xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ไปแน่! แต่รอฤกษ์? 2 ลุงถึงคราวแยกกันเดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “พิจารณาอยู่” คำตอบสั้นๆ ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อคำถามที่ว่า สมัครเป็นสมาชิก “พรรครวมไทยสร้างชาติ” แล้วหรือไม่

ตามฤกษ์งามที่มีการกะเกณฑ์กันว่า วันที่ 21 พฤศจิกายน 65 หลังการเสร็จภารกิจเป็นเจ้าภาพประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 “นายกฯ ตู่” จะประกาศความชัดเจนทางการเมือง

อย่างไรก็ดี คำตอบสั้นๆ ของ “บิ๊กตู่” ข้างต้นนั้น แม้จะยังไม่ยืนยันการเข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ก็เป็นคำตอบเพียงพอกับการ “คอนเฟิร์ม” รายงานข่าวที่ว่า “น้องตู่” ได้เข้าพบและกราบลา “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ 5 จังหวัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พร้อมๆ กับที่มีรายงานว่า พลันที่พูดคุยกับ “นายกฯ ตู่” เสร็จ “หัวหน้าป้อม” งัดโทรศัพท์สายตรงถึง “แกนนำ” ทุกกลุ่มในพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเช็กอาการว่า “หากเกิดอะไรเปลี่ยนแปลงในพรรค จะยังอยู่ด้วยกันมั้ย”

มีคนสังเกตด้วยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ก็ไม่มีภาพสวีทของ “พี่น้อง 2 ป.” ทั้ง “น้องตู่” และ “พี่ป้อม” ให้เห็นเหมือนเคย เพราะ “รองฯ ประวิตร” ติดภารกิจเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ระหว่างวันที่ 22 -24 พฤศจิกายนที่ประเทศกัมพูชา

เป็นการไปปฏิบัติหน้าที่ต่างแดนตามที่ “นายกฯ ตู่” ในฐานะ รมว.กลาโหม มอบหมาย ซึ่งเป็นหมายที่ในทางการเมืองมองว่า “ไม่ปกติ”

สำทับด้วยท่าทีของแกนนำ-แกนตามใน “ค่ายพลังประชารัฐ” ที่แปร่งออกไปทันที ตั้งแต่ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ที่จู่ๆ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ผมคนจริงใจ จิตใจนักเลง เป็นนักรบ บาดเจ็บบ้าง เป็นเรื่องธรรมชาติ ขออย่าให้ใครมานินทา ว่าเอาแต่ได้ ถึงเวลาต้องแสดงความจริงใจ คนชลบุรี จิตใจ นักเลงจริง สมคำว่า นักเลงเมืองชล ลุงตู่ ปกป้องดูแล ผมมาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี จะทิ้งลุงตู่ไปคนเดียว ผมจะเอาหน้ากลับมาบ้าน ได้อย่างไร เสียชื่อ คนชลบุรี หมดสิครับ”

นับหนึ่งว่า “เสี่ยเฮ้ง” และทีมงาน พร้อมย้ายสำมะโนครัวตาม “บิ๊กตู่” ไปล่วงหน้าแล้ว

หรืออย่าง “เซียนนกรู้” อย่าง สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่เคยแค่นตอบมาตลอดว่า ยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ แต่มาสัปดาห์นี้กลับบอกว่า “เป็นเรื่องข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ จึงต้องว่ากันด้วยข้อมูลใหม่ จะไปพูดกันว่าเราชอบไม่ชอบ รักไม่รัก แล้วตัดสินใจไปร่วมหัวจมท้าย ทางการเมืองมันไม่ใช่อย่างนั้น มันเป็นเรื่องของข้อมูลและความเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นเข้ามาด้วย ขณะนี้ข้อมูลเปลี่ยนแปลงใหม่หมดแล้ว จึงต้องล้างเม็มโมรี (หน่วยความจำ) เก่าออกให้หมด และทำใจให้นิ่ง แล้วคิดต่อไปว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป”

จนต้องตีความไปต่างๆ นานาว่า “ข้อมูลใหม่” ที่ “สมศักดิ์” ว่านั้นหมายถึงอะไร จะเป็นเรื่องที่ “บิ๊กตู่” ตัดสินใจไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือจะเป็นความเคลื่อนไหวภายในพรรคพลังประชารัฐเอง

เพราะหลังเป็นที่แน่ชัดว่า “บิ๊กตู่” ขอแยกตัวไปสร้างดาวดวงใหม่ ในขณะที่ “บิ๊กป้อม” ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 นอกเหนือจากแกนนำ และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะไปร่วมต้อนรับตามปกติแล้ว ยังพบ “เด็กผู้กอง” ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ นำโดย “มือขวาผู้กอง” ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร, ทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา, เกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา, พรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร และ ภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก มาร่วมขบวนด้วย

ทั้งยังมีการสนทนาบางช่วงบางตอนที่บ่งบอกถึงการตัดสินใจทางการเมืองของทีมงานสาย “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจใหม่ และอดีตเลาธิการพรรคพลังประชารัฐ โดย “เสี่ยไผ่” พูดกับ “นายป้อม” ว่า “พวกผมนี่ พรรคอะไรก็ไม่รู้ แต่จะกลับมาอยู่พลังประชารัฐเหมือนเดิม จะมาช่วยลุงป้อม”

ขณะที่ “บิ๊กป้อม” ตอบกลับว่า “ถ้ากำแพงเพชรแบบนี้ ก็แฮปปี้ ชนะทั้งจังหวัด” พร้อมกับหันไปพูดกับ “เสี่ยต๋อง” วราเทพ รัตนากร แกนนำ จ.กำแพงเพชร ว่า “วราเทพฝากดูกำแพงเพชรด้วยนะ”

ตามคอนเซ็ปต์ “แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง” เมื่อ “บิ๊กตู่” ตัดสินใจตีจากพรรคพลังประชารัฐ ก็เปิดทางให้ “ก๊วนผู้กอง” ที่มีชื่อใน “บัญชีดำนายกฯ” สบโอกาสที่จะหวนกลับมาอยู่ใต้ร่มเงา “บิ๊กป้อม” อีกครั้ง

ในระหว่างที่ “บิ๊กป้อม” ติดพันภารกิจที่ จ.กำแพงเพชร ด้าน “บิ๊กตู่” ก็ขยับเพิ่มน้ำหนักการไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นอีกระดับ เมื่อออก “หมายด่วน” ถอดสูทลงพื้นที่เคหะคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ที่มี “ส.ส.โอ๋” ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นเจ้าของพื้นที่

เป็นเคหะคลองจั่น ที่ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่อีกหมวกเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เทียวไล้เทียวขื่อดูแลปัญหาข้อร้องเรียน ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ตามคำสั่งของนายกฯ บ่อยครั้ง

และเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 “พีระพันธุ์” ก็ได้รับลูกประชาชนชุมชนเคหะคลองจั่น ที่ลงชื่อ 2,278 รายชื่อคัดค้านการก่อสร้าง “โครงการมิกซ์ยูส” ของการเคหะแห่งชาติ ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมของชุมชน

การลงพื้นที่เคหะคลองจั่นของ “บิ๊กตู่” จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเป็นเซตอัพไว้เสร็จสรรพแล้ว โดยให้ “พีระพันธุ์” ทำหน้าที่ “เปิดหัว” แก้ข้อร้องเรียนชาวบ้าน แล้วให้ “บิ๊กตู่” ลงไป “ปิดงาน” นั่นเอง รับกับข่าวที่ว่า “ส.ส.โอ๋” ที่เนื้อหอมที่หลายพรรครุมจีบ ตัดสินใจย้ายไปสวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ยืนยันการตัดสินใจของ “บิ๊กตู่” ก็มาจากคำให้สัมภาษณ์ของ “สายันต์ ยุติธรรม” ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ที่ยอมรับว่า “ขณะนี้ ส.ส.ภายในพรรคกำลังอยู่บนทางสองแพร่งที่จะตัดสินใจทางการเมืองว่าจะอยู่กับ พล.อ.ประวิตร หรือจะไปร่วมงานการเมืองที่พรรครวมรวมไทยสร้างชาติกับ พล.อ.ประยุทธ์ … ในฐานะ ส.ส.ภาคใต้ ยอมรับว่ากระแสที่ทำให้ได้รับเลือกตั้งมาจากความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ หากท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรครทสช. ก็พร้อมที่จะติดตามไปร่วมงานด้วย”

ไม่เพียงแต่ “สายันต์” เท่านั้น เจ้าตัวยังตอบแทนกลุ่ม ส.ส.สงขลา 3 คน ก็พร้อมที่จะไปทำงานกับ “นายกฯ ตู่” ที่สังกัดใหม่

ว่ากันว่า หลัง “2 ลุง” เคลียร์ใจที่จะแยกกันสร้าง “ดาวคนละดวง” แล้ว ต่างฝ่ายต่างมีการขึ้นกระดานเช็กชื่อ ส.ส.ค่ายพลังประชารัฐว่า “ใครอยู่-ใครไป” กันแบบละเอียดยิบ

ฝ่าย “พล.อ.ประยุทธ์” ได้ “ก๊วนเสี่ยเฮ้ง” ที่มี รณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.ชลบุรี, ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา, สมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง และ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี บวกกับ “บ้านใหญ่เมืองกาญจน์” นำโดย “ทายาทกำนันเซี้ย” ทั้ง ธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ และ อัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี

ร่วมด้วยสาย “เมืองคนดุ” ส.ส.เพชรบุรี ที่ได้ สาธิต อุ๋ยตระกูล ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ และ ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทรปราการ ที่ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกับ “บ้านใหญ่ปากน้ำ” ของ “เสี่ยเอ๋” ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ที่ยังน่าจะอยู่กับ “ลุงป้อม” ที่พรรคพลังประชารัฐ

แล้วคาดว่าจะได้ “ก๊วน เสธ.หิ” ประกอบด้วย สัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์,สุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร และ มานัส อ่อนอ้าย ส.ส.พิษณุโลก ที่อยู่ในความดูแลของ “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ อดีตนายทหารคนดัง ที่เป็น “สายตรงตึกไทยฯ” ไปด้วย หลังจากที่มีคนสังเกตว่า 3 ส.ส.ก๊วน เสธ.หิ หายหน้าไม่ไปร่วมต้อนรับ “ลุงป้อม” ที่ จ.กำแพงเพชร ทั้งที่พื้นที่ติดกัน

นอกจากนี้ต้องรอดูท่าทีของก๊วนใหญ่ในค่ายพลังประชารัฐ ทั้ง กลุ่มสามมิตร ของ “สมศักดิ์” และ “เดอะซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, กลุ่มเมืองสิงห์ นำโดย “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้ง “เสี่ยมะขามหวาน” สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่มีแนวโน้มสูงว่าจะทิ้งบ้านเก่าไว้ข้างหลัง หาก “นายป้อม” เปิดบ้านให้ “ก๊วนผู้กอง” กลับมา

ขณะที่สายปักษ์ใต้ น่าจะไปได้แค่ “สายันต์” และ 3 ส.ส.สงขลา ส่วน ส.ส.ใต้ พรรคพลังประชารัฐอีก 10 ชีวิต ดูเหมือนจะตกรถ อดโหนกระแส “ลุงตู่” เพราะที่พรรครวมไทยสร้างชาติมีผู้จับจองที่นั่งผู้สมัครจนเต็มแล้ว ทั้ง ส.ส.เมืองคอน จ.นครศรีธรรมราช ที่มีสายแข็งอย่าง วิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกตัวล่วงหน้าเข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติมาระยะหนึ่งแล้ว

หลงเหลือไว้เพียง “นักเลือกตั้ง” ที่ไม่หวังอาศัย “กระแส” ของ “บิ๊กตู่” รวมกับ “ก๊วนผู้กอง” ที่หลงเหลืออยู่กับ “ลุงป้อม” ตามความจำเป็นที่ต้องใช้คาถากดวิญญาณไว้ที่ “ค่ายพลังประชารัฐ” ไม่ปล่อยให้ไปเต้มเสียงให้ฝ่ายตรงข้าม

เมื่อประเมินความเคลื่อนไหวของ “นักเลือกตั้ง” ในซีกรัฐบาลปัจจุบัน ที่พร้อมไปร่วมหัวจมท้ายกับ “นายกฯ ตู่” ก็จะส่งให้พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีขนาดใหญ่กว่าพรรคพลังประชารัฐในปัจจุบัน

ผนวกกับทีมงานสายใต้ จากพรรคประชาธิปัตย์ และบ้านใหญ่ด้ามขวานหลายจังหวัด ที่พรรครวมไทยสร้างชาติกวาดต้อนไว้ หลังปักหมุดเป็นหมายหลักในการกวาดที่นั่ง ส.ส. ตามคำประกาศ “หมดเวลาวัฒนธรรมเสาไฟฟ้า” ของ “หัวหน้าตุ๋ย” ที่ทำเอา “ค่ายสะตอ” ถึงกับสะดุ้งยกค่าย

 พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

 สุชาติ ชมกลิ่น


ทั้ง “เสี่ยลูกหมี” ชุมพล จุลใส ที่แม้จะต้องคดีชุมนุม กปปส. แต่ก็กว้างขวางใน จ.ชุมพร ผ่าน “ส.ส.ลูกช้าง” สุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร และ นพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร

ส่วนที่ “เมืองหอยใหญ่” ได้มือดีอย่าง “กำนันศักดิ์” พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี ผู้ที่แม้แต่ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ยังต้องหลบให้ เป็นเจ้าภาพหลัก เช่นเดียวกับ “บ้านใหญ่เมืองลุง” นำโดย “นายกพร” วิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง ที่รับหน้าเสื่อ

นอกจากนี้ยังจะได้ “บิ๊กเนม-ตัวสู้” และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมหอบผ้าผ่อนตาม “ดร.สามสี” ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกฯ มาอีกล็อต ทั้ง “เสี่ยไก่” จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, “แม่เลี้ยงติ๊ก” ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้กว้างขวางเมืองเหนือ, “เจ๊โอ๋” รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม, “เสธ.แก้ว” พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม และ “ส.ส.จ๋า” วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฏร์ธานี ทายาทชุมพล กาญจนะ เป็นต้น

สิริรวม ส.ส. และอดีต ส.ส.ในระดับ “เกรดเอ-บี” ที่ติดตาม “บิ๊กตู่” ไปปั้นพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มีมากกว่า 50-60 ชีวิต ตามเป้าหมายที่ต้องเป็นที่ 1 ในสายอนุรักษ์นิยม หรือขั้วรัฐบาลเก่า ที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 80-100 ที่นั่ง

หรือหากให้สมเกียรตินายกฯ สมัย 3 ก็ต้องปั้นให้ได้ไม่น้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐงวดนี้ หรือเกินกว่า 120 ที่นั่ง

โดยอาศัย “ต้นทุน” ของตัว “นายกฯ ตู่” ที่มีการพิเคราะห์ตามผลการสำรวจ “นิด้าโพล” ว่า มีคะแนนนิยมส่วนตัวอยู่พอสมควร โดยมีคะแนนนิยมที่เหนือกว่าพรรคพลังประชารัฐทั้งในภาพรวม และในทุกภูมิภาคที่มีการสำรวจแยกย่อย อาทิ ภาคอีสาน ที่ “นายกฯตู่” เป็นอันดับ 4 ที่ 9.85% ส่วน พรรคพลังประชารัฐ ได้รับเลือกเป็นอันดับ 5 ของพรรคการเมือง ด้วย 5.30% หรือใน กทม.ที่ “บิ๊กตู่” ได้รับเลือกมาเป็นที่ 2 ด้วย 15.20% แต่พรรคพลังประชารัฐมาเป็นที่ 3 ด้วย 9.50%

ชัดเจนที่สุดคงเป็นโพลคนที่ใช้ของ “ชาวปักษ์ใต้” ที่เลือก “ลุงตู่” มาเป็นที่ 1 ด้วย 23.94% แต่พรรคพลังประชารัฐ กลับมาเป็นอันดับ 3 ที่ 12.09% เท่านั้น

ทีมลุงตู่” จึงอ่านว่าหากมี “นั่งร้าน” ที่ดีกว่าพรรคพลังประชารัฐ ก็มีลุ้นที่จะไปต่อสมัยที่ 3 มากกว่ายังขลุกอยู่กับ “ค่ายลุงป้อม”

รวมทั้งมีข้อเสนอจากในพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการสร้างปัจจัยเพื่อให้เกิดความแตกต่าง ในระดับ “สปริงบอร์ด” ให้ “รวมไทยสร้างชาติ” โดดเด้งขึ้น โดยให้ “ลุงตู่” ปรับตัวไม่ให้ซ้ำรอยกับที่เคย “ลอยตัว” สมัยเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ

อย่างน้อยที่สุดต้องเข้าไปเป็นสมาชิกพรรค ประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัว รวมทั้งต้องมีตำแหน่งแห่งที่ แสดงให้เห็นเข้ามามีส่วนร่วมในพรรค ซึ่งไม่จำเป็นต้องนั่ง “หัวหน้าพรรค” ที่เชื่อว่า ไม่เหมาะกับคาแรกเตอร์ “บิ๊กตู่” เท่าไรนัก

แต่อาจเปิดเก้าอี้ประธานพรรค หรือประธานยุทธศาสตร์ เป็นตำแหน่งอุปโลกน์ขึ้ินมา เพื่อโชว์ภาพการมีส่วนร่วมกับพรรคมากกว่า

จับอาการ “นายกฯ ตู่” ก็ดูไม่รีบร้อนตัดสินใจ ออกไปในแนว “ดึงเชง” ไปเรื่อยๆ เพราะได้เปรยถึงหมุดหมายการทำงานของรัฐบาลไว้แล้วว่า ลากยาวจนเกือบสุดซอย ครบวาระวันที่ 23 มีนาคม 2566 แล้วใกล้ๆ ค่อยฉวยจังหวะยุบสภาในไทม์มิ่งที่ได้เปรียบที่สุด สานฝันเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งอีกครั้ง

ว่ากันว่า ฤกษ์ดีฤกษ์เดิม 21 พฤศจิกายน ก็กะว่าจะประกาศเปิดตัวโป้งป้างตามที่วางไว้ แต่เกิด “ข่าวรั่ว” ล่วงรู้ไปทั่วคุ้งทั่วแคว ทำเอาเจ้าตัวฉุนขาดไม่น้อย

มองอีกมุม ก็เป็นผลดี ได้ดึงจังหวะตามตำรา “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” เปิดทางให้ “รวมไทยสร้างชาติ” ที่ยังเป็นแบรนด์ใหม่ทางการเมือง ได้สร้างความจดจำในตลาดการเมืองอีกซักระยะ

รวมทั้งยังให้โอกาส “เสี่ยตุ๋ย-พีระพันธุ์” ได้ “ฉายแสง” สร้างเนื้อสร้างตัวให้ชื่อติดตลาด ในฐานะ “อะไหล่” เตรียมรับไม้ต่อในอนาคต ตามคิวที่ “บิ๊กตู่” อาจจะไปได้ไกลอีกแค่ราว 2 ปีเศษ หมดรอบเป็นนายกฯ ราวเดือนเมษายน 2568

ตามรูปการณ์ที่พรรครวมไทยสร้างชาติต้องมี “ตู่-ตุ๋ย” เป็น 2 แคนดิเดตนายกฯ ยืนพื้น ส่วนจะมีอีกรายมาเติมเต็มตามโควตากฎหมายก็ค่อยว่าใกล้ๆ วันส่งใบสมัคร

ส่วน “พรรคพี่ใหญ่” ดูทรงแล้วไม่ถึงกับขึ้นมาเป็นคู่เทียบ-คู่แข่ง ตามหน้าเสื่อที่เหลืออยู่ ได้เกิน 25 ที่นั่งเพื่อสิทธิ์เสนอชื่อนายกฯ ในที่ประชุมรัฐสภาก็เข้าขั้น “หืดจับ” เป้าหมายเลือกตั้งคงไม่ถึงขั้นดัน “ลุงป้อม” ขึ้นมาเป็นคู่ชิงนายกฯ เต็มที่ใส่ชื่อแคนดิเดตนายกฯ “พลังประชารัฐ” ให้กระชุ่มกระฉวยหัวใจก็พอ

ตามภารกิจแค่สะกด “นักเลือกตั้ง” ให้อยู่กับที่ ไม่เพ่นพ่านกระโดดข้ามฟาก

ประสา “พี่น้องร่วมสาบาน” กอดคอเดินร่วมกันมานานนม ถึงคราวต้องแยกทาง ก็มีอาการ “พ่อแง่แม่งอน” กันบ้าง แต่หากเลือกตั้งกลับมาได้ตั้งรัฐบาล อะไรๆ ก็ดีกันเหมือนเดิม

เอาว่า “พี่น้อง 2 ป.” แค่แยกกันเดินตามสถานการณ์ แต่ไม่แตกหักกัน

สรุปถึงตอนนี้ “ลุงตู่” ไปแน่แล้ว รอแค่ได้ฤกษ์ดีฤกษ์ใหม่ เปิดตัวชูเสื้อเข้าสังกัด “รวมไทยสร้างชาติ” อย่างเป็นทางการเท่านั้น.




กำลังโหลดความคิดเห็น