใคร ฉวีวรรณ ดาหวัน หรือใครเป็นอะไร” วินยาร้อนใจ
ชายคนนั้นพยักหน้า “ทั้งหมดนั่นเลย นายน้อย ..พวกสายในป่ารายงานมาว่าทุกคนตกน้ำตกหลวงไปแล้ว”
ทุกคนได้ฟังก็พากันตกใจ พูดออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน
“อะไรนะ”

ทหารหญิงมาดเท่บุคลิกคล้ายทอมบอย 2 คนกำลังเล่นปาลูกดอกอยู่ที่มุมหนึ่งของคุกอย่างสนุกสนาน มาดอย่าง...แมน
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ และกิมจิ สุมหัวกันพลางมองไปที่ 2 คนนั้นอย่างมีแผน บุญทิ้งปิดปากอุ๊บอิ๊บ คุมตัวไว้ไม่ให้ก่อเรื่อง ในที่สุดแจ๋ก็หันมาพูดกับฉวี “ลงมือได้แล้ว หวี”
แจ๋ผลักฉวีวรรณออกไปชน กับลูกกรงคุก ฉวีวรรณกริ๊ดลั่นเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
ทหารยามมาดเท่ทั้งสองหันขวับ แล้วรีบวิ่งเข้ามา อย่างเข้มแข็ง
“มีเรื่องอะไร ฮ้า”
ฉวีวรรณทำท่าคิขุน่ารักน่าชัง ถามเป็นปริศนา “อะไรเอ่ย? มีรูตรงกลาง”
ทหารยามทั้งสองงง ฉวีวรรณทำสายตาออกอ้อนหยอดหวานใส่
“แหมพี่ก็...ไม่คิดจะ ”เป็นห่วง” กันบ้างเหรอ”
"ฮิ้ว....." แจ๋ กิมจิ และดาหวัน ประสานเสียงฮิ้วใส่
ดาหวันตามออกมา เล่นหูเล่นตากับทหารคนที่สอง ที่ยืนงงอยู่ จู่ๆ ดาหวันก็เอามือทำท่าพัดตัวเอง
“โอ้ย... ในนี้อากาศร้อนจริงๆ เลย ถ้าใครพาหวันกับพี่หวี ออกไปอาบน้ำอาบท่าข้างนอกได้นะ หวันกับพี่หวีรักตายเลย”
ทหารหญิงทั้งสองมองหน้ากันในอาการตกตะลึง ไม่เชื่อหู
“น้องพูดจริงเหรอ” ทหารที่จ้องดาหวันอยู่ถามออกมา ยิ้มกริ่ม
“โธ่ จะโกหกทำไมล่ะจ๊ะ พวกเราปิ๊งพี่ทั้งสองคนตั้งแต่แรกเห็นเลยนะ”
ฉวีวรรณยกมือผ่านลูกกรงออกไปจับแขนทหารอีกคน อ้อนออดใส่จริตแบบเต็มเหนี่ยว
“นะจ๊ะ พี่จ๋า พาหวีกับหวันไปอาบน้ำหน่อยนะ เนี้ย เหนียวเนื้อเหนียวตัวไปหมดแล้ว”
ทหารหญิงมองมาด้วยอาการเคลิ้มคล้อยและใจอ่อนในที่สุด “ได้เลยจ้า น้องจ๋า”
ทหารที่ปิ๊งฉวีวรรณทำท่าจะไขกุญแจให้ ทหารอีกคนรีบห้าม
“จะดีเหรอ จ่า เกิดเจ้าแม่รู้ เราหัวขาดแน่”
“ก็อย่าให้รู้สิ แค่อาบน้ำแป๊บเดียว ไม่นานหรอก”
ทหารรีบไขกุญแจต่อ ฉวีวรรณหันไปมองหน้าดาหวัน แจ๋ และกิมจิ ยกนิ้วเป็นเชิงว่าโอเค. แผนสำเร็จ
ประตูถูกเปิดออกฉวีวรรณกับดาหวันเดินไปพร้อมกัน 
“มาจ้า เดี๋ยวพี่พาไปเอง” ทหารทอมฮะจ๊ะจ๋าก่อนที่จะหันมาพูดกับพวกแจ๋เสียงเขียว “อยู่สงบๆ อย่าก่อเรื่องล่ะ”
ทหารทั้งสองคนพาดาหวันกับฉวีวรรณออกไป อุ๊บอิ๊บจะแถตามออกไปด้วย บุญทิ้งรีบดึงรั้งตัวไว้
“เดี๋ยวก่อน ฉันไปด้วย ฉันก็อยากสืบเรื่องพี่...อุ๊บ” บุญทิ้งเอามือตะปบปิดปากได้ทัน
“เงียบๆ สิครับ คุณอุ๊บอิ๊บ จะไปบอกเขาทำไม ว่าคุณหวีกับคุณหวันหาทางออกไปสืบเรื่อง คุณดนัยกับคุณชลิต”
กิมจิเขกหัวบุญทิ้งไปหนึ่งทีเต็มแรง ที่หลุดปากออกมาทั้งยวง
“แกนั่นแหละ พูดหมดเลย”
“โอ้ย เจ็บนะครับ”
กิมจิรีบเอามือจุ๊ปาก “เงียบๆสิวะ...เดี๋ยวไอ้พวกทอมฮะ มันจะรู้ตัวซะก่อน”

ทหารทอมฮะ 2 คน เดินนำหน้า ฉวีวรรณ ดาหวันมาตามทาง จังหวะหนึ่งดาหวันกับฉวีวรรณ แอบกำก้อนหินมาถือให้มือ แล้วแกล้งทำเป็นปวดท้อง ทอมทั้งสองเข้ามาดู อย่างเป็นห่วง ฉวีวรรณกับดาหวัน อาศัยจังหวะเผลอเอาก้อนหิน ทุบศีรษะทั้งสอง หมดสติไป
“หลับให้สบายนะ พี่” ดาหวันบอก
“มะ ช่วยกันเก็บซากพวกนี้ก่อน”
ฉวีวรรณกับดาหวันกับ ช่วยกันดึงตัวทหารออกไปจากบริเวณนั้น

ส่วนทางด้านสองหน่อชลิตกับดนัย ถูกองครักษ์กับพวกทหารรคุมตัวให้เดินไปตามทาง ชลิตกับดนัยหันมองหน้ากัน ส่งสัญญาณมีแผนจะหนีเรียบร้อยแล้ว ชลิตหันขวับชี้ไปทางข้างหลังพวกทหาร
“นั่นไง จานบิน!!”
พวกทหารหันมองตามไป ดนัยได้ทีผลักทหารคนหนึ่งล้มไปชนกับคนอื่นๆ ทุกคนล้มไปกองเป็นโดมิโน
“ไปเว้ย ดนัย”
ทั้งสองหนุ่มหันหน้าวิ่งหน้าตั้งออกไป แล้วจังหวะหนึ่งชลิตก็คว้าผ้าคลุมไหล่ของนางกำนัลที่เดินผ่านมาเช่นเดียวกับดนัยที่ดึงของอีกคน นางกำนัลร้องกรี๊ดโวยวาย ดนัย กับชลิตเอาผ้าคลุมศรีษะปิดหน้าตาเผ่นแนบ อย่างไม่คิดชีวิต

เวลาเดียวกันนั้นฉวีวรรณกับดาหวัน ก็จัดการซุกร่างสลบไสลทหารทั้งสองเสร็จพอดี แล้ว เดินออกมาตรงหนึ่ง
“เราจะไปสืบที่ไหนก่อนดีล่ะ พี่หวี”
เสียงฝีเท้าของชลิตกับดนัยวิ่งเข้ามา ฉวีวรรณกับ ดาหวันได้ยิน หันขวับมองตามเสียง
“มีคนมา!” ฉวีวรรณบอก
ทั้งสองสาวรีบหยิบดาบของทหารขึ้นมาถือในมือ แล้ววิ่งหนีไปเข้าไปแอบหลบที่มุมตึกคนละฝั่งเสา ยกดาบในมือ เตรียมตั้งท่าพร้อมเต็มที่
ชลิตกับดนัยที่เอาผ้าคลุมหน้าตา วิ่งเข้ามาไม่ทันมอง ฉวีวรรณกับดาหวัน ฟาดดาบลงมา ชลิตกับดนัยผงะ แล้วหันตัวกลับจะวิ่งหนี 
ฉวีวรรณกับดาหวันรีบวิ่งตามออกมา เอาดาบในมือจี้หลังทั้งคู่ไว้ โดยที่ในเวลานั้นฉวีวรรณกับดาหวันยืนอยู่ข้างหลังดนัยและชลิต
“หยุดนะ ไม่งั้นตาย” ฉวีวรรณทำเสียงแมนขู่
ดาหวันอาด้วยทำเสียงอย่างแมน “พวกแกเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
ชลิตยกมือยอมแพ้ แกล้งดัดเสียงเป็นผู้หญิง อ้อล้อกับดาหวัน
“อย่าทำอะไรพวกเราเลยจ้า พวกเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนตัวเธอแหละ”
ดนัยรับมุกรีบ ยกมือยอมแพ้ บีบเสียงตาม “ ใช่แล้วจ้า ไม่ใช่ผู้ชาย”
“ที่นี่เป็นเมืองลับแลไม่มีผู้ชายอยู่แล้ว ตอบอย่างนี้ กวนใช่มั้ย” ฉวีวรรณดีดหูดนัย
ดนัยลืมตัว ร้องเสียงแมน “โอ้ย”
ทั้งหมดสะดุ้ง
ฉวีวรรณหลุด พูดเสียงปกติออกมา “ฮึ เสียงคุ้นๆ นะ”
ดนัยหันไปมองหน้าฉวีวรรณ แล้วตะลึงดีใจ รีบหันหน้าหลบกลับมาแล้วแอบยิ้ม
ดาหวันหลุดปากพูดปกติเช่นกัน “นั่นสิ พี่หวี เสียงเหมือนใครน้า”
ชลิตได้ยินที่หวันเรียกหวีแล้วหูผึ่ง รีบหันไปมองหน้าดาหวันซึ่งมัวแต่คิดอยู่ไม่ได้มอง ชลิตเห็นดาหวันแล้วดีใจ รีบหันกลับไปอมยิ้ม
ชลิตดัดเสียงเล่นเกมต่อ “หูฝาดแล้วล่ะตัว เท้อออ..พวกเราไม่เคยรู้จักกันเสียหน่อย”
ดาหวันทำเข้ม เข้าไปจี้มีดใส่ชลิตอีก
“อย่ามาเล่นลิ้น บอกมาเดี๋ยวนี้ พวกเธอเป็นใครกันแน่”
ชลิตกับดนัยแอบมองหน้ากัน อมยิ้ม จะแกล้งอำต่อ
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง พวกเธอเป็นใครกัน ฮ้า”
ชลิตพูดเสียงปกติ “ใครก็ไม่รู้เนอะ แต่ฉันคงไม่ใช่ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก”
ดนัยพูดต่อประโยคกับชลิต “..แต่คงเป็นสิ่งลับๆ ที่เรียกว่า กิ๊ก”
ฉวีวรรณกับ ดาหวันหน้าตื่น ทั้งคู่ตะลึง จำเสียงสองชายเจ้าของหัวใจตัวเองได้
“ดนัย” ฉวีวรรณร้อง
“พี่ชลิต” ดาหวันเสียงระรื่น
ชลิต กับ ดนัย ค่อยๆ หันหน้ากลับมาหาคู่ของตัวเองยิ้มด้วยความดีใจ ฉวีวรรณ กับดาหวันทิ้งดาบ วิ่งเข้าไปกอดดนัยกับชลิต คู่ใครคู่มันอย่างลืมตัว
“หวี...” ดนัยยิ้มเผล่
“ฉันนึกว่าจะไม่ได้พบหน้านายแล้ว” ฉวีวรรณดีใจ
ชลิตกับดาหวันก็ไม่แพ้กันกอดกันกลม ราวกับโลกนี้มีเพียงสองคน
ดาหวันทำท่าจะร้องไห้ "พี่ชลิต ฮือๆๆ หวันดีใจที่สุดในโลกเลย"
“เด็กโง่ ดีใจแล้วร้องไห้ทำไม...” ดนัยปลอบดาหวันที่ร้องไห้ด้วยความดีใจ
ขณะที่ทั้งสี่คน มัวแต่ดีใจที่ได้ตามหากันจนเจอ จังหวะนั้นเององครักษ์กับทหารหมู่หนึ่งวิ่งเข้ามา
“มันอยู่นั่น จับมัน!!!” องครักษ์ตะโกนลั่น
ทหารหญิงที่ถือลูกตุ้มเหล็กมีตุ่มหนาม หมุนลูกตุ้มเป็นวงเหวี่ยงเข้าไปหาทั้งสี่คน จนแตกฮือหลบหลีกไปคนละทาง
“หวี หวัน หลบไปก่อน”
“รีบไป”
ชลิตสั่งดาหวัน ฉวีวรรณแล้ว หันไปรับมือกับทหารที่มีอาวุธเป็นลูกตุ้ม ดนัยหยิบดาบขึ้นมาสู้กับองครักษ์ ที่ตามเข้ามาบู๊ด้วยสู้กันอย่างดุเดือดออกไปทางหนึ่ง ชลิตหลอกล่อ ทหารลูกตุ้มจนวิ่งตามกันไป
“ดนัย!!” / “พี่ชลิต!”
ฉวีวรรณ กับดาหวันห่วงจะตามไป แต่มีทหารคนหนึ่งเข้ามาขวางไว้ ทำท่าจะจับ
“จะไปไหน”
ฉวีวรรณตบหน้าทหารให้หันไปทางขวา “ไปทางโน้น”
ทหารหันไปหาดาหวันตามแรงตบ ดาหวันตบอีกฉาดกลับไปทางฉวีวรรณ
“ไปทางโน้นย่ะ”
ทหารหญิงนางนั้นโดนตบสองทีซ้อนอย่างแรง ตาลอยเห็นดาวแล้วร่วงผล็อย ฉวีวรรณกับดาหวันเลยได้จังหวะพากันหนีไป

ด้านชลิตสู้กับทหารลูกตุ้ม หลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว แต่แล้วก็เสียหลักล้มลงไป ทหารนางนั้นจะเอาลูกตุ้มฟาดลงไป ดาหวันวิ่งตามเข้ามา รีบเข้าไปทุบหลังทหาร
“อย่านะ หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าทำพี่ชลิตนะ”
ทหารหันมาผลักดาหวันจนกระเด็นล้มไป ชลิตรีบลุกขึ้นจะพุ่งเข้าไปจัดการ แต่ต้องชะงักเพราะทหารอีกคนวิ่งเข้ามา เอาดาบจ่อคอดาหวันไว้
“ยอมแพ้ซะ ไม่งั้นนังนี่ตาย”
ชลิตยอมจำนน เพราะเป็นห่วงดาหวัน ยกมืออย่างยอมแพ้
“ฉันยอมแล้ว อย่าทำอะไรดาหวันนะ”

ดนัยตีดาบประมือกับองครักษ์ ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ต่อสู้อย่างสูสี องครักษ์โดดหลบ จนเสียหลัก ล้มลง ดนัยตามเข้าไป เอาดาบจ่อคอ
“หยุด คุณแพ้แล้ว”
ฉวีวรรณวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาจากอีกทาง ร้องเรียกเสียงดัง
“ดนัย”
ดนัยหันไปมองตามเสียง องครักษ์ได้จังหวะ ถีบดนัยเปรี้ยง ร่างดนัยกระเด็นไป องครักษ์ กลับเอาเท้าเหยียบอกดนัยไว้แล้ว เอามีดจ่อคอแทน
“อย่าทำเขา!!!”
ฉวีวรรณร้องจะวิ่งเข้ามาหา แต่โดนทหารเข้ามาจับตัวไว้ได้ ดนัยเดือด
“หวี ...จะฆ่าฉันก็ฆ่า อย่าทำอะไร ฉวีวรรณ ได้ยินไหม ปล่อยฉวีวรรณ เดี๋ยวนี้”
องครักษ์ขยับจ่อดาบใกล้คอมากยิ่งขึ้น ดนัยชะงักกึกไปอีก
“ไอ้ผู้ชายหน้าโง่! ในที่สุดแกก็ต้องเสียทีเพราะผู้หญิง”
องครักษ์เย้ย ดนัยหน้าเครียด หมดหนทางต่อสู้ เพราะห่วงฉวีวรรณยิ่งกว่าชีวิต

ฉวีวรรณกับดาหวัน โดนพวกทหารจับโยนตัวกลับเข้าไปอยู่ในคุกตามเดิม แล้วใส่กุญแจ
“หวี ยายหวัน”
ฉวีวรรณวิ่งเข้ามาที่ลูกกรงตะโกนโวยวาย “เปิดประตู พาฉันไปพบดนัยกับชลิตเดี๋ยวนี้”
ดาหวันวิ่งไปที่ลูกกรงร้องถาม “พวกแกเอาเขาไปไว้ไหน”
ทหารใส่กุญแจปิดประตู แล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจเสียงฉวีวรรณ ดาหวัน ที่โวยวายตามหลัง
แจ๋ กิมจิ และบุญทิ้ง รีบตามเข้ามาถามหน้าตื่น กิมจิถามออกมาก่อนใคร
“เมื่อกี้หวีว่าอะไรนะ เจอไอ้ชลิตกับดนัยแล้วเหรอ”
ดาหวันไม่ทันตอบอะไร อุ๊บอิ๊บก็ผลักกิมจิ บุญทิ้งออก แทรกตัวเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงดนัย
“นังชะนีพี่น้อง บอกมานะแกไปเจอพี่ดนัยที่ไหน พี่ดนัยเป็นยังไงบ้าง ฮ้า”

ดนัยกับชลิตถูกพาตัวเข้ามาในคุ้ม ซึ่งเป็นที่รับรองแขก ทั้งสองยังคงดิ้นรนและโวยวาย
“เฮ้ย ปล่อยฉัน ปล่อย! ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันจะไปหาหวีกับหวัน” ชลิตบอก
“เงียบได้แล้ว พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงวันอภิเษก” องครักษ์บอกเสียงเข้ม
“จะบ้าเหรอไง พวกเรายังไม่ได้ตกลงด้วยเลย” ดนัยโวยใส่
“ฉันไม่ยอมเสียพรหมจรรย์ง่ายๆ หรอกเว้ย” ชลิตก็ไม่ยอม
ชลิตกับดนัย พุ่งวิ่งออกไป แต่ทหารกรูเข้ามากันไว้ ชลิตกับดนัยร้องเสียหลงต้องหันกลับไป องครักษ์ชักดาบออกมาขู่อย่างเอาจริง
“ประกาศิตจากเจ้าแม่ ใครขัดขืน มันผู้นั้นก็ต้องตายสถานเดียว”
ดนัยกับชลิตชะงัก ชลิตรีบยกมือปราม ยิ้มประจบ
“เย้ย ใจเย็นๆ มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก็ได้นะจ๊ะ น้องสาว”
องครักษ์ทำท่าแกว่งไกวดาบเหมือนจะเอาจริง ชลิตยิ่งกลัวอยู่
“งั้นขอผมคุยกับเจ้าแม่ของคุณหน่อย” ดนัยขอร้อง
“ไม่มีอะไรจะต้องคุย เจ้าแม่ได้ตัดสินชีวิตของพวกเจ้าแล้ว เจ้าต้องเข้าพิธีอภิเษก หรือไม่งั้นก็ไม่ต้องมี
ชีวิตอยู่!” องรักษ์หันไปร้องสั่ง “นางกำนัล”
กลุ่มนางกำนัลปรี่เข้ามาหาดนัยกับชลิตอย่างรวดเร็วและพร้อมเพรียง
“พาแขกบ้านแขกเมืองไปรับรองอย่าให้ขาดตกบกพร่อง”
นางกำนัลรับคำพร้อมกัน “เจ้าค่ะ” แล้วหันไปทางดนัยกับชลิต “มาทางนี้ค่ะ”
แล้วกลุ่มนางกำนัลก็กรูกันเข้ามาแทบจะอุ้มดนัยกับชลิต ต่างแย่งกันพูดเอาใจเสียงแจ้วๆ แล้วประคองทั้งสองไป ดนัยกับชลิตหน้าตื่นๆ แต่ก็ไม่สามารถขัดขืนได้

ชายชาวชาลันคนหนึ่งถือคบไฟ และกำลังรายงานต่อวินยา ดาเนายืนอยู่ข้างๆ
“พวกข้าค้นจนแทบพลิกป่าแล้ว ยังไม่พบใครเลย นายน้อย”
วินยามีสีหน้ากังวลใจ “แน่ใจนะ ว่าหาดีแล้ว”
จังหวะนั้น สางโป กับ ทองอิน พร้อมด้วยชายชาวชาลันถือคบอีก 2 คน เดินเข้ามา
ดาเนามองเห็นก่อน “ลุงสางโป พี่ทองอิน มาแล้ว”
สางโป กับ ทองอินเข้ามา สีหน้าเคร่งขรึมดูหนักใจ วินยามีความหวังจางๆ ร้องถาม
“สางโป เจอพวกฉวีวรรณหรือเปล่า”
สางโป อึ้งไปส่ายหน้าก่อนเอ่ยออกมา
“วันนี้พวกเรางมน้ำตกกับเป็นสิบเที่ยว ค้นตามป่ารอบๆ ก็แล้ว แต่ก็ไม่มีร่องรอยอะไรเลย”
“น่าแปลก ถ้าตกน้ำตกจริงๆ มันก็ต้องมีร่องรอยอะไรบ้างแต่นี่...เหมือนหายตัวไปเฉยๆ” วินยาตั้งข้อสังเกตุ
“ดาเนาว่า พวกพี่ๆ ต้องเข้าไปอยู่ในเมืองลับแลแล้วล่ะ” จู่ๆ ดาเนาก็พูดออกมา
“เมืองลับแลอีกแล้วเหรอ?” ทองอินถามกลับเพราะไม่อยากเชื่อ
ดาเนาพยักหน้ารับพูดจริงจัง “ใช่แล้ว น้ำตกหลวงเป็นทางเข้าเมืองลับแลแน่ๆ”
ทองอินยิ่งอึ้ง วินยาตัดบทขึ้น
“เอาล่ะ ทุกคนกลับไปก่อน ฉันจะไปที่ผาพระจันทร์ สักหน่อย”
“จะไปทำอะไรหรือ วินยา มันมืดค่ำแล้วนะ” ทองอินเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงน่า พี่ทองอิน ป่าแถวนี้ ฉันหลับตาเดินยังได้ พาดาเนาล่วงหน้าไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป”
วินยาพูดจบก็หันเดินลิ่วไปเลย ไม่ฟังเสียงใคร
ดาเนากับสางโปร้องตาม
“พี่วินยา” / “นายน้อย”

วินยาเดินดุ่มเข้ามาแล้วทรุดลงคุกเข่าที่ริมผาพระจันทร์ พลางยกมือขึ้นประสาน อธิษฐานจิต
“ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ผาพระจันทร์แห่งนี้ ขอได้โปรดคุ้มครองเพื่อนๆ ข้า..และคนที่...” วินยาเว้นไปเหมือนไม่กล้าพูด แล้วค่อยว่าต่อ “คนที่...ข้ารัก ขอให้เขาปลอดภัย ขอให้เขากลับมา...”
วินยาพูดไม่ทันจบคำ มือของพาณิชย์ที่ถือปืนเข้ามาจ่อที่ด้านหลัง วินยาสะดุ้ง หน้าเผือดไป สีหน้าพาณิชย์ เวลานี้ดูโหดเหี้ยวและแสนเลว
“ลงนรกตามไอ้ดนัยไปเลยดีไหม จะได้ไม่ต้องมานั่งคร่ำครวญหามัน”
วินยาอึ้งไป แต่ยังไม่ยอมรับ “แก...พูดเรื่องบ้าอะไร”
ธนวัติหัวเราะก้อง แล้วเดินอ้อมมาหยุดตรงหน้าวินยา
“ไม่ต้องเอ่ยชื่อหรอก ฉันไม่ได้โง่ หึหึหึ” ธนวัติจ้องมองวินยาด้วยสายตาแทะโลม “ดอกไม้ป่าอย่างแก ไปหลงเสน่ห์ไอ้กระจอกดนัยได้ยังไง”
“ไอ้ชั่ว หุบปากเน่าๆของแกได้แล้ว” วินยาด่าธนวัติ
ธนวัติโมโห ตบหน้าวินยา ไปสองฉาดซ้อนฟุบไปทันที ธนวัติตามเข้าไปกระชากตัววินยา ผลักลงไปคร่อมร่าง กะปลุกปล้ำขืนใจวินยา ระบายแค้น
“ฉันจะทำให้แก ลืมไอ้ดนัยไปเลย”
วินยากริ๊ด พยายามดิ้นรนขัดขืน พาณิชย์ตามเข้ามาช่วย จับตัววินยาขึงไว้ ธนวัติหัวเราะหื่น ก้มลงไปกำลังจะปล้ำซุกไซ้
เลาซาเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ถีบพาณิชย์หงายหลัง จนปืนร่วง แล้วหันเตะปากธนวัติร่างกระเด็นออกไป วินยาลุกขึ้นเห็นเป็นเลาซาที่มาช่วยก็ตกใจ
“เลาซา!”
เลาซาหยิบปืนของพาณิชย์ขึ้นมายิงเปรี้ยงๆ พาณิชย์รีบหลบ ธนวัติควักปืนออกมาจะยิงเลาซา วินยาเห็นรีบหยิบก้อนหินข้างตัวปาใส่มือธนวัติจนปื่ร่วง ธนวัติร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด เลาซาหันไปยิงใส่ธนวัติ เปรี้ยงๆ ธนวัติ ก้มหลบทันพอดี
จังหวะนั้นเลาซาก็รีบคว้ามือวินยา แล้วพากันวิ่งหนีออกไปจากหน้าผาแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว พาณิชย์ตั้งตัวได้ลุกขึ้นมา
“พี่วัติ มันหนีไปแล้ว”
ธนวัติรีบหยิบปืนขึ้นมาถือ ด้วยความแค้นตะโกนลั่น
“ไอ้เลาซา! ไป ล่าตัวมันมาให้ได้”

ด้านเลาซาจูงมือวินยา วิ่งหนีไปตามป่าเขา โดยมีธนวัติ กับ พาณิชย์ไล่ยิงตามหลังมาไม่ห่างนัก เลาซาพาวินยาเข้ามาแอบหลบซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งลับตา
ธนวัติกับพาณิชย์วิ่งตามเข้ามา แล้วมองหาทั้งสองไม่เห็น วิ่งเลยไปอีกทางหนึ่ง เลาซามองตาม เห็นทั้งสองวายร้ายไปพ้นแล้วจึงเอ่ยขึ้น
“มันไปกันแล้ว”
วินยาโล่งใจ แล้วทั้งสองหันกลับมามอง เห็นมือเลาซายังจับกุมมือวินยาอยู่ ทั้งสองชะงักมองหน้ากันอึ้ง แล้ววินยารีบกระชากมือออกจากเลาซา
“หึ ไม่ต้องทำท่ารังเกียจข้า ขนาดนั้นหรอก”
“เจ้ามาช่วยข้าทำไม”
วินยาจ้องตา อยากรู้จริงๆ เลาซาอึ้งไป พร้อมกับหลบตา เหมือนมีความในใจ แต่กลับรีบพูดตัดบทกลบเกลื่อน
“เจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว รีบกลับไปเถอะ”
เลาซาขยับจะเดินไป แต่วินยามาขวางหน้าไว้
“มันจะมากไปแล้ว!”
“อะไรกันอีก” เลาซางง
“เจ้ามาช่วยข้าอีกทำไมล่ะ มันมากไปแล้วนะ” วินยาถามซ้ำ
“แล้วไง”
“ศัตรูคือศัตรู ไม่ต้องมาทำตัวเป็นมิตร แส่มาช่วยเหลือข้า”
วินยาควักมีดสั้นออกมายื่นให้เลาซา
“แทงข้าหนึ่งแผล ข้าไม่อยากติดหนี้บุญคุณเจ้า”
เลาซามองหน้าวินยาอย่างเจ็บปวดหัวใจ แล้วทำท่าเหมือนจะรับมีดไป แต่กลับจับมือวินยาบิดแขนจนวินยาร้องอย่างเจ็บปวด มีดร่วงหล่นจากมือ จังหวะนั้นเลาซาดึงวินยาเข้าไปกอดปะทะอก
“แผลบนร่างกายมันไม่เจ็บเท่าแผลที่หัวใจหรอก” วินยาพูดเป็นนัยๆ
“นี่เจ้า จะทำอะไร เป็นบ้าไปแล้วเหรอ”
วินยามองเลาซาอย่างหวาดหวั่น
“อยากให้ข้าลงโทษนักไม่ใช่เหรอ” เลาซาพูดพร้อมกับก้มลงมาใกล้ๆ “ข้าจะประทับตราบาปลงที่ปากของเจ้า”
เลาซาทำท่าจะจูบวินยา แต่วินยาดิ้นสุดแรงเกิด จนที่สุดก็กระชากตัวออกมาได้ แล้วตบเลาซาฉาด หนึ่งจนหน้าหัน วินยามองเลาซาอย่างเกลียดชังสุดๆ
“เลว! ข้าเกลียดเจ้า เกลียดที่สุดในชีวิต”
วินยาหันหน้าวิ่งหนีไป เลาซามองตามอย่างร้าวรานใจ ความอหังการหมดสิ้นไป ทรุดลงไปกับพื้นด้วยอาการอ่อนแรง พูดด้วยความปวดใจ

“ดีแล้วที่เจ้าเกลียดข้า ยิ่งเจ้าเกลียดเท่าไร ก็ยิ่งปลอดภัยต่อหัวใจข้าเท่านั้น”

ติดตามอ่านต่อ ตอนที่ 16




กำลังโหลดความคิดเห็น