xs
xsm
sm
md
lg

‘เราจะรอดมั้ย...?’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



คำถามที่พรรคพวกถามกันช่วงนี้ “ระบาดเป็นวงกว้างรอบใหม่นี้ พวกเราจะรอดมั้ยเนี่ย” ไม่มีใครตอบได้ ทางเลือกเดียวที่มีอยู่ ตราบใดที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนก็คือ ต้องระวังอย่างมากทั้งตัวเอง และคนใกล้ชิด เว้นการไปสถานที่มีความเสี่ยงสูง

แต่คนทั่วไปยังต้องดำเนินชีวิตด้วยการทำมาหากินตามสภาพ งานบางประเภทก็ทำอยู่ที่บ้าน มีนายจ้างจ่ายเงินให้ โดยเฉพาะภาคราชการ คงไม่มีปัญหามากนัก นอกจากต้องออกไปหาซื้ออาหาร หรือไปตลาดซื้อวัตถุดิบมาปรุง

ที่ประสาทใกล้จะกินก็คือคำแนะนำของแพทย์ที่หนักข้อทุกวัน “คนในบ้านควรสวมหน้ากาก แยกเตียงกันนอน กินข้าวแยกโต๊ะกัน” อยู่ด้วยกันภายใต้หลังคาเดียวกัน ก็ต้องปฏิบัติตัวเหมือนคนแปลกหน้า ยกระดับนิวนอร์มอลอีกขั้น

ถ้าเป็นบ้านมีหลายห้อง ไม่ใช่อพาร์ตเมนต์หรือคอนโดฯ เพียงห้องเดียว คงทำตามคำแนะนำอย่างนั้นได้ ถ้าอยู่ห้องเดียวก็จอด ไม่ใช่ว่าทุกคนในครอบครัวทำอาหารกินเองได้ ชีวิตต้องอยู่ในความเสี่ยงต่อไป เพราะการระบาดมีแทบทุกชุมชน

ตัวเลขคนติดเชื้อ มีอาการและไม่มีอาการที่มีรายงานทุกวันไม่ได้สะท้อนถึงความจริง เพราะยังมีอีกเยอะที่ไม่มีโอกาสได้รับการตรวจ ติดเชื้อเจ็บป่วยก็ใช่ว่าจะหาที่รักษาพยาบาลได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลจริง

อย่าว่าแต่จะขาดแคลนที่รักษา แม้แต่สถานที่รักษาก็ยังขาดแคลนอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ ทำให้โรงพยาบาลของรัฐต้องประกาศขอรับการบริจาคอย่างต่อเนื่อง

การระบาดรอบ 3 เป็นการผสมโรงกับการระบาดรอบใหม่ในพื้นที่ชมพูทวีปโดยเฉพาะอินเดียที่ติดเชื้อวันละกว่า 4 แสนราย ตายกว่าวันละ 4 พัน ไล่มาเอเชียใต้และอาเซียน จนสร้างความหวาดวิตกว่าครั้งนี้มีทีท่าว่าจะเอาไม่อยู่

ในบ้านเรา นอกจากมีอำนาจสุดโต่งแล้ว ยังไม่มีมาตรการอะไรที่ทำให้ชาวบ้านมีความหวัง เพราะล่าช้าทั้งการจัดหาวัคซีน การฉีด ข้อจำกัดสารพัด แล้วมาคุยโม้ว่าจะฉีดให้ได้ 50 ล้านโดสภายในสิ้นปี ทุกวันนี้ฉีดไปได้กว่า 1 ล้านโดสเท่านั้น

รัฐบาลคณะ 3 ลุง เร่งรีบประกาศมาตรการแจกจ่ายเงินกลบเสียงชาวบ้านแช่งด่า รอบล่าสุดกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ไม่ให้งบภาคการแพทย์แม้แต่บาทเดียว ยังคงจมอยู่กับงบ 4.5 หมื่นล้านบาทดั้งเดิมตั้งแต่การะบาดรอบแรกและกู้ 1 ล้านล้านบาท

มีความจำเป็นอะไรที่ไม่สามารถเจียดงบให้ได้ ทั้งๆ ที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนกว่าทุกอย่าง ถ้าผู้บริหารประเทศมีมันสมอง สติปัญญา สำนึกการรับรู้สภาวะวิกฤตแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าตราบใดที่ไม่สามารถควบคุม แก้ปัญหาการระบาดได้ อะไรก็ล้มเหลว

จะว่าถังแตกตามเสียงร่ำลือ ก็ไม่ใช่ เพราะยังมีเงินแจกชาวบ้านอยู่ อย่างนี้คงเป็นเพราะไม่รู้จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ตั้งศูนย์สารพัด รวบอำนาจมาอยู่ตัวเอง นึกว่าอะไรจะสั่งการได้คล่องตัว รอดูว่าจะจัดงบพิเศษให้พวกหมอเมื่อไหร่ ก็ไม่มีข่าว

ความเป็นผู้นำในสภาวะฉุกเฉิน จึงเป็นความไร้ผล ไร้ความสำเหนียกถึงภาวะวิกฤตร้ายแรงที่มีผลของความบกพร่องซ้ำซากจากเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกวันนี้ภาวะฉุกเฉินก็เป็นเพียงแค่การอาศัยกฎหมายเพื่อผลประโยชน์อื่นๆ เช่น คุมม็อบ การใช้งบง่ายๆ

ท่านผู้นำซิงเกิลคอมมานด์ยังทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์การบริหารโควิด-12 ทำงานหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ปิดเงียบ ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์

ดูการทำตัวของบรรดาท่านผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่หล่นทับ ได้กุมอำนาจคับประเทศเถอะ แต่ละวันมีเพียงวจีกรรมตอกย้ำความไร้ประสิทธิภาพและความไม่ทันสถานการณ์ของตัวเอง ชาวบ้านเห็นแล้วรู้สึกสิ้นหวัง มองไม่เห็นทางรอด

วันศุกร์ส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่า “สถานการณ์การระบาดรอบ 3 นั้นรุนแรงมาก ขอให้ประชาชนระมัดระวัง” ปัดโธ่เอ๊ย! ชาวบ้านเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจากการระบาดเพราะทองหล่อมานานร่วมเดือน ท่านผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพิ่งมาบอกให้รู้

ไม่รู้อย่างเดียวคือความไม่เข้าท่าในการบริหารจัดการบ้านเมือง นับประสาอะไรกับการจัดการภาวะวิกฤต ยังเรื่อยๆ มาเรียงๆ รอฟังรายงานจากเจ้าหน้าที่จัดเตรียมให้ กว่าจะแปลเสร็จ ส่งให้คุณท่านอ่าน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้ว

แต่ละวันมีแต่ข่าวคนเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนบ้าง การเข้าไม่ถึงมือแพทย์ทันการบ้าง ความรวดเร็วของอาการเชื้อโรคบ้าง ล้วนทำให้รู้สึกสยดสยอง เกรงว่าตัวเองจะต้องเผชิญชะตากรรมที่ไม่พึงประสงค์ เพราะเห็นความลักลั่นชักหน้าไม่ถึงหลัง

สิ่งที่ชาวบ้านรู้สึกก็คือ ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้กำหนดการตัดสินใจ และอยู่บนข้อมูลสมบูรณ์หรือเปล่า และท่านผู้นำตัดสินใจอยู่บนข้อมูลที่มีคนป้อนให้ หรือกลุ่มที่ไม่อยากขัดใจคุณท่าน ก็ยอมปล่อยให้เลยตามเลย ไม่อยากเจอกับอารมณ์บูด

เดี๋ยวนี้ท่านผู้นำแจ้งให้ชาวบ้านทราบเหตุต่างๆ ผ่านโซเชียล มีเดีย สบายใจดี ไม่มีผู้สื่อข่าวไล่บี้ซักถาม วันก่อนอ้างว่าได้ตัดสินใจสั่งซื้อวัคซีนนั่นนี่โน่น เท่านั้นเท่านี้โดส จะมาเมื่อนั้นเมื่อนี้ หารู้ไม่ว่าเป็นการตัดสินใจล่าช้าไปร่วมปีแล้ว

อีกไม่กี่วัน ยอดคนติดเชื้อก็จะแซงหน้าของตัวเลขประเทศจีนที่อยู่ 9 หมื่นกว่าราย คงจะโม้ไม่ออก นอกจากจะใช้ลีลาเบี่ยงเบนประเด็นโบ้ยบ้ายนั่นนี่โน่น ย้ำว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น ผมจะทำงานอย่างไม่ย่อท้อ บลา บลา

นายท่านคงไม่รู้ตัวว่า “ดีที่สุด” ที่ได้ทำมา ก็ยังดีไม่พอสำหรับวิกฤต! ยิ่งไม่รู้ข้อจำกัดขีดความสามารถของตัวเองแล้วดันทุรังทำ อย่างเช่นการตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ถือเป็นสุดยอดความสยองขวัญ เห็นเค้าลางหายนะรออยู่


กำลังโหลดความคิดเห็น