xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองร้อน เศรษฐกิจเหลว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า | นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์
"โสภณ องค์การณ์"

สถานการณ์เศรษฐกิจตายซากแทบไม่เห็นสัญญาณว่าจะฟื้นได้ ก่อนหน้านี้มีสถาบันต่างๆ ประเมินว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศจะติดลบ เพราะสภาวะซบเซาตายซากเรื้อรัง ถูกซ้ำเติมด้วยมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่หยุดชะงัก

เศรษฐกิจเอสเอ็มอี รากหญ้าซึ่งแทบไม่เหลือสายป่านไว้ยืดชีวิต นำไปสู่การขาดเงินทุน คนว่างงานหลายล้านคน ต่อเนื่องจากกลุ่มที่เรียนจบและตกค้างข้ามปี 
เสนาบดีผู้รับผิดขอบด้านเศรษฐกิจยังมองโลกในแง่ดีมาก วาดภาพให้ดูดีในช่วงไปร่วมรายการทอล์กเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งยังประกาศว่าจะมีมาตรการกระตุ้นอีก

ท่านพรรณาว่า “การส่งออก การลงทุน ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะโตเป็นบวกได้แต่อาจไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ในช่วงต้นปีว่าจะเติบโต 3-4 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากไทยยังต้องเผชิญหลุมดำรายได้ที่ขาดไปจากการท่องเที่ยว”
แทบทุกฝ่ายมองว่า “หลุมดำ” ที่ท่านอ้างถึงนั้นลึกจนไร้จุดจบ โอกาสที่จะได้นักท่องเที่ยวกลับมาเป็นสิบล้านคนเหมือนยุคเฟื่องฟูนั้น ยากที่จะเป็นไปได้ในเร็ววัน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก

ในบ้านเรามีคำปลอบใจว่าเราจะต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ ต้องยอมรับว่าเป็น “โรคประจำถิ่น” เท่ากับว่าเป็นการยอมรับแล้วว่ายากที่จะเอาชนะได้ เพราะมีการกลายพันธุ์ตลอด ทุกวันนี้สายพันธุ์เดลตายังสร้างปัญหาทั่วโลกก็ยังมีสายพันธุ์ “มิว” มาอีก
บ้านเราพร้อมรับได้ทุกสายพันธุ์เสียด้วย อีกไม่ช้าคงจะมาเยือนจนได้

จะร้ายแรงกว่าเดลตาหรือสายพันธุ์อื่นๆ มากน้อยอย่างไร ต้องให้วงการแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญประเมิน เพราะขณะนี้กำลังแผลงฤทธิ์ในสหรัฐ แม้จะยังไม่มากนัก

ท่านยังฟุ้งเรื่องแผนอีกว่า “ภาครัฐยังพร้อมที่จะเติมเงินลงไปสู่ระบบผ่านมาตรการอื่นๆ ที่รัฐบาลเตรียมไว้ซึ่งขณะนี้มีเงินราว 4 แสนล้านจาก พ.ร.ก.เงินกู้เดิม จึงขอให้มั่นใจว่ารัฐพร้อมสนับสนุนมาตรการด้านเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปได้”

ที่ผ่านมาก็อัดฉีดไปหลายแสนล้าน ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปหลายครกใหญ่ แต่ไม่มีอะไรให้เป็นเชิงบูรณาการ เพราะเป็นการอัดฉีดลดแลกแจกแถม ประชานิยม หวังผลทางการเมือง เอาใจประชาชน ล้วนๆ จะหล่นหายเป็นเบี้ยบ้ายรายทางไม่เท่าไหร่ก็ไม่รู้

หลายสถาบันในต่างประเทศต่างประเมินว่าไทยจะเป็นประเทศที่ฟื้นตัวช้าที่สุดในกลุ่มที่มีปัญหาการระบาดของโควิด-19 เราจะอยู่ในกลุ่มเดียวกับเพื่อนบ้านอาเซียน แต่ปัญหาของเราซับซ้อนกว่าเยอะ การเมืองก็มีปัญหาเรื้อรัง ขาดเสถียรภาพ

รวมความแล้ว เรามีทั้งวิกฤติจากโควิด-19 ยอดติดเชื้อรายวันขึ้นลงระดับว่าหมื่นราย แสดงให้เห็นอาการเรื้อรัง แม้จะมีการฉีดวัคซีนมากแล้วก็ตาม ว่าไปทำไมมี ประเทศที่ฉีดวัคซีนเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ยังเผชิญกับการระบาดรอบใหม่ มีเข็ม 3 ทั้งนั้น

ความพยายามที่จะอยู่กับโควิด-19 ให้ดูเป็นโรคประจำถิ่น เป็นการหลอกตัวเอง เพราะนี่เป็น “โรคระบาดทั่วโลก” เป็น pandemic ดังนั้นจะมองให้ดูเป็นโรคกระจอกไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เราเป็นดาราทอง ตัวอย่างโดดเด่นของโลกในการรับมือ

ทุกวันนี้เป็นไง จาก 2 หมื่นกว่าราย อันดับกว่าร้อยในช่วงเมษายนปีนี้ เรามาถึงอันดับที่ 29 ของโลก และตัวเลขผู้ติดเชื้อ 1.3 กว่าล้านราย ไม่ธรรมดาสำหรับความล้มเหลวที่ยังไม่มีใครกล้าแอ่นอกรับผิดชอบ ยังทำเป็นอ้างว่าพยายามทำเต็มที่

ผู้นำรัฐบาลยังมีแก่ใจแต่งเพลง “สู้เพื่อแผ่นดิน” ทั้งที่ในความเป็นจริงตัวเองนั่นแหละเป็นตัวปัญหา ไม่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในกลุ่มเสนาบดีที่โดนขึงพืดประจาน 4 วัน 4 คืนในสภา ด้วยข้อกล่าวสารพัดโยงเรื่องความชั่วร้ายทางการเมือง การบริหาร

จริงอยู่ ทุกประเทศมีปัญหาเรื่องโควิด-19 แต่จะมีสักกี่ประเทศที่ทำการโดยประมาทร้ายแรง จนมีคลัสเตอร์ การระบาดซ้ำซาก ตัวเลขทุกวันนี้ฟ้องอยู่เห็นชัด

จะอัดฉีดอย่างไร ก็คงไร้ผล เงิน 4 แสนล้านบาทคงหายวับอีกเช่นเคย นักลงทุน นักท่องเที่ยวที่ไหนอยากจะมาประเทศที่มีประกาศสภาวะฉุกเฉิน ม็อบตีกับตำรวจ ปาประทัดยักษ์ ยิงพลุทุกค่ำ คนต่างชาติต้องมองว่าประเทศไทยมีมิคสัญญีหรืออย่างไร

นอกจากปัญหาสารพัดแล้ว เรื่องทุจริต คอร์รัปชั่น น้อยหน้าใครที่ไหน ติดอันดับโลกในประเภทอภิมหาคอร์รัปชั่น กระบวนการยุติธรรม ระบบนิติรัฐ นิติธรรม จนกลายเป็นรัฐล้มเหลวโดยพฤตินัยไปแล้ว จากคดีอาญาต่างๆ ที่มีแต่เล่นปาหี่ผสมลิเก

รัฐบาลก็ขาดความน่าเชื่อถือ ทุกวันนี้อยู่ไปก็เป็นรัฐบาล “เป็ดง่อย” หัวหน้ารัฐบาลได้รับความไว้วางใจน้อยกว่ารัฐมนตรีหน้าใหม่ ไม่สิ้นเกียรติภูมิครั้งนี้ จะเป็นครั้งไหนอีก

ซ้ำร้ายมีแรงกระเพื่อมใน ครม. เมื่อผู้กองธรรมนัส รัฐมนตรีช่วยเกษตร ลาออกจากตำแหน่ง บ้างก็ว่า ถูก “นายกฯ ลุงตู่ปลด” เพราะปัญหากินใจจนยากที่จะประสานรอยร้าวกันได้ และแม่นางป่ารอยต่อก็โดนเด้งตามไปด้วย จะมีผลกระทบมากน้อยอย่างไรทางการเมืองต้องรอดู

การที่ผู้กองชิงลาออกก่อนถูกปลดถือว่าเป็นการตัดหน้าชิงจังหวะ ยังคงเหลือเก้าอี้เลขาธิการพรรค แต่จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ หรือจนถึงเลือกตั้งกรรมการพรรคครั้งต่อไป ก็ต้องรอดู แต่งานนี้เป็นการเขย่าบารมี 3 ลุงโดยแท้ เพราะไม่มีฐานเสียงการเมืองแท้จริง

การลาออกของผู้กองธรรมนัสไปสู่การคาดการณ์ว่าอนาคตจะโผกลับสู่รังเดิมหรืออย่างไร พรรคแกนนำรัฐบาลจำเป็นต้องหาพ่อบ้านใหม่ คณะ 3 ลุงน่าจะเผชิญกับพิษการเมืองในช่วงที่อยู่ขาลง ความนิยมไม่เหลือ ผู้คนก่นด่าเพราะความล้มเหลว

การเมืองก็ร้อน เศรษฐกิจก็เหลว ภาพลักษณ์ก็เลว ยังจะมีอะไรเหลือให้ประชาชาเชื่อถือ เชื่อมั่น ทุกวันนี้ยังอยู่ร่วมกันได้เพราะยังมีช่องทางกอบโกยก่อนเฮือกสุดท้ายเท่านั้น




กำลังโหลดความคิดเห็น