xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อทักษิณอยากกลับบ้าน และทางออกที่ยังพอมองเห็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

ต้องยอมรับว่าขบวนการลดทอนบทบาทและสถานะของพระมหากษัตริย์ไปจนถึงพวกต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมีการเคลื่อนไหวที่กว้างขวางขึ้น และกล้าส่งเสียงสะท้อนความคิดของตัวเองสู่สาธารณะมากขึ้น นับตั้งแต่การเคลื่อนไหวที่เปิดฉากมาของคนรุ่นใหม่ที่ไม่พอใจการยุบพรรคอนาคตใหม่ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ


แน่นอนนักวิชาการ ปัญญาชน สื่อมวลชน ที่เคยเป็นแนวร่วมของระบอบทักษิณ หรือคนแวดล้อมทักษิณต่างหันมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ และคนเสื้อแดงที่เคยร่วมชุมนุมกับระบอบทักษิณจำนวนไม่น้อยต่างกลายเป็นแนวร่วมของคนรุ่นใหม่ไปเสียสิ้น อาจเพราะความเคลื่อนไหวของม็อบนอกจากมีจุดมุ่งหมายไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ยังมุ่งไปที่การโค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์และต่อต้านรัฐประหารด้วย

การให้ท้ายคนรุ่นใหม่จึงเป็นการสนับสนุนให้มีการเคลื่อนไหวเพื่อก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไปโดยปริยาย

ทักษิณเองใช้ความระมัดระวังในการพูดถึงม็อบของคนรุ่นใหม่ ทำให้เห็นได้ว่า ทักษิณต้องการให้คนรุ่นใหม่เหล่านี้เป็นแนวร่วมในการโค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์ แต่พยายามหลีกเลี่ยงเมื่อพูดถึงการเคลื่อนไหวที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

เห็นได้ชัดว่า ความพยายามสวมบทบาทของโทนี่ในคลับเฮ้าส์ของทักษิณนั้น เพื่อต้องการดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นแนวร่วม คนที่เข้าไปฟังหลายคนโตไม่ทันในวันที่ทักษิณมีอำนาจและถูกขับไล่ พวกเขาจึงเคลิบเคลิ้มกับสิ่งที่ทักษิณพูด ทักษิณมักจะบอกว่า เรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง แต่อะไรที่พูดไม่ได้เขาจะไม่พูด

พูดง่ายว่า ทักษิณกำลังจะบอกว่าเขาไม่โกหกทุกเรื่องที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง แต่เขาพูดความจริงไม่หมดนั่นเอง

แม้ทักษิณจะพูดบ่อยครั้งว่าเขาวางมือการเมืองแล้ว และล่าสุดเมื่อช่วงต้นปีเคยบอกว่าอยากกลับเมืองไทยมาเลี้ยงหลาน แต่เราเห็นชัดว่าการเคลื่อนไหวของทักษิณถี่ยิบนั้น เพราะเขายังมีความมุ่งหมายทางการเมือง และชัดเจนว่า เขายังเป็นคนที่มีบทบาทและอิทธิพลในพรรคเพื่อไทยของเขา แน่นอนเขาต้องการให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลเพื่อถืออำนาจรัฐไว้ในมือ เพื่อที่เขาจะได้ใช้อำนาจสั่งการอยู่หลังม่านผ่านรัฐบาลของเขาเหมือนกับยุคสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์

แม้ทักษิณจะไม่เคยพูดถึงการที่ม็อบคนรุ่นใหม่กำลังก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ออกมาตรงๆ แต่ทักษิณเคยพูดถึงการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ว่า คนมารวมตัวกันสะท้อนความคิดเห็นเป็นสิ่งควรจะรับฟัง แต่อะไรทำได้ ไม่ได้ก็อธิบายกันไป เราบางทีก็ไม่ฟังเกินไป มันก็เกิดการต่อต้าน หรือฟังมากไปโดยที่ไม่มีเหตุมีผลก็ไม่ได้ ทุกอย่างมีเหตุมีผล ใครพูดอะไรลองมาฟังดู ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็อธิบายว่าไม่ถูกต้องที่เรียกร้องเช่นนี้มันไม่ได้

ทักษิณบอกว่า “ถ้ายังมีความขัดแย้งอยู่เรื่อยๆ เด็กมองไม่เห็นอนาคต วันนี้ไม่สามารถปกปิดได้ว่า มึงอย่ารู้เรื่องนี้สิวะ ไม่ได้หรอก เขารู้หมด เขาสามารถรู้ประวัติศาสตร์ รู้อนาคต รู้ปัจจุบัน จากการเข้ากูเกิล และอินเทอร์เน็ต วันนี้ผู้ใหญ่วันนี้ต้องอยู่บนโลกความจริง อยู่บนโลกที่อนาคตจะเปลี่ยนไป ต้องเข้าใจอนาคตไปทางไหน อย่าอยู่โลกอดีตมากนัก อดีตเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ไม่ใช่สิ่งที่หลงใหล เรียนรู้ได้ไม่ต้องหลงใหล”

นั่นเป็นการส่งสัญญาณของทักษิณหรือไม่ว่าข้อเรียกร้องของคนรุ่นใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ยากจะปฏิเสธได้

แม้ทักษิณเริ่มวิจารณ์รัฐบาลประยุทธ์มากขึ้น แต่เป้าหมายของเขาดูเหมือนจะอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเพียงคนเดียว มันชัดเจนว่าเขามีจุดมุ่งหมายทางการเมืองนั่นแหละ ไม่ใช่คนที่ไม่สนใจอำนาจทางการเมืองอยากกลับเมืองไทยมาเลี้ยงหลานอย่างที่พูดกัน ถ้ากลับมาได้ แม้ทักษิณจะติดเงื่อนไขที่อาจจะไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้ เขาก็ต้องยังมีบทบาทเหนือพรรคการเมืองของเขาได้ อย่าว่าอยู่ในประเทศเลยแม้ทุกวันนี้การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยก็ยังต้องฟังเสียงของทักษิณเสียก่อน

ทักษิณไม่ค่อยวิจารณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณมากนัก นอกจากครั้งหนึ่งที่ถูกถามในคลับเฮ้าส์ว่าทำไมตั้ง พล.อ.ประวิตรเป็น ผบ.ทบ. ทักษิณบอกว่า “มันเป็นความ ดูโหงวเฮ้งไม่เป็น หากฝึกดูโหงวเฮ้งหน่อย วันนั้นก็คงไม่ตั้ง ดูท่าทางก็เรียบร้อยดี คนนี้ โดนพล.อ.เปรมสั่งประจำ เหตุการณ์นัดแล้วไม่มาตามนัด ตอนนั้นเป็นผู้การกรมที่ปราจีน คนอื่นเขาไม่ออกสักคน แกนำมาคนเดียว เลยถูกจับได้ว่านำมาก็ถูกพล.อ.เปรม ประจำ ก็ให้เขาจากประจำ มาเป็นแม่ทัพภาค 1”

“เขากองเชียร์เยอะมาก มีนายวัฒนา เมืองสุข ซึ่งเป็นส.ส.ปราจีน ในขณะนั้น ก็มาเชียร์ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ก็มาเชียร์ ผมไม่ค่อยรู้จักเขา ก็รู้ว่าเป็นพี่ชายของรุ่นพี่ผม คือ พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รู้จักกันดี ก็เลยตั้ง”

แต่กระนั้นหลายคนเชื่อว่าสายสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับพล.อ.ประวิตรยังคงดีอยู่ โดยเฉพาะสะพานเชื่อมที่ชื่อ ธรรมนัส พรหมเผ่าขุนพลคู่กายของพล.อ.ประวิตร และน้องชายของเขาที่ทักษิณเอ่ยถึง

คนอย่างทักษิณก็ย่อมจะรู้ว่า นอกจากอำนาจรัฐแล้วอะไรที่จะทำให้เขาสามารถกลับมาเมืองไทยได้ การจับกับขั้วการเมืองฝ่ายไหนที่จะทำให้ฝันของเขาเป็นจริง

แต่อีกด้านเขารู้ว่าถ้าหากต้องการช่วงชิงอำนาจรัฐกลับมาในมือสิ่งที่เขาต้องการก็คือมวลชน วันนี้ทักษิณคงคิดว่า มวลชนที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยกำลังเข็มแข็ง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ แต่ทักษิณรู้ว่าคนรุ่นใหม่เหล่านี้ผูกผันกับพรรคของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจที่เป็นอันตรายต่อสถาบันมากกว่า ขณะเดียวกันมวลชนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นฐานเสียงของทักษิณกำลังเปลี่ยนไป เพราะเขาเชื่อว่าฝั่งของธนาธรนั้นสู้จริงมากกว่าในขณะที่ฝั่งของทักษิณนั้นสู้ไปกราบไป

ปัญหาของทักษิณอีกอย่างคือคดีความที่ยังคงค้างคาอีกหลายคดี และปัจจุบันพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มีสาระสำคัญคือ ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดีหรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และสามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้

ปัจจุบันนอกจากทักษิณจะมีคดีที่สิ้นสุดไปแล้ว ทักษิณยังมี 3 คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาฯ ประกอบด้วย 1.คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว ศาลออกหมายจับ 26 ก.ย. 2551 เพื่อติดตามตัวมาพิจารณาคดีนัดแรก ในขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่นๆศาลได้ตัดสินไปแล้ว คดีธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ 9 พันล้านบาทให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร ศาลออกหมายจับ 11 ต.ค. 2555 คดีออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ทำรัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท ศาลออกหมายจับ 15 ต.ค. 2551

รวมถึงคดีใหม่ล่าสุดคือ การสั่งซื้อเครื่องบินของการบินไทยที่ทักษิณกับพวกอนุมัติจัดซื้อเครื่องบินแบบ A 340 – 500 จำนวน 4 ลำ และ A 340 -600 จำนวน 6 ลำ ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างปี 2545-2547 รวม 10 ลำ มูลค่า 53,536 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทการบินไทยแบกภาระหนี้เป็นจำนวนมาก ที่ป.ป.ช.เพิ่งจะตั้งคณะไต่สวน

ดังนั้นการจะกลับบ้านของทักษิณเพื่อมาเลี้ยงหลานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เห็นได้ว่าต่อให้ได้อำนาจรัฐมาอย่างเดียวก็ยังไม่พอ เพราะทักษิณเคยพยายามมาแล้วตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์แต่สุดท้ายก็ต้องพังพินาศลงเพราะถูกประชาชนต่อต้านและถูกรัฐประหารในที่สุด

ทางออกของทักษิณก็คือ ต้องวางจุดยืนของพรรคเพื่อไทยให้ชัดเจนว่า สนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ ในขณะเดียวกันก็กลัวว่า หากไม่สามารถวางจุดยืนให้เหมาะสมแล้วมวลชนที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยก็อาจหันไปสนับสนุนพรรคของธนาธร

แต่สิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยคือ คนรอบตัวของทักษิณ สื่อวอยซ์ทีวีของพานทองแท้ล้วนแล้วแต่สนับสนุนม็อบของคนรุ่นใหม่ทั้งสิ้น รวมทั้งการเปิดเผยของแอมมี่ the bottom bluesว่า พรรคเพื่อไทยสนับสนุนเงินม็อบ

ดังนั้นการจะกลับมาของทักษิณไม่ใช่เรื่องง่าย เขาคงไม่ยอมกลับเข้ามาติดคุก แต่ต้องการสิ่งที่มากกว่านั้น คนอย่างทักษิณย่อมรู้ว่า มีทางไหนที่เขาจะกลับมาอย่างรอดคดีได้ เขาจะแสดงอย่างไรให้เห็นว่ายังยึดมั่นต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และทำให้ถูกใจคนรุ่นใหม่ไปด้วย

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan




กำลังโหลดความคิดเห็น