xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อคนไทยเริ่มเบื่อประยุทธ์ แต่ยังมองไม่เห็นใครที่ดีพอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ถ้าไม่มีสถานการณ์โควิดม็อบคงจะเต็มถนน ไม่ว่าจะเป็นม็อบของเด็กสามนิ้ว ม็อบของจตุพร พรหมพันธุ์กับพวก ม็อบของทนายนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ จึงนับเป็นโชคดีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่บ้าง


ที่ยังโชคดีอีกอย่างก็คือ ทั้งสามม็อบแม้จะมีเป้าหมายเดียวกันคือให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก แต่มีเนื้อหารายละเอียดที่แตกต่างกันไป ทำให้ไม่สามารถรวมเป็นทัพเดียวกันได้ ม็อบของเด็กสามนิ้วนั้นต้องการมากกว่าใครคือนอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ลาออกแล้วยังต้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ในขณะที่ม็อบของจตุพรและทนายนกเขานั้นมีเงื่อนไขเดียวกันคือให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกแล้วเลือกคนใหม่มาเป็นนายกฯ แต่มวลชนทั้งสองกลุ่มนั้นแยกกันอย่างชัดเจน

การชุมนุมเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนนั้นน่าจะเห็นแล้วว่า ใครมีมวลชนเท่าไหร่ ขณะเขียนต้นฉบับอยู่นี้ยังไม่รู้หรอกว่าจะปักหลักยืดเยื้อไหม และบรรลุเป้าหมายที่เรียกร้องเพียงใด แต่ส่วนตัวเชื่อว่าคงต้องเกรงใจคุณโควิดกันทั้งนั้นจึงยังไม่สามารถสั่นคลอนรัฐบาลในขณะนี้ได้

เพราะต้องยอมรับความจริงนะครับว่า ไม่เคยมีม็อบไหนที่สามารถขับไล่รัฐบาลได้ด้วยพลังของประชาชนอย่างแท้จริง สิ่งที่ตามมาก็คือคดีความของแกนนำม็อบเท่านั้นเอง

แต่ต้องยอมรับว่าถึงตอนนี้ถ้าวัดจากโพลล์ของนิด้า คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ตกต่ำลงมาก เหลือเพียงร้อยละ 19.32 เรียกว่าตกลงมาเกือบครึ่งจากคะแนนนิยมก่อนหน้านี้ที่เคยได้ร้อยละ 30.32 มันสะท้อนถึงความเบื่อหน่ายของประชาชนส่วนหนึ่งที่กำลังเผชิญกับวิกฤตจากโควิดที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รวมทั้งอาจจะมาจากความเบื่อที่พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งมาแล้ว 7 ปี ยังไม่ได้มีอะไรที่ดีขึ้นกว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้

เท่ากับว่าคนไทยร้อยคนตอนนี้มีคนสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อยู่เพียง 19-20 คนเท่านั้นเอง มันเป็นคำเตือนว่า ถ้าเกิดการเลือกตั้งเร็วนี้แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะมีความนิยมนำหน้าคนอื่นอยู่ แต่ยังมีคนถึงร้อยละ 37.65 ที่มองว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าหากพรรคการเมืองไหนมีคนที่มีความโดดเด่นเพียงพอนอกเหนือจากตัวละครการเมืองในเวลานี้แล้วก็มีโอกาสมากทีเดียวที่จะเอาชนะ พล.อ.ประยุทธ์ได้

เพราะนอกจาก พล.อ.ประยุทธ์จะมีความนิยมลดลงอย่างมากในครั้งนี้ การสำรวจทุกครั้งที่ผ่านมาของนิด้าโพลล์นั้นพบว่า อันดับ 1 ที่นำมาตลอดคือ คำตอบของประชาชนที่ว่า ยังไม่มีคนที่เหมาะสม เท่ากับประชาชนเสียงข้างมากยังคงรอคอยอัศวินม้าขาวที่ดีกว่าตัวเลือกที่มีอยู่ไม่เว้นแม้แต่คนที่มีอำนาจอยู่เวลานี้อย่าง พล.อ.ประยุทธ์

การรอคอยอัศวินม้าขาวของคนไทยแบบนี้เคยมีมาครั้งหนึ่งแล้วในยุคที่ประชาชนเบื่อหน่ายรัฐบาลชวนเชื่องช้า จนทำให้ทักษิณ ชินวัตรที่เข้ามาในจังหวะนั้นได้รับความนิยมและชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายมาแล้ว

ส่วนตอนนี้จะเป็นใครนั้นยังมองไม่เห็น เห็นแต่ตัวเลือกจากพรรคการเมืองที่มีอยู่ส่วนใหญ่ยังคงมีความนิยมเป็นรอง พล.อ.ประยุทธ์อยู่

นอกจากนั้นปัจจัยทางการเมืองของคนไทยก็เปลี่ยนไป ตอนจังหวะที่ทักษิณเข้ามานั้นคนไทยยังไม่แตกแยกทางการเมืองแบ่งเป็นฝักฝ่ายอย่างทุกวันนี้ ถ้าว่าไปแล้วตอนนั้นใครก็คิดว่าทักษิณเป็นความหวังที่จะนำพาประเทศทั้งนั้น เพราะเขาประสบความสำเร็จใจการดำเนินธุรกิจมาก่อน แต่สุดท้ายทักษิณก็แยกผลประโยชน์ทางการเมืองกับธุรกิจไม่ได้

อย่างไรก็ตามแม้ทักษิณจะถูกคนชั้นกลางออกมาขับไล่ แต่เขาสามารถสร้างความศรัทธาให้กับประชาชนจำนวนมาก ทำให้คนชั้นล่างจำนวนมากคิดว่าทักษิณเป็นที่พึ่งพิงได้มากกว่านักการเมืองอื่นที่พวกเขาเคยเจอ ไม่มีใครใส่ใจว่าทักษิณจะออกนโยบายและแก้กฎเกณฑ์ที่เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเอง รู้แต่ว่าทักษิณทำให้ประชาธิปไตยมันสามารถกินได้และเกิดประโยชน์ตกถึงชาวบ้านมากกว่านักการเมืองคนไหนๆ

ความนิยมในหมู่ประชาชนนี่เองที่ทำให้คนจำนวนหนึ่งที่ชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์มีความคิดที่จะใช้ทักษิณเป็นเครื่องมือในการท้าทายพระราชอำนาจ และทักษิณเองก็แสดงออกอย่างชัดแจ้งหลายครั้งที่ถึงความลำพองในบารมีและอำนาจของตัวเอง

วันนี้แม้ทักษิณจะไม่อยู่ในประเทศมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ยังคงแสดงให้เห็นถึงบารมีและอิทธิพลในการควบคุมพรรคเพื่อไทยของเขาอย่างชัดแจ้ง ทั้งในการกำหนดตัวบุคคลและบทบาทภายในพรรค และประชาชนที่ยังยึดมั่นในตัวทักษิณก็ยังคงให้ความนิยมแก่พรรคเพื่อไทยอยู่อีกเป็นจำนวนมาก

แม้ต่อมาจะมีกระแสฟีเวอร์ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่มากกว่าจะเกิดกระแสแบบภาพรวมเช่นเดียวกับตอนที่ทักษิณฟีเวอร์ ดังนั้นแรงกระเพื่อมของธนาธรต่อการเมืองไทยก็ไม่มากนักนอกจากการแสดงออกของม็อบสามนิ้วที่ยากจะบรรลุเป้าหมายที่เรียกร้องได้ หรืออย่างดีที่สุดก็เป็นเรื่องของอนาคตอีกยาวไกลที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะของสังคม

เพราะแม้นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จะถูกท้าทายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมไทย แต่เชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีประโยชน์และคุณูปการต่อสังคมไทยและเป็นสถาบันที่เป็นที่ยึดมั่นของคนในชาติ

ดังนั้นการเมืองไทยในปัจจุบันนี้ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องการสรรหาคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศเท่านั้น แต่มันผูกโยงเข้ากับความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย

แน่นอนว่าวันนี้คนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ถูกปลูกฝังความคิดปฏิกษัตริย์นิยมกำลังเติบใหญ่และในอนาคตข้างหน้าพวกเขาจะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ในขณะที่คนที่ยึดมั่นกับสถาบันกำลังร่วงโรยลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าความพ่ายแพ้และชัยชนะของแต่ละฝ่ายจะขึ้นอยู่กับกาลเวลาเพียงอย่างเดียวเพราะเชื่อว่ายังมีพลังเงียบอีกจำนวนมากที่จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของประเทศอย่างแท้จริง

ในขณะที่คนไทยในผลโพลล์บอกว่ายังไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ คนไทยจำนวนหนึ่งยังคงเชื่อมั่นต่อพล.อ.ประยุทธ์มากกว่าบุคคลอื่น แม้จะมีคะแนนความนิยมที่ลดลงมาก็ตาม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะคนไทยส่วนหนึ่งยังคงเกลียดกลัวระบอบทักษิณและหวั่นผลกระทบที่จะส่งผลต่อสถาบันหลักของชาตินั่นเอง

เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์มีศักยภาพอันจำกัดในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขามีความเป็นทหารมากกว่านักบริหาร แต่ในขณะที่คนจำนวนหนึ่งคิดว่าไม่มีทางเลือกไปมากกว่านี้ และเห็นว่า รัฐบาลที่มีกองทัพหนุนหลังนั้นต่างหากที่จะรับมือกับการคุกคามและลิดรอนสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพได้ ในขณะเดียวกันก็อยากได้คนที่มีศักยภาพที่เหนือกว่า เพียงแต่วันนี้ยังมองไม่เห็นเท่านั้นเอง

แน่นอนเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากต้องการคนที่มีความสามารถจะนำพาประเทศได้ดี และน่าจะต้องการให้ความขัดแย้งหมดไปจากสังคมไทยด้วย เพราะเรามีความแตกแยกแบ่งฝักฝ่ายกันมายาวนานเกินทศวรรษแล้ว และยังไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาความบาดหมางได้

ขณะเดียวกันก็อาจจะมีคนไทยบางกลุ่มที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือ เพียงแต่วันนี้พวกเขายังไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าสถานการณ์แบบนี้จะทอดเวลาออกไปอีกยาวไกลหรือไม่ก็ตาม

แม้ว่าวันเวลาจะคงหมุนไปไม่หยุดนิ่ง สรรพสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเสมอ แต่เชื่อว่า สุดท้ายแล้วคนไทยจะเลือกทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ถ้าสิ่งไหนมีคุณค่าก็คงจะคงดำรงอยู่ไม่สูญสลายไป

แน่นอนชาติคือประชาชน คนไทยทุกคนคือคนที่จะตัดสินอนาคตของประเทศ วันหนึ่งเราคงจะมีคนดีพอที่จะนำพาประเทศของเราไป คงไม่จมปลักอยู่กับความขัดแย้งแบบนี้ตลอดไป

แม้ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วคนไทยจะพบผู้นำที่เห็นพ้องต้องกันไหม และสามารถออกจากความขัดแย้งแบบแบ่งฝักฝ่ายแบบทุกวันนี้ได้ไหม หรือสังคมไทยจะต้องเป็นการช่วงชิงอำนาจจนเป็นความแตกแยกแบบนี้ไปอีกนานไหม ใครจะเป็นอัศวินม้าขาวที่จะรวมใจคนไทยกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีก

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan




กำลังโหลดความคิดเห็น