xs
xsm
sm
md
lg

ไม่ใช่ผีทักษิณหรอกที่น่ากลัว แต่การใช้อำนาจที่ฉ้อฉลนั่นต่างหาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

สังคมไทยนั้นไม่มีวันจะเหมือนเดิมอีกแล้ว ถ้าพูดถึงความเห็นทางการเมืองและอุดมการณ์ทางการเมืองแล้ว เรามีความเห็นที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน และต่างฝ่ายต่างมองว่า ฝ่ายของตัวเองเป็นฝ่ายถูกและฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายผิด ไม่เพียงแต่เท่านั้นต่างฝ่ายต่างมองว่า ความคิด ทัศนคติของฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง พูดง่ายๆ ว่า ต่างมองฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นคนชั่วคนเลวที่จะต้องทำลายล้างต่อกันให้สิ้นซาก


คนทั้งสองฝั่งต่างอยู่ในโลกของตัวเอง ปลุกปั่นอุดมการณ์และความเชื่อของตัวเองจนสุกงอมอยู่ในโลกที่เรียกว่า “ห้องแห่งเสียงสะท้อน” หรือ Echo chamber คือ มีการรับฟังเครื่องมือสื่อสารและการสื่อสารจากคนและฝั่งที่มีความคิดเดียวกับตัวเอง จนปิดกั้นการรับฟังข้อมูลจากอีกฝ่าย เกิดเป็นอคติและการปิดกั้นโลกของตัวเองให้รับข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว และมีความคิดที่ยึดมั่นกับตัวบุคคลสูง

หลายคนพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นไอโอของฝั่งตัวเองทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว

ในสภาพทางการเมืองที่ฝ่ายหนึ่งเรียกตัวเองว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” มันย่อมผลักให้ฝ่ายตรงข้ามพวกเขาเป็น “ฝ่ายไม่เอาประชาธิปไตย” หรือพวกนิยมเผด็จการก็ว่าได้ แต่ดูเหมือนที่พวกเขายึดโยงความเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไว้ได้ก็คือ รัฐบาลที่พวกเขานิยมนั้นมาจากการเลือกตั้งเท่านั้นเอง โดยไม่ได้สนใจว่า เมื่อได้อำนาจแล้วได้ใช้อำนาจอย่างเป็นธรรมหรือไม่

คนฝั่งหนึ่งเกลียดนักการเมืองที่ฉ้อฉลและใช้อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง คนอีกฝั่งหนึ่งมองว่า แม้นักการเมืองจะฉ้อฉลก็ยอมรับได้ ถ้าประชาชนก็ได้ประโยชน์ด้วย คนฝั่งหนึ่งเชื่อว่า ผู้มีอำนาจจะมาจากไหนก็ได้ ถ้ามีความสุจริตเป็นที่ตั้ง และยอมรับได้กับการรัฐประหาร คนอีกฝั่งหนึ่งมองว่า อำนาจเป็นของประชาชน ผู้มีอำนาจต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น แม้จะมีพฤติกรรมอย่างไรก็ตาม แต่ถ้ามาจากเลือกตั้งก็ย่อมชอบธรรมเสมอ และจะถูกตัดสินด้วยเสียงของประชาชนเท่านั้น

แน่นอนการเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งจะยึดมั่นกับคุณค่าของประชาธิปไตย ชัยชนะของรัฐบาลที่ซื้อเสียงซื้อตัวส.ส.ซื้อพรรคการเมืองนั้น ไม่ใช่ประชาธิปไตยแน่ๆ พรรคการเมืองที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่คนๆ เดียวก็ย่อมไม่ใช่พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแน่ๆ

สิบกว่าปีที่ผ่านมาความขัดแย้งได้พัฒนาจากเอาระบอบทักษิณกับไม่เอาระบอบทักษิณ เป็นฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายสนับสนุนเผด็จการ และพัฒนามาเป็นฝ่ายเอาระบอบกษัตริย์กับไม่เอาระบอบกษัตริย์ ดังที่เราเห็นการผลักดันดันหลังให้คนรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหวให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่แท้จริงมีเป้าหมายที่ซ่อนเร้นไปไกลกว่านั้น รวมไปถึงบางคนที่เรียกร้องระบอบสาธารณรัฐ

แน่นอนฝ่ายระบอบทักษิณ ฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายไม่เอาระบอบกษัตริย์ มีความเชื่อมโยงคาบเกี่ยวกัน แม้ไม่ใช่ทุกคนในฝ่ายระบอบทักษิณและฝ่ายประชาธิปไตยจะไม่เอาระบอบกษัตริย์ก็ตาม

มวลชนของทั้งสองฝ่ายแม้จะมีคนทุกชนชั้นอยู่ในนั้น แต่มวลชนของระบอบทักษิณส่วนใหญ่เป็นคนชั้นล่าง และแกนนำมวลชนของระบอบทักษิณใช้ความต่ำต้อยของมวลชนเป็นเครื่องมือในการปลุกปั่นให้เกิดความแบ่งแยกโดยใช้วาทกรรมไพร่มาเป็นเครื่องมือ เพื่อคั้นเอาความยากจนแสนเข็ญและการไม่มีโอกาสในสังคมของคนส่วนใหญ่เพื่อให้เกิดความเกลียดชังทางชนชั้น และปลูกฝังว่า อำนาจเก่าต้องการทำลายทักษิณ เพราะอิจฉาที่คนชนชั้นไพร่นั้นรักทักษิณเพราะทำให้พวกเขากินดีอยู่ดี ข้อกล่าวหาต่อทักษิณต่างๆนานานั้นไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นการใส่ร้ายเพื่อจะเอาผิดทักษิณ

แน่นอนวาทกรรมไพร่ที่ปลุกปั่นขึ้นมานั้นเพื่อกระทบไปยังชนชั้นนำอำนาจเก่าในสังคมไทยหรือเจ้านั่นเอง

จากระบอบทักษิณพัฒนามาเป็นฝ่ายประชาธิปไตยและเกิดขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์ในที่สุด ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ทั้งหมดมีความเชื่อมโยงและเกื้อหนุนกัน

แม้ไม่กี่วันก่อนทักษิณจะออกมาปรามคนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหวท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า เด็กเข้าใจผิดไปโทษสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งที่แท้จริงเป็นเพราะรัฐบาลไม่ดีแล้วก็ไม่เก่ง แท้จริงๆแล้วทักษิณเองก็เคยวิพากษ์วิจารณ์สถาบันในทางลับมาก่อนดังที่สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลเคยออกมาเปิดเผยหลายครั้ง รวมถึงทักษิณเองก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับหลายคนที่หลบหนีคดีมาตรา 112 ไปอยู่ในต่างแดน

แต่วันนี้ทักษิณพูดอย่างนี้ เพราะเขามีเดิมพันก็คือ การได้กลับมาประเทศไทย และผลักดันให้ลูกสาวของตัวเองได้กลับมามีอำนาจ

ทักษิณไม่พูดเลยว่า การออกมาเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวและเด็กๆ หลายคนนั้นมีความเชื่อมโยงกับใคร เพราะคนอย่างนี้ทักษิณนั้นไม่ใช่ไม่รู้หรอกว่ามีผู้ใหญ่คนไหนที่ดันหลังเด็กให้ออกมาเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางโดยที่ตัวเองก็ไม่กล้าบ้าง

ช่วงไม่กี่วันนี้มีการวิวาทะกันระหว่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และฝ่ายองครักษ์ของทักษิณหลายคน หลังอภิสิทธิ์เตือนว่า ถ้าตระกูลชินวัตรกลับมาแม้จะชนะเลือกตั้ง แต่ถ้าใช้อำนาจไม่ชอบธรรม ก็จะทำให้การรัฐประหารกลับมาอีก

จาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาตอบโต้ทันทีว่า การพูดอย่างนี้เป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตยและสนับสนุนเผด็จการและการรัฐประหาร ในหลักการประชาธิปไตย มีด้วยหรือที่หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีพฤติกรรมหรือการกระทำที่เป็นลักษณะของการเอื้อประโยชน์ให้ครอบครัว ให้พวกพ้องหรือไปทำอะไรที่ฝืนกับหลักธรรมาภิบาล หลักกฎหมาย อย่างที่ยกขึ้นมาแล้ว จะเป็นความถูกต้องชอบธรรมในการทำรัฐประหาร

แน่นอนจาตุรนต์ไม่ยอมรับการรัฐประหาร แม้ว่าการรัฐประหารจะเกิดขึ้นในสภาพที่บ้านเมืองกำลังไร้ทางออกและกลายเป็นรัฐล้มเหลว และเหตุผลที่แท้จริงที่ทหารใช้ในการยึดอำนาจก็คือ ฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยใช้กองกำลังติดอาวุธมาซุ่มยิงผู้ชุมนุมซึ่งเกิดขึ้นทุกครั้งกับม็อบที่ต่อต้านระบอบทักษิณ

แต่ในคำพูดนั้นจาตุรนต์ก็ไม่กล้าปฏิเสธหรอกว่า รัฐบาลของระบอบทักษิณนั้น มีพฤติกรรมหรือการกระทำที่เป็นลักษณะของการเอื้อประโยชน์ให้ครอบครัว ให้พวกพ้องหรือไปทำอะไรที่ฝืนกับหลักธรรมาภิบาล หลักกฎหมาย เพียงแต่จาตุรนต์บอกว่า ถึงจะมีพฤติกรรมเช่นนั้นก็ไม่ควรจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้น

ดังนั้นถ้าเราพูดกันในความหมายของระบอบประชาธิปไตย ทำไมจาตุรนต์จึงยอมรับรัฐบาลที่มีพฤติกรรมเช่นนั้นได้ ทำไมจาตุรนต์จึงไม่เคยแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐบาลอย่างที่ว่ามาเลย หรือว่าจาตุรนต์ไม่เชื่อว่ารัฐบาลของระบอบทักษิณก่อนที่จะถูกรัฐประหารจะมีพฤติกรรมแบบนั้น

จาตุรนต์น่าจะรู้ดีว่า ในพรรคเพื่อไทยนั้นอำนาจเด็ดขาดอยู่ที่ใคร ทำไมตัวเองซึ่งเล่นการเมืองมาตลอดชีวิตและเป็นความหวังของคนฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยจำนวนหนึ่งจึงไม่สามารถขึ้นมาเป็นใหญ่ได้แบบน้องสาวของทักษิณ และแบบที่ลูกสาวของทักษิณกำลังฉกฉวยไป นั่นเพราะไม่มีประชาธิปไตยในพรรคนี้ใช่ไหม

แล้วหากกระทั่งความเป็นประชาธิปไตยในพรรคยังไม่มีแล้วจะเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้อย่างไร ใช่ไหมว่าความหมายของ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ที่ยกมาเรียกขานตัวเองนั้นจึงเป็นเพียงการอวดอ้างมากกว่าความเป็นจริง

ต้องยอมรับว่าทักษิณนั้นเป็นคนที่มีบุญญาบารมีมาก แม้จะหลบหนีคดีไปต่างประเทศ แต่ยังมีคนจำนวนมากที่ชื่นชม จงรักภักดีต่อทักษิณ และพร้อมจะรับใช้ทักษิณด้วยชีวิต และแม้ทักษิณจะมีข้อครหาว่าใช้อำนาจมิชอบฉ้อฉลในอำนาจและทุจริตเชิงนโยบายเพื่อหาประโยชน์ให้วงศ์วานว่านเครือ เป็นเผด็จการรัฐสภาก็ตาม

แต่เอาเถอะแม้ว่าการส่งลูกสาวของทักษิณเพื่อเข้ามาสืบสายเลือดทางการเมือง เพื่อมุ่งหวังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ก็ไม่มีใครไปขัดขวางทักษิณหรอก เพราะทุกคนเขาก็ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน เพียงแต่เมื่อได้อำนาจแล้วที่เขาเตือนกันก็คือ จะใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลเช่นเดียวกับพ่อและอาอีกหรือไม่เท่านั้นเอง

เมื่อใครพูดถึงทักษิณ ฝ่ายที่สนับสนุนทักษิณก็มักจะกล่าวหาว่าอีกฝ่ายกลัว “ผีทักษิณ” ในความหมายว่า วันนี้ทักษิณจบไปแล้วไม่สามารถกลับมาหลอกหลอนผู้คนได้อีกแล้ว แต่ถามว่าความจริงเป็นอย่างนั้นไหม นับจากวันที่หลบหนีออกไปนอกประเทศจนถึงวันนี้ทักษิณหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองไหม

ไม่มีใครกลัวผีทักษิณหรอก แต่เขากลัวการใช้อำนาจที่ฉ้อฉลที่พิสูจน์แล้วทุกครั้งที่มีอำนาจนั่นเอง
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น