xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตของว่าที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง กับบทบาทของทักษิณผู้เป็นพ่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

นิด้าโพลสำรวจความนิยมผู้ว่าฯ กทม.แล้วพบว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์นำห่างมาตลอด แล้วจบลงด้วยผลเลือกตั้งที่ชัชชาติเอาชนะคู่แข่งอย่างขาดลอย ล่าสุดนิด้าโพลสำรวจรายไตรมาศถึงบุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่าคะแนนที่นำมาห่างคือ อันดับ 1 อุ๊งอิ๊ง พิณทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของทักษิณที่ได้รับความนิยมสูงถึง 25.28%

โดยคะแนนของอุ๊งอิ๊งพุ่งพรวดจากการสำรวจครั้งที่แล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่มีความนิยมเพียง 12.53%

ทั้งที่ก่อนหน้านี้สำรวจมากี่ครั้งอันดับ 1 ประชาชนจะตอบว่า ยังไม่มีคนที่เหมาะสมมาตลอด แสดงให้เห็นว่า วันนี้คนที่ตอบว่ายังหาคนเหมาะสมไม่ได้จำนวนหนึ่ง หันไปเลือกอุ๊งอิ๊งกัน ในขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นอันดับ 4 มีความนิยมเพียง 11.68 % ตามหลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ได้ความนิยมเป็นอันดับ 3 ที่ได้ 13.24% โดยยังมีคนจำนวน 16.68% ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้เหมือนเดิม

ผมคิดว่าคนสองขั้วการเมืองในสังคมไทยนั้นมีจุดยืนชัดเจนว่ามีฝักฝ่ายของตัวเองอยู่แล้ว โดยจะเลือกคนฝ่ายตัวเองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเหลืองหรือแดง ฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือฝ่ายอ้างตัวว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย คนสองกลุ่มนี้จะไม่สวิงโหวตอย่างเด็ดขาด ส่วนคนที่ตอบมาตลอดว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้นั้น “เป็นคนกลางๆ ทางการเมือง” ที่รอดูจังหวะและสถานการณ์เพื่อมองหาคนที่ตัวเองพอใจ

เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้เท่ากับว่า คนกลางๆ ทางการเมืองจำนวนหนึ่ง ตัดสินใจแล้วว่า จะเลือกอุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากความเบื่ออีกฝ่ายที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานและคนจำนวนไม่น้อยอยากจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และต้องการเปลี่ยนไปอีกขั้วการเมืองหนึ่งเลย เพราะเมื่อดูคนที่อยู่ในขั้วเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกลับมีความนิยมในนิด้าโพลที่ต่ำมาก

และในอันดับ 1 ถึง 5 ถ้าไม่นับอันดับสองที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใครแล้วทุกอันดับเป็นขั้วการเมืองเดียวกันหมด เพราะอันดับ 5 คือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

ถึงตรงนี้นอกจากพล.อ.ประยุทธ์แล้ว ฝั่งอนุรักษ์นิยมยังมองไม่เห็นเลยว่าจะมีใครที่จะขึ้นมาส่องแสงได้เลย

มันน่าจะเป็นสัญญาณว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะเสียอำนาจทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า และเป็นสัญญาณว่า การสืบสายเลือดทางการเมืองของตระกูลชินวัตรในการก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินไป

หากเราไปดูผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะพบว่าทั้งสองขั้วการเมืองจะมีฐานมวลชนที่ไม่ต่างกันนัก แต่เมื่อคนกลางๆ ทางการเมืองหันไปเลือกฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ฝั่งนั้นก็จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้งมาก

ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจต้อนรับว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่หากจะเป็นไปตามคาดเธอจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในวัย 37 ปี และแน่นอนว่า คนที่มีบทบาทอยู่ข้างหลังนายกรัฐมนตรีที่จะคอยสั่งการอยู่หลังม่านก็คือ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีผู้เป็นพ่อ

ถึงตอนนี้เชื่อได้ว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยก็คือ อุ๊งอิ๊งนี่แหละ เพราะทักษิณที่เป็นเจ้าของพรรคโดยพฤตินัยจะต้องผลักดันลูกสาวของตัวเองขึ้นมารับตำแหน่ง เพราะทักษิณย่อมจะวางใจลูกสาวของตัวเองมากกว่าคนอื่นและลูกสาวก็จะต้องเดินตามทางที่ตัวเองกำกับไว้โดยไม่บิดพลิ้ว โดยเดิมพันของทักษิณก็คือ การได้กลับสู่ประเทศไทย

และแม้ว่า เรายังมองไม่ออกเลยว่า ทักษิณจะกลับมาได้อย่างไร แต่การพูดของทักษิณหลายครั้งแสดงออกให้เห็นว่าเขามั่นใจว่าจะได้กลับประเทศไทยในเร็วๆนี้

นายสุธรรม แสงประทุม คนใกล้ชิดของทักษิณเคยถามว่า จะกลับประเทศไทยเมื่อไหร่ ทักษิณตอบว่า “พ.ศ.นี้แน่นอน”

และเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทักษิณกล่าวผ่านคลับเฮ้าส์ตอนหนึ่งว่า “ในปี 2565 ขอให้คนไทยใช้ความอดทนใน 1 ปีที่ผ่านมาเป็นจุดแข็งให้ท่านอดทนต่อไป ส่วนตัวอยากอวยพร แต่ไม่รู้อวยพรหรือเป็นการสาปแช่งคนที่ไม่ชอบหน้าผมหรือเปล่าเพราะจะขออวยพรให้ผมได้กลับบ้าน ให้ผมไปช่วยงาน เพราะส่วนตัว 1.อยากเลี้ยงหลานในเวลาที่เหลือ 2.ใครเป็นรัฐบาลก็ช่าง ถ้าอยากให้ช่วยคิดแก้ปัญหาให้ ผมพร้อมไม่คิดเงิน

3.จะรับจ้างบรรยายให้โอเลี้ยงแก้วหนึ่งก็พอ 4.จะไปชวนบรรดาเศรษฐีในเมืองไทย มาลงขันช่วยส่งเสริมสตาร์ทอัพเพราะวันนี้กลัวถูกกลืน มาลงขัน เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ให้มีไอเดียอะไรถ้าไม่ได้เรื่องให้ไปทำมาใหม่ ถ้าได้เรื่องได้ตัง และ ทำแอฟช่วยชาวบ้าน ให้แท็กซี่ ให้คนหางาน และช่วยเหลือโฮมสเตย์ ทำพวกนี้เล่นๆสนุกช่วยให้คนจนมีแฟตฟอร์มให้ยืน

ไม่ต้องห่วงคนที่ด่าผม ไม่ต้องกลัวหรอก ผมจะกลับไปอย่างสันติ ผมจะเปลี่ยนชื่อเป็นสันติก็ยังไงอยู่ แต่ให้รู้ว่า กลับไปไม่เป็นปัญหากับคนไทยแน่ แต่จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทย จะให้ไปชนกับผู้นำประเทศไหน เจรจาทางลับทำได้หมด ก็หวังว่าปีนี้ 65 ผมจะเป็นของขวัญให้คนไทย กลับไปรับใช้คนไทย ไปเมื่อไหร่ ช่วงไหนผมจะกระซิบน้องอิ้งคนเดี๋ยวจะเป็นคนบอก”

“ผมกลับไปเป็นเพื่อนตีกอล์ฟให้ประยุทธ์ด้วย”ทักษิณกล่าว

ความมั่นใจของทักษิณน่าจะมาจากการมองสถานการณ์การเมืองว่า กระแสของฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยกำลังมาแรง พร้อมกับความพยายามจะปลุกกระแสเพื่อเขย่าขวัญสังคมไทยว่า พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งได้รับการตอบสนองจากนิด้าโพลว่าสิ่งที่ทักษิณคาดหวังอาจจะเป็นฝ่ายความจริง ท่ามกลางความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ที่ตกต่ำลง

แต่นั่นหมายความว่า เป้าหมายของทักษิณและพันธมิตรจะต้องกวาดส.ส.ให้ได้มากกว่า 250 ที่นั่ง เพื่อกดดันให้ 250 ส.ว.ที่ยังมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีอีก 1 สมัยจะไม่กล้าบิดพลิ้วเพื่อตอบสนองคนที่ตั้งพวกตัวเองมา

ถามว่าหากฝ่ายของทักษิณกลับมาครองอำนาจจะมีความวุ่นวายตามมาไหม ผมคิดว่าคงต้องดูหลายปัจจัย

หากเรามองย้อนไปหลังชัยชนะของยิ่งลักษณ์ ยิ่งลักษณ์สามารถอยู่ในอำนาจได้เกือบ 3 ปี โดยไม่มีใครออกมาขับไล่ชุมนุม กระทั่งมีเหตุการณ์นิรโทษกรรมสุดซอยจนเป็นชนวนให้เกิดการชุมนุมจนนำมาสู่การรัฐประหาร หากไม่เช่นนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็คงจะอยู่ในไปจนจบสมัย ดังนั้นหากรัฐบาลของทักษิณกลับมามีอำนาจก็ต้องดูว่าจะสร้างเงื่อนไขให้อีกฝ่ายออกมาชุมนุมหรือไม่

หรือต้องดูว่า ทักษิณจะดึงพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ ถ้าก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคที่แสดงท่าทีชัดเจนว่าสนับสนุนการเคลื่อนไหวให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็อาจจะเป็นเงื่อนไขให้เกิดการต่อต้านจากฝ่ายที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ แต่เชื่อว่าทักษิณจะฉลาดพอที่จะไม่เอาพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับรัฐบาลของทักษิณหรือไม่นั้น คงต้องดูว่าใครเป็นหัวหน้าพรรค หากยังเป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็มีโอกาสมากที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคของทักษิณ แต่ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรคพลังประชารัฐให้พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นหัวหน้าพรรค การร่วมรัฐบาลกับทักษิณก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น
แต่ปัจจัยหนึ่งที่อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งตามมาก็คือ การปลุกระดมเสื้อแดงให้ฟื้นคืนมาของทักษิณที่ใช้ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อมาเป็นคนขับเคลื่อนในขณะที่ปัจจุบันสงครามสีเสื้อเริ่มจะเจือจางลง และณัฐวุฒิมีทัศนคติไปทางคนรุ่นใหม่ที่ออกมาท้าทายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเข้าใจว่า คงเป็นเพราะทักษิณต้องการดึงมวลชนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่หันไปสนับสนุนพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและมองว่าทักษิณนั้นสู้ไปกราบไป

ที่สำคัญต้องดูว่าทักษิณจะเข้ามามีบทบาทในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งแค่ไหนเพียงใด หากทักษิณต้องการกลับเมืองไทยด้วยเหตุผลที่เคยพูดไว้จริงว่า ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ก็อาจจะทำให้รัฐบาลอุ๊งอิ๊งเดินหน้าไปได้หากไม่ใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลแบบที่พ่อและอาเคยทำมา

แต่สุดท้ายจะมีใครเชื่อว่าคนอย่างทักษิณนั้นจะไม่เข้ามาแทรกแซงถ้าลูกสาวคนเล็กสามารถสืบสายเลือดทางการเมืองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้จริงๆ

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น