xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อุ๊ย! “ทรงอย่างแบด” กองสลากพลัส DSI เรียกสอบโยงใยฟอกเงินทุนสีเทา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ซี้ดซ้าดกันทั้งเมืองเมื่อแจ๊กพอตแตกที่ “กองสลากพลัส” กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขยายผลสืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้กระทำความผิดเกี่ยวยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ โดยพุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือฟอกเงินให้แก๊งอาชญากรรม ซึ่งดีเอสไอพบหลักฐานโยงใยไปถึง “ผู้บริหารกองสลากพลัส” 

เป็นฉากต่อจากศึกดรามาระหว่าง “กองสลากพลัส” กับ “หงษ์ทอง” ประเด็น “รางวัลที่ 1 ทิพย์” ที่กำลังเมามันโพสต์บดขยี้กันในโลกโซเซียลอย่างออกรส และดูเหมือน “นอท กองสลากพลัส” มีแต้มต่อ “วี หงษ์ทอง” ฐิตาภา ธนทรัพย์ปรีชา ผู้บริหารหงษ์ทอง อยู่แท้ๆ เพราะรางวัลที่1 ทิพย์ เป็นเรื่องของแพลตฟอร์มหวยออนไลน์หงษ์ทอง ซึ่งนอทลั่นต้องตามล้างตามเช็ดเพราะทำให้วงการเสื่อมเสีย

แต่เพียงชั่วข้ามคืนกลับมีผู้เล่นหน้าใหม่ใหญ่จริงอย่างดีเอสไอที่มีแบ็กหนุนหลังระดับนายกรัฐมนตรีเข้ามาแทรก เปลี่ยนพล็อตไปเป็นอีกเรื่อง เรียกได้ว่าศึกยกใหม่ของ นอท กองสลากพลัส หนักหนาสาหัสไม่เบา

งานนี้ถึงแม้ “เศรษฐีหมื่นล้าน” ในวัย 42 ปี นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” ซีอีโอ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด จะปัดไม่มีเอี่ยวฟอกเงินทำสลากออนไลน์ แต่ดูทรงงานเข้าคราวนี้ “ใหญ่จริงนะวิ!” เพราะไม่รู้ว่า “นอท กองสลากพลัส” จะเป็นเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานเกมลับตามล้างทุนสีเทาที่เหล่าพี่น้องนักการเมืองระดับ “บิ๊ก” กำลังเล่นใหญ่เดิมพันอนาคตการเมืองกันหรือไม่?


อย่างที่รู้กันว่า ปฏิบัติการลงมีดต่อ นอท กองสลากพลัส คราวนี้ ดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการมาจาก “นายกฯ ลุง” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดังที่แถลงการณ์ของดีเอสไอระบุเอาไว้ โดยให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของเอกชน และขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินมีความผิดปกติหรือไม่ มีการเสียภาษีที่ถูกต้องหรือไม่?
ข้อสั่งการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนายพันธ์ธวัชคุยว่า สามารถสร้างรายได้ไต่ทะยานขึ้นเป็น “เศรษฐีหมื่นล้าน” ภายในชั่วเวลาแค่ 2 ปี หลังปั้นกองสลากพลัสติดลมบน และมักอัพรูปโปรไฟล์ชีวิตสุดเริ่ดอย่างอวดรูปคู่รถซูเปอร์คาร์ แม้ว่า นอทจะแจกแจงรายได้หมื่นล้านว่าเป็นมายังไง แต่ก็ยังคงชวนให้เคลือบแคลงสงสัย และกลายเป็นบุคคลเป้าหมายที่ดีเอสไอต้องเรียกมาสอบ

เอกสารข่าวของดีเอสไอเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ให้รายละเอียดเอาไว้ว่า นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกำกับดูแลศูนย์คดียาเสพติด สั่งการให้ นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติด ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้กระทำความผิดเกี่ยวยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ และอื่นๆ โดยมุ่งเน้นไปยังบุคคลที่ทำหน้าที่ในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือฟอกเงินให้กลุ่มอาชญากรรม ซึ่งศูนย์คดียาเสพติด ได้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ที่ 288/2565

จากการสอบสวนของดีเอสไอ พบกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ในการโอน รับโอน หรือแปรสภาพทรัพย์สินให้กับอาชญากรรมผิดกฎหมายหลายประเภท ด้วยการจัดหาบุคคลทั่วไปเปิดบัญชีธนาคารให้ (บัญชีม้า) จากนั้นจะทำการควบคุมบัญชีธนาคารดังกล่าวด้วยการเบิกถอนเงินสด แล้วนำไปส่งมอบให้กับกลุ่มอาชญากรที่ใช้บริการ โดยเรียกเก็บค่าบริการเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดเงินที่เบิกถอนได้ และมีบริการหลังการขายด้วย

การติดตามทวงเงินจากกลุ่มลูกค้า และยังพบพฤติการณ์ทำร้ายร่างกาย บังคับทรมานบุคคลที่แอบปิดบัญชีหรือเบิกถอนเงินจากบัญชีม้า และถ่ายคลิปส่งให้ลูกค้าที่ใช้บริการดูอยู่เป็นประจำ

ส่วนประเด็นที่โยงใยมาถึงผู้บริหารกองสลากพลัส อยู่ตรงที่เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2565 ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการรายสำคัญได้ จำนวน 1 ราย และออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการไว้ อีก 5 ราย จากการสอบสวนขยายผล พบว่า ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการดังกล่าวทำหน้าที่เบิกถอนเงินสดและนำไปเข้าบัญชีให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย โดยหนึ่งในผู้รับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้ คือ ผู้บริหารกิจการสลากกินแบ่งออนไลน์ “กองสลากพลัส” โดยปรากฎหลักฐานการรับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้จำนวนหลายสิบล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ออกหมายเรียกผู้บริหาร “กองสลากพลัส” เข้ามาชี้แจง ในวันที่ 13 ม.ค.66 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ

การสืบสาวคดีดังกล่าวของดีเอสไอ ยังจะมีอีกหลายชอตตามมา เพราะตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้นัดหารือกับหน่วยงานที่มีกฎหมายเฉพาะทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หน่วยงานด้านลิขสิทธิ์ กองบัญชาการสอบสวนกลาง ตำรวจกองปราบ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อเข้าตรวจสอบการดำเนินธุรกิจขายสลากผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ให้ครอบคลุมทุกประเด็นทั้งการดำเนินธุรกิจ ที่มาของแหล่งเงินทุน และการเสียภาษี

สำหรับชอตต่อไปในเรื่องการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมนั้น มีรายงานข่าวจากกรมสรรพากร แพลมออกมาแล้วว่า จะมีการเรียกเก็บภาษีจากกองสลากพลัสเพิ่มหลังจากยื่นเสียภาษีมาแล้ว 159 ล้านบาท โดยกรมสรรพากรประเมินว่า กองสลากพลัสต้องเสียภาษีประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนจะสรุปสุดท้ายเรียกเก็บเพิ่มขึ้นกี่มากน้อยต้องรอดูกันต่อไป

หลังชัดเจนว่า ดีเอสไอ เรียกผู้บริหารกองสลากพลัส เข้าให้ปากคำในวันที่ 13 ม.ค. นี้ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ โพสผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ยินดี เป็นการตรวจสอบตามเหตุต้องสงสัย เราพร้อมเข้าชี้แจง และขอปฎิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับขบวนการฟอกเงิน ขบวนการนี้อาจจะเอาเงินมาซื้อสลากกับเราเท่านั้น

นายพันธ์ธวัช ยังให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ช่อง 9 เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2566 กรณีสรรพากรเรียกสอบข้อมูลการเงินของบริษัท ปี 2564 ว่าจะเข้าให้ข้อมูลวันที่ 16 ม.ค. 2566 ซึ่งตั้งแต่ 5 พ.ค. 2565 ขายสลากฯ เกินราคา จะเสียภาษีและค่าปรับต่างๆ ประมาณ 159 ล้านบาท ส่วนกรณีดีเอสไอออกหมายเรียกแจงเหตุรับเงินจากขบวนการฟอกเงินหรือไม่นั้น ดีเอสไอเรียกในฐานะพยาน ซึ่งเงินที่รับมาจะมีการตีเช็คหรือผ่านระบบธนาคาร หรือมีคนเอาคนหิ้วเงินสดมาก็ต้องเป็นระบบเอาเข้าบัญชี

อย่างไรก็ดี นายพันธ์ธวัช ยืนยันรู้จัก “เอ็ดดี้” จริง แต่ไม่ได้รับเงินมาฟอกเงินเพื่อทำสลากออนไลน์ และพร้อมจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในวันที่ 13 ม.ค.นี้ ตามนัดหมาย

ทั้งนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับ “เอ็ดดี้” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำพนันออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามหาตัวอยู่ในขณะนี้

ความร่ำรวยของ นอท กองสลากพลัส และการใช้ชีวิตอย่างมีสีสันไม่ต่างไปจากเสื้อยืดและสูทสีแดงที่เขาใส่และกลายเป็นโลโก้ประจำตัว จุดประเด็นให้ผู้นำประเทศหันมาให้ความสนใจ เกิดขึ้นหลังจากที่ นอท ออกมาชี้แจงเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2565 กรณีทุ่มเงินเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 มูลค่า 67 ล้านบาท ที่ถูกสื่อแฉว่ามีกำไรเพียง 9.3 ล้านบาท แล้วเอาเงินมาจากไหนไปซื้อลิขสิทธิ์ฯ

“กำไร 9 ล้านคือปีที่แล้วครับ มันผ่านมาปีหนึ่งแล้ว คนเราก็ต้องเติบโตปะ ปีที่แล้วยอดขาย 1,000 ล้าน ปีนี้ยอดขาย 18,000 ล้าน อยากให้คำนวณเล่นๆ ดูครับ ส่วนเรื่องขายซ้ำหรือไม่ เชิญมานับสลากที่ออฟฟิศได้ตลอดเวลาครับ” นอท กองสลากพลัส ชี้แจงในทำนองท้าทาย

จากนั้น เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2565 “นายกฯ ลุง” ก็สั่งให้ตรวจสอบกองสลากพลัสทันควัน และต่อมาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2565 นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ออกมาตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงว่ามีหลายเรื่องที่บริษัทถูกตั้งข้อสังเกต ทั้งเรื่องการรวบรวมลอตเตอรี่ที่ซื้อมาจากผู้อื่นซึ่งการซื้อขายของตนนั้นอาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญาเรื่องขายยกเล่ม แต่ไม่ได้ผิดกฎหมายเพราะไม่ได้ซื้อกับเจ้าของโควต้า

ประเด็นต่อมาคือการบริหารเงินสำหรับการซื้อขายลอตเตอรี่ต่องวด จะใช้เงิน 1,200 ล้านบาท ในการซื้อสลาก โดยวันแรกจะได้ 6 ล้านใบ ตีเป็นเงิน 600 ล้านบาท พอขายได้ก็นำเงินมาหมุนเวียนซื้อขายกันไป ซึ่งแรกเริ่มที่เพิ่งเปิดบริษัทในปี 2563 นอทบอกว่ ซื้อได้ 2,285 ใบ ก่อนจะเพิ่มขึ้นจนต้องนำรถและบ้านไปจำนองเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนในบริษัท ก่อนมีหุ้นส่วนเข้ามาร่วมลงทุนจนเติบโตเช่นทุกวันนี้

ส่วนประเด็นที่นายทุนเดิมที่ถอนตัวออกเพราะหมดสัญญารายปีแล้ว และเขาขอเพิ่มดอกเบี้ยแต่ตนไม่ให้ เขาจึงไม่ต่อสัญญา โดยตนถือหุ้น 94% และหุ้นส่วนถืออีก 4%

สำหรับการเสียภาษี ครึ่งปี 2565 ที่ผ่านมา เสียภาษีไปแล้ว 9 ล้านกว่าบาท แต่มีผู้ตั้งข้อสังเกตเสียภาษีน้อยทั้งที่รายได้สูงถึง 1.8 หมื่นล้าน เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวเพิ่งมาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และเบื้องต้นคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 400 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2565 ในโลกโซเชียลฯ ได้แชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก "นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์" ซึ่งระบุว่า “มีนายทุนถอนทุนออกครับ ต้องการเงินทุน 200 ล้าน ปันผล 1.25% ต่อเดือน (15% ต่อปี) ปันผลทุกเดือนสัญญา 1 ปี” ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตตามมาโดยมีชาวเน็ตแห่คอมเมนท์จำนวนมาก ทำให้ “นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์” โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “มีประเด็นคอมเมนต์กันมากมายถึงเรื่องที่ผมโพสต์หานายทุน จำนวนเงิน 200 ล้านบาท มีคนคอมเมนต์แนวๆ ว่า ผมไม่ใช่เจ้าของตัวจริงหรือ? ไหนว่ามีหมื่นล้านทำไมต้องมาหาแค่ 200 ล้าน ประกาศหานายทุนบนเฟซบุ๊กเนี่ยนะ สงสัยนายทุนสีเทา นายทุนคือตู้ห่าวหรือเปล่า และอีกหลายๆ เรื่องที่สรรหาจะคอมเมนท์กันตามสติปัญญาของแต่ละคน”

นายพันธ์ธวัช แจงว่า ธุรกิจนี้เป็นของตนเอง 94% และเป็นของทีมงานอีก 6% ส่วนนายทุนทั้งหมดนั้นเป็นเพียงผู้ให้กู้ยืมเงินเท่านั้น เพียงแต่ว่าของตนเองกู้แบงก์ไม่ได้เพราะวงเงินมันสูงมาก บริษัทยังมีอายุเพียงสองปี และบริษัทไม่มีทรัพย์สินมาค้ำประกัน ตนเองเริ่มธุรกิจนี้ด้วยเงินเพียงไม่ถึง 2 ล้านบาทในตอนแรก หลังจากที่เริ่มขายลอตเตอรี่ได้ และเห็นว่ามันพอมีอนาคตก็เอารถ เอาบ้าน เอาคอนโดฯ ไปจำนอง, ขายฝากเพื่อมาทำธุรกิจ เพราะธุรกิจลอตเตอรี่เป็นธุรกิจเงินสด และกองสลากพลัสเราโตเร็วมาก เร็วจนตนเองก็ตั้งตัวไม่ทัน ....

ส่วนแหล่งเงินทุนตอนนี้เขาบอกว่าแบ่งออกเป็น 5 กอง คือ เงินส่วนตัว ที่ขายของได้กำไรก็เอามาโปะเข้าไปเรื่อยๆ, เงินทุนกลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มนักธุรกิจรุ่นน้อง อันนี้มี 4 สัญญา, เงินทุนจากนักธุรกิจที่ทำแบรนด์สินค้าออนไลน์ อันนี้อีก 3 สัญญา, เงินทุนจากการที่หาทุนผ่านเฟซบุ๊ก มีลูกค้าปล่อยกู้ราวๆ 7-8 ราย ส่วนที่โพสหาคนลงทุนเพิ่มเพราะกลุ่มรุ่นน้องกลุ่มแรกไม่ต่อสัญญา 1 สัญญา เพราะเขาเอาเงินไปลงทุนของเขาเอง

สำหรับที่บอกว่าโม้ว่าขายได้เป็นหมื่นล้าน ทำไมต้องมาหาเงินแค่นี้ หมื่นกว่าล้านมันคือ “ยอดขาย” ครับ เมื่อหักต้นทุน + ค่าใช้จ่ายแล้ว มันไม่ได้เหลือเยอะอะไร เดี๋ยวสิ้นปียื่นภาษีก็คงเห็นตัวเลขกัน

“ส่วนประเด็นที่ว่าเงินเทา ตู้ห่าว หรือเปล่านั้น ขอตอบว่าเงินที่ผมยืมมาจากนักธุรกิจของผมทุกคนก็ประกอบอาชีพสุจริต มีหน้ามีตาทางสังคม และเงินทุกบาทก็เป็นเงินที่ถูกนำเข้าระบบธนาคารตรวจสอบได้”

สุดท้ายที่จำเป็นต้องประกาศหาทุนเพิ่มก็เพราะเพิ่งชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม vat 7% ให้ลูกค้าไปประมาณ 190 ล้าน และนายทุนไม่ต่อสัญญาเงินกู้ ทั้งสองข้อทำให้กระแสเงินสดในบริษัทลดลงไปจนอาจจะได้รับผลกระทบ เลยต้องรีบหาทางแก้ไข

“เดี๋ยวอาจจะมีคนค่อนแคะว่า เห็นซื้อ Supercar ใช้เงินเป็นว่าเล่นทำไมต้องมาขอยืมคนอื่น ขอบอกว่าเงินส่วนตัว กับเงินบริษัท มันคนละส่วนกันครับ ชีวิตส่วนตัวผมแยกกับบริษัทโดยสิ้นเชิงและการที่ผมหายืมเงินครั้งนี้สาเหตุสำคัญจริงๆ ก็เพราะกองสลากพลัส กำลังจะก้าวใหญ่เพื่อเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ มั่นคง และยั่งยืนต่อไป ...”

สำหรับเส้นทางการทำธุรกิจของซีอีโอกองสลากพลัส ก่อนหน้านี้เคยเป็นเจ้าของเพจฟุตบอล “กูว่าแล้วมันต้องยิง” ที่มีคนติดตามหลักหลายแสนคน ก่อนจะมาเปิด “กองสลากพลัส” ขายลอตเตอรี่ออนไลน์ และ นอท พันธ์ธวัช เคยระบุผ่านเฟซบุ๊ก Not Panthawat ไว้ว่า เคยประกอบอาชีพแมสเซนเจอร์ เงินเดือน 7,200 บาท

สำนักข่าวอิศรา รายงานจากการตรวจสอบข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 9 ธ.ค. 2563 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการ ตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งปลีก/ส่ง บริการแลกรางวัลที่ตั้งเลขที่ 555/57 ซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร มีผู้เริ่มก่อการ 3 คน คือ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ นายฉัตรป้อง ฮุนนางกูร และนายวายุ นาควิสุทธิ์ โดยนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เป็นกรรมการและผู้ขอจดทะเบียน นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ถือ 49,000 หุ้น นายฉัตรป้อง ฮุนนางกูร และนายวายุ นาควิสุทธิ์ คนละ 500 หุ้น รวมทั้งสิ้น 50,000 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 100 บาท

27 ม.ค.2565 จดทะเบียนเปลี่ยนแปลง นายจตุภัทร บุญสุวรรณ์ (ภูมิลำเนา จ.ระยอง) เข้าเป็นกรรมการอีก 1 คน รวมเป็น 2 คน (ดูเอกสาร) ล่าสุด 24 มี.ค.2565 จดทะเบียน นายจตุภัทร บุญสุวรรณ์ ออกจากกรรมการ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เป็นกรรมการเพียงคนเดียว (ก่อนกรณีเจ้าหน้าที่บุกค้น บริษัท มังกรฟ้าฯ วันที่ 25 มี.ค. 2565 เพียง 1 วัน )

ผู้บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2564 นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ 44,000 หุ้น นายสุรชัช คล้ายคลึง 2,500 หุ้น นายจตุภัทร บุญสุวรรณ์ 1,500 หุ้น นายชัชวงศ์ ธรรมราภา นายศิริพร สุวรรณพิทักษ์ คนละ 1,000 หุ้น แจ้งผลประกอบการรอบปีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2563 งบดุล สินทรัพย์ 1,135,827.89 บาท หนี้สิน 23,012.67 บาท งบกำไรขาดทุน ไม่มีรายได้ ขาดทุนสุทธิ 137,184.78 บาท

ในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 1,193 ล้านบาท รายจ่ายรวม 1,181 ล้านบาท เมื่อหักภาษีเงินได้ 2,440,731 บาท ทำให้มีกำไร 9,369,116 บาท ส่วนในปี 2565 “นอท กองสลากพลัส” ระบุว่า มียอดขายรวม 18,000 ล้านบาท เบื้องต้นมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท

นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เป็นกรรมการบริษัทอื่นอีก 5 แห่ง ส่วนนายจตุภัทร บุญสุวรรณ์ เป็นกรรมการบริษัทอื่น 2 แห่ง

แม้ว่า “นอท กองสลากพลัส” จะพร่ำบอกถึงที่มาที่ไปของความอู้ฟู่ แต่เมื่อดีเอสไอลงมือเรียกสอบเรื่องนี้ก็มา “ทรงอย่างแบด” เรียกว่า งานเข้าเต็มๆ และต้องรอดูว่า “นอท” บอสใหญ่กองสลากพลัส จะรอดสันดอนข้อกล่าวหาโยงใยทุนสีเทาหรือไม่



กำลังโหลดความคิดเห็น