xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปัญหาการเมืองเรื่อง 3 ลุง…

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"โสภณ องค์การณ์"

สภาวะบ้านเมืองทุกวันนี้นอกจากข่าวเรื่อง โควิด-19 และน้ำท่วมหลายจังหวัดสร้างความทุกข์ยากให้กับประชาชนซ้ำเติมกับวิกฤตที่มีอยู่แล้ว ก็ยังมีคำถามที่ระงมทั้งเมืองก็คือ “ลุงป้อมกับลุงตู่แตกกันแล้วจริงหรือไม่”


คำถามเช่นนี้มีประโยชน์ต่อสาธารณะหรือไม่ ก็แล้วแต่การตีความ เพราะถ้าจะมองว่าถ้าทั้ง 3 ลุงยังรักสามัคคีกันอยู่และสืบทอดอำนาจไปต่อบ้านเมืองก็คงจะมีปัญหาเรื่องอนาคต เพราะที่เป็นมานั้นสภาวะย่ำแย่ตลอด

ถ้าเกิดความร้าวฉานก็จะมีทั้งผลดีและผลเสีย แต่ผลสุดท้ายบ้านเมืองก็จะไม่ดีขึ้น เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นคณะใหม่ที่มีความรู้ความสามารถน่าเชื่อถือเข้ามาบริหารและกอบกู้สภาวะที่ซบเซาตายซากด้านเศรษฐกิจอย่างเช่นปัจจุบัน

และการเลือกตั้งจะไม่ใช่ทางออกทางการเมืองและของประเทศถ้าได้นักเลือกตั้งหรือกลุ่มกุมอำนาจก๊วนเดิมเข้ามา

ดังนั้น ช่วงนี้จึงมีคำตอบหลากหลายอย่าง เช่นไม่จริงหรอกทั้ง 3 ลุงยังรักกันดีแต่เล่นกันหลายหน้า หรือแต่ละลุงแยกกันเล่นตามบทบาทที่ตกลงกันไว้และอีกคำตอบก็คือมีรอยร้าวกันอยู่ พร้อมกับมีคำถามต่อไปว่าจะประสานกันได้อีกหรือไม่

คำตอบอยู่ที่ว่าคนนั้นรู้มากหรือน้อยเพียงใดหรืออิงอยู่ข้างลุงคนไหน หรือเป็นกลุ่มที่ยังมองโลกสวยเชื่อว่า 3 ลุงนั้นอย่างไรก็ขาดกันไม่ได้อย่างที่คำยืนยันซึ่งมาจากทั้งลุงตู่และลุงป้อม

จะเป็นความสัมพันธ์ที่เป็น “ทั้งรักทั้งแค้น” และจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันต่อไปหรือไม่ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง

แต่ลุงป๊อกซึ่งเป็นหนึ่งในสมการของ 3 ลุงไม่เคยให้ความเห็นว่ายังดีกันหรือว่ายังแตกร้าว เพราะเป็นคนไม่ชอบพูดมากเก็บอาการได้สนิท แต่ก็เป็นที่เข้าใจว่าทั้ง 3 ลุงจะต้องสร้างภาพให้ดูดีไว้ก่อนว่ายังรักกันด้วยการแสดงออกเช่นการโอบกอดระหว่างลุงตู่กับลุงป้อม

เมื่อภาพการกอดดูเหมือนจะเป็นการแสดงออกฝ่ายเดียวและอยากจะทำให้เนียนแต่ดูไม่เนียนก็ยิ่งทำให้เกิดการคาดเดาต่างๆ นานาว่าเป็นการเล่นบทรักกันที่เวอร์และสร้างภาพแหกตาชาวบ้าน

จะเห็นได้ชัดว่าขณะที่ลุงตู่โอบลุงป้อมนั้นฝ่ายที่ถูกโอบแสดงอาการไม่ยินดียินร้าย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างชัดเจน ซึ่งถ้าจะแสดงสีหน้ายิ้มแย้มก็จะดูเหมือนเป็นการฝืนจนเกินไปทำให้ลุงป้อมวางสีหน้าเรียบเฉยเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ที่ปั่นป่วนในหัวอก

การที่ลุงป้อมและลุงตู่ปฏิเสธเรื่องความแตกร้าวยิ่งชวนให้มองว่ามี ปัญหาด้านความสัมพันธ์กันระดับหนึ่งเพราะความขัดแย้งในเรื่องของการแต่งตั้ง การปลดรัฐมนตรีหรือการมอบหมายหน้าที่การงานของรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ทำให้เกิดความไม่ราบรื่น เนื่องจากผลประโยชน์ที่เกี่ยวโยงกับลุงป้อมได้รับผลกระทบอย่างแรง

ยิ่งแยกกันเดินสายเยี่ยมประชาชนช่วงน้ำท่วมก็ทำให้มีข่าวความร้าวฉานถูกย้ำซ้ำซาก ซึ่งเห็นได้จากการจัดทีมนักเลือกตั้งให้เข้าฉากประกอบความสัมพันธ์ก็ยิ่งทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมชาติอย่างแรง

ล่าสุดมีข่าวว่านายทหารนอกราชการอยู่ในพรรคพลังประชารัฐจะแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่เพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจของลุงตู่อีกหนึ่งสมัยแถมยังคุยฟุ้งว่าจะดึงนักเลือกตั้งจากภาคใต้ไปได้ 10 กว่าราย ก็เท่ากับเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่ามีความพยายามแยกวงกันจริง

ถ้าจะอ้างว่าเป็นการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ย่อยเหมือนพรรคอื่นก็ทำให้ดูไม่เนียนเพราะสถานการณ์ต่างกันและองค์ประกอบไม่เหมือนกัน ทั้งความนิยมของรัฐบาลอยู่ในขั้นต่ำสุด โดยเฉพาะตัวลุงตู่เองความนิยมจากการสำรวจของนิด้าโพลมีไม่ถึง 20% ทำให้อนาคตของลุงตู่ดูวังเวงยิ่งนัก

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรทั้ง 3 ลุงได้แสดงเจตนาและความตั้งใจชัดเจนว่าต้องการอยู่ต่อในอำนาจให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้และเป็นไปได้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเครือข่ายพรรคพวกและบริวาร ดังนั้นการวางแนวทางการเมืองจึงดูคึกคักอย่างเปิดเผย

เมื่อเห็นสภาพการแยกวงด้วยการตั้งพรรคใหม่ก็แสดงให้เห็นระดับหนึ่งว่า ลุงตู่ไม่มีความมั่นใจว่าจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นคู่ชิงตำแหน่งนายกอีกหนึ่งสมัยเพราะยังมีความขัดแย้งกับผู้กองธรรมนัสจนดูยากที่จะคืนดีกันได้

คำถามมีต่อไปว่า ทำไมลุงตู่ยังดันทุรังที่จะอยู่สู้เพื่อหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งสมัยเพราะ 7 ปีกว่าที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอสำหรับการเสพอำนาจ คำตอบก็ง่ายเพราะอำนาจเป็นสิ่งที่ทำให้เสพติด ยิ่งคนที่ขี่หลังเสือด้วยแล้วย่อมตระหนักดีว่าการลงจากหลังเสือนั้นเสี่ยงต่อภัยซึ่งมีทั้งคาดได้และคาดไม่ถึง

ดังนั้นจากนี้ไปชาวบ้านจะได้เห็นความเคลื่อนไหวอย่างมากในกลุ่มนักเลือกตั้งซึ่งเฝ้ามองสถานการณ์ว่าตัวเองควรจะเลือกไปทิศทางใดและสังกัดกลุ่มไหนโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างลุงป้อมและลุงตู่

ขณะเดียวกันก็ต้องระวังตัวไม่ให้ประเจิดประเจ้อจนเกินไปเพราะถ้าเกิดทั้ง 3 ลุงยังดีกันและพร้อมจะก้าวไปด้วยกันเหมือนเดิมก็จะเป็นความผิดพลาดของนักเลือกตั้งที่จะต้องจ่ายในราคาแพง

ลุงตู่เองก็ยังมีปัญหาด้านกฎหมาย ซึ่งอาจจะนำไปสู่การร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความเมื่ออยู่ครบ 8 ปีแล้วว่าตัวเองยังมีสิทธิ์ที่จะอยู่ต่อไปได้อีกหรือไม่ ความเห็นของนักกฎหมายในประเด็นนี้ก็ยังมีความหลากหลายเท่ากับว่าลุงตู่มีเดิมพันหลายกองที่จะต้องเสี่ยง

การเมืองอาจจะเข้าสู่สภาวะน้ำเน่ากว่านี้ถ้าหลังการเลือกตั้งมีคู่ชิงเก้าอี้นายกฯ ระหว่างลุงป้อมกับลุงตู่ซึ่งจะต้องตัดสินกันด้วยปัจจัยสำคัญเช่นวุฒิสมาชิกและปัจจัยที่คนไม่ยอมรับก็คือ “กล้วย” นั่นเอง




กำลังโหลดความคิดเห็น