xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กเหลี่ยม”กลับมาหวังสอย“บิ๊กตู่”!(ตอนสิบ) “ตู่-เหลี่ยม”คู่แค้นทางการเมือง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”


“คงเป็นเรื่องที่ดีหากคุณประสบความสำเร็จได้ โดยที่คุณไม่ใส่ใจว่า ใครจะได้เครดิตนั้นไป”

นั่นเป็นคำพูดของประธานาธิบดี“แฮรี่ เอส ทรูแมน” ที่แสดงความใจกว้าง มีเป้าหมายหลักมุ่งสู่“ชัยชนะ” ขณะกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงการพัฒนาระเบิดปรมาณูของอเมริกา เพราะเขาต้องรับช่วงภารกิจตำแหน่งผู้นำประเทศ หลังการอสัญกรรมของประธานาธิบดี“แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์” ในปี 1945 ก่อนที่ฝ่ายพันธมิตรซึ่งมีอเมริการ่วมด้วย จะยุติสงครามโลกลงได้

สงครามใหญ่น้อยที่รบพุ่งกันทุกแห่งทั่วโลก “ชัยชนะ”ล้วนเกิดจากความสามารถที่เหนือกว่า ทั้งสมองกับความกล้าหาญของ“มนุษย์”เป็นหลัก ส่วน“อาวุธทันสมัย”ที่เหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม ทำให้ได้เปรียบและมีโอกาสชนะสูง ดังเช่น “มะกันถล่มปรมาณูใส่ญี่ปุ่น”ในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนญี่ปุ่นต้องยกธงขาวยอมแพ้
แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้“ผู้ได้เปรียบกว่า” ต้องพ่ายแพ้สงคราม ให้กับฝ่าย“ผู้เสียเปรียบ”ก็เป็นได้นะ ดังเช่น นักล่าอาณานิคมอย่าง“กองทัพฝรั่งเศส” ที่มีอาวุธทันสมัย ได้เข้าไปยึดดินแดนของเวียดนาม ทว่าต้องพ่ายแพ้ต่อนักรบเวียดนาม ในสนามรบ“เดียนเบียนฟู” จน“ทหารฝรั่งเศส”ต้องเผ่นหนีป่าราบ..

ต่อมา..“กองทัพมะกัน”ที่มีอาวุธทันสมัยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า“กองทัพฝรั่งเศส” ได้เข้าไป“สวมตอ” ยึดครองเวียดนามแทนที่“ฝรั่งเศส” เหลือเชื่อไหมล่ะ..“กองทัพเวียดนาม”ที่แสนยานุภาพเทียบกันไม่ได้เลย แต่ด้วยนักรบเวียดนามสู้ด้วยใจ เพื่อเอกราชของชาติ และรบอย่างกล้าหาญด้วย“สงครามจรยุทธ์” ขณะที่มะกันสู้ด้วย“สงครามแบบแผน” กองทัพ“ชาติมหาเศรษฐีมะกัน” คิดจะใช้แสนยานุภาพอันยิ่งใหญ่ เข้ารุกรานหวังจะยึดครองชาติเล็กๆอย่างเวียดนาม

นั่นทำให้“กลุ่มทุนใหญ่ยักษ์มะกัน" ที่ค้าอาวุธและทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ร่ำรวยเงินทองอย่างมากมายมหาศาล ขณะที่“เยาวชนมะกัน”ที่ถูกเกณฑ์เป็นทหาร ต้องจากบ้านเดินทางไกลไปบาดเจ็บล้มตายนับแสนๆคน ในสงครามไม่เป็นธรรม จนเกิดการประท้วงทั่วประเทศของ“เยาวชนมะกัน” ไม่ยอมเข้ารับการเกณฑ์ทหาร อีกทั้งมีการชุมนุมเดินขบวนของชาวอเมริกันทั้งชาติ ประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม จนในที่สุดรัฐบาลมะกันก็ต้องประกาศ“ยกธงขาวยอมแพ้” ต่อชาวเวียดนามอย่างไม่เป็นท่า..

ครั้งนั้น..ภาพข่าวที่เผยแพร่ออกไปทั่วโลก ได้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพ“กองทัพมะกัน” อันทันสมัยยิ่งใหญ่เกรียงไกร ต้องทิ้งอาวุธ ขนกำลังทหารที่เหลือทั้งหมด เผ่นหนีออกจากเวียดนามอย่างอลหม่าน

นั่นเป็นบทเรียนอันชอบธรรมของ “กองทัพจิ๋วแต่แจ๋ว” อันกล้าหาญของเวียดนาม ได้พิชิตสยบ“กองทัพใหญ่ยักษ์”ของมะกันผู้รุกรานลงได้..

อืม..ร่ายยาวถึงสงครามสำคัญในโลก เพื่อจะบอกท่านผู้อ่านได้ติดตามว่า “สงครามโรค”ของ“โควิด-19” ที่กำลังระบาดรุนแรง เข่นฆ่า“มนุษยชาติ”อย่างมากมายทั่วโลกอยู่ในขณะนี้นั้น กำลังพิสูจน์ความสามารถของ“มนุษย์”ครั้งสำคัญ ทั้งในแต่ละชาติและทั่วโลกว่า “มนุษย์”ยุคดิจิตอลจะมีความสามารถ ในการหยุดยั้งยุติการระบาดของ“โควิด-19” ที่กำลังทั้งแพร่และกลายพันธุ์ได้เร็วและมีประสิทธิภาพแค่ไหน..?

เฉพาะในวันที่ 14 กรกฏาคม 2564 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อ“โควิด-19”ถึง 188,579,613 คน รักษาตัวหายแล้ว 172,406,277 คน มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้น 510,140 คน และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 4,065,306 ราย

คราวนี้มาดู 10 ประเทศที่ติดเชื้อสูงสุด

สหรัฐอเมริกา-อันดับ 1 มีผู้ติดเชื้อ 34,807,813 คน เสียชีวิต 623,435 คน อินเดีย-อันดับ 2 มีผู้ติดเชื้อ 30,944,949 คน เสียชีวิต 411,439 คน บราซิล-อันดับ 3 มีผู้ติดเชื้อ 19,152,065 คน เสียชีวิต 535,924 คน รัสเซีย-อันดับ 4 มีผู้ติดเชื้อ 5,833,175 คน เสียชีวิต 144,492 คน ฝรั่งเศส-อันดับ 5 มีผู้ติดเชื้อ 5,820,849 คน เสียชีวิต 111,407 คน ตุรกี-อันดับ 6 มีผู้ติดเชื้อ 5,493,244 คน เสียชีวิต 50,324 คน อังกฤษ-อันดับ 7 มีผู้ติดเชื้อ 5,191,459 คน เสียชีวิต 128,481 คน อาร์เจนตินา-อันดับ 8 มีผู้ติดเชื้อ 4,682,960 คน เสียชีวิต 99,640 คน โคลอมเบีย-อันดับ 9 มีผู้ติดเชื้อ 4,548,142 คน เสียชีวิต 113,839 คน อิตาลี-อันดับ 10 มีผู้ติดเชื้อ 4,237,693 คน เสียชีวิต 127,808 คน

ส่วน“ไทย”ติดอันดับ 60 ของโลก ได้รายงานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อ“โควิด-19”เพิ่ม 9,186 คน เสียชีวิต 98 คน รวมมีผู้ติดเชื้อสะสม 343,352 คน เสียชีวิต 2,847 คน!

ท่ามกลางกระแสการระบาดอย่างรุนแรงของ“โควิด-19” ผนวกกับเศรษฐกิจไทยที่ตกต่ำแบบดิ่งเหว จนคนทั้งชาติต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส กับการทำมาหากิน สนามการเมืองไทยกลับยังคงต่อสู้แย่งอำนาจกันอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง เพื่อหวังใน“อำนาจ-เงินทอง-ผลประโยชน์” ให้“ตัวเอง”กับ“พวกพ้อง” ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนน้อย โดยไม่แยแสสนใจแม้แต่น้อยว่า จะก่อความเสียหายใหญ่หลวงต่อชาติกับประชาชนคนส่วนใหญ่

ด้วยระบอบการเมืองประชาธิปไตยเลือกตั้งจอมปลอม ที่ซื้อเสียงและโกงกันได้อย่างเอิกเกริก ของทุนสามานย์ที่สกปรกโสมม ซึ่งเป็นทั้ง“จุดอ่อน”กับ“ช่องทาง” ของ“กลุ่มนักธุรกิจ”กับ“นักการเมือง” ทุ่มเงินมหาศาล เข้ามายึดอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรกับทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะได้ตั้ง“นายกรัฐมนตรี-ครม.” รวมทั้ง“องค์กรอิสระ”และ“องค์กรตรวจสอบ” ฯลฯ

ทำให้“นักการเมือง”กับ“องค์กรอิสระ”ของชาติ ไร้คุณภาพด้อยคุณธรรม ในการทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต ส่งผลให้การเมืองไทยถอยหลังลงคลอง เกิดการคอร์รัปชั่นโกงชาติไปทุกหย่อมหญ้า และนับวันการโกงชาติจะขยายตัวบานปลาย แพร่กระจายออกไปทั่วทุกวงการวิชาชีพ ไม่ต่างจาก“โควิด-19”ระบาดไปทั่วในขณะนี้ ฯลฯ

เมื่อ“นักการเมือง”ทั้งเลือกตั้งกับรัฐประหาร ไม่รักชาติและประชาชนอย่างแท้จริง มักพูดจาโกหกหลอกลวงปลิ้นปล้อน กลับกลอกไม่ทำตามคำพูด ชอบแอบอ้างว่าทำเพื่อชาติกับประชาชน ทั้งๆที่ส่วนใหญ่“นักการเมืองสามานย์”เหล่านั้น ทำตัวเป็น“มหาโจรใส่สูท” ที่เดินกร่างใช้อำนาจอยู่ในรัฐสภาฯ กับสุมหัวในทำเนียบรัฐบาลมาตลอด

“ผู้มีอำนาจ”ทั้งเลือกตั้งกับรัฐประหาร นอกจากจะไม่ปราบการโกงชาติจริงจังแล้ว ยังกลับกลายเป็นนักการเมืองโกงชาติเสียเอง อีกทั้งไม่ลดความเหลื่อมล้ำมิติต่างๆให้กับสังคม โดยเฉพาะไม่ลดช่องว่างระหว่าง“คนรวย”กับ“คนจน” ด้วยการเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย ยังกลับไปทำให้“คนรวยรวยยิ่งขึ้น-คนจนจนลงเรื่อยๆ” จนความเหลื่อมล้ำของชาติไทยในวันนี้ พุ่งติดอันดับต้นๆของโลกไปแล้ว
นอกจากจะไม่ได้ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน โดยเฉพาะไม่ได้ปฏิรูปการเมืองชาติ ยังกลับใช้และส่งเสริมระบอบการเมืองสามานย์ เปิดโอกาสให้“นักการเมือง”น้ำเน่าขึ้นมาครองเมืองอีกด้วย

“นายกฯบิ๊กตู่”ยังคงทำให้ชาติกับประชาชนจมปลัก ทุกข์ทนอยู่กับต้นเหตุปัญหาของชาติอันเลวร้ายมากมายจนทุกวันนี้ การบริหารที่อ่อนแอไร้วิสัยทัศน์ของ“นายกฯบิ๊กตู่” จึงไม่อาจยับยั้งหยุดการระบาดของ“โควิด-19”ได้ แถมยังเป็นตัวการทำให้เชื้อร้ายระบาดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ส่วน“ใคร”ที่หวังว่า“นายกฯบิ๊กตู่” จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น ทำให้ชาติกับประชาชนที่เป็นคนส่วนใหญ่อยู่ดีกินดีขึ้นได้นั้น คงจะเป็นแค่“การฝันถึงโลกสวย” ที่ไม่มีวันเป็นจริงได้อย่างแน่นอน(ว่ะ)!

ต้องยอมรับว่า“นายกฯเจ็ดปีกว่า” กาลเวลาชี้ชัดแจ้งแล้วว่า “เขา”ยังด้อยคุณภาพ ยังไร้ความสามารถที่จะนำพาชาติกับประชาชน ให้เดินหน้าไปสู่ความมั่นคงเจริญรุ่งเรือง ที่แน่ๆ“บิ๊กตู่คนนี้”ไม่อาจสร้างคุณภาพชีวิตของชาวไทยส่วนใหญ่ ให้กินดีอยู่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน!
ต้องยอมรับกันไว้ล่วงหน้าอีกว่า อำนาจรัฐไทยในวันนี้ของ“บิ๊กตู่” มีเครือข่ายของ“บิ๊กเหลี่ยม”ยังคง“ชี้นิ้วบงการ”เป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นแน่นอน..จริงไหม?




กำลังโหลดความคิดเห็น