"โจ ไบเดน" ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างราบรื่น ลั่นเป็น ปธน.ของอเมริกันทุกคน ก่อนเซ็นคำสั่งฝ่ายบริหาร 15 ฉบับรวด ล้มเลิกนโยบายหลายอย่างของทรัมป์ อาทิ กลับร่วมสมาชิก WHO ข้อตกลงปารีสด้านสภาพอากาศโลก และยกเลิก
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.(ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา) โจ ไบเดน ได้ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ที่บริเวณด้านหน้าของ “แคปิตอล” หรืออาคารรัฐสภาอเมริกันในกรุงวอชิงตัน โดยกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า อเมริกาควรยุติสงครามที่ไม่ศิวิไลซ์ ที่สร้างความแตกแยกระหว่างผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตกับผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน คนชนบทกับคนเมืองใหญ่ อนุรักษนิยมกับเสรีนิยม และร่วมกันสร้างเรื่องราวใหม่แห่งความหวัง ความสามัคคี ความสดใส ความสุภาพนอบน้อม ความรัก การเยียวยา และความดีงาม พร้อมประกาศว่าจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับคนอเมริกันทั้งหมด ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่สนับสนุนตนเท่านั้น
จากนั้น ไบเดน ได้เดินทางเข้าสู่ทำเนียบขาวในช่วงบ่าย โดยระบุว่า ไม่มีเวลาจะเสียอีกต่อไป ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวน 15 ฉบับ เพื่อกำหนดแนวทางใหม่และล้มเลิกนโยบายสุดขั้วต่างๆ ของทรัมป์ ในจำนวนนี้มีทั้งการระงับถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO), การกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ, การระงับการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโก และการยกเลิกคำสั่งแบนการเดินทางจากบางประเทศมุสลิม เป็นต้น
ไบเดน เปิดเผยด้วยว่า โดนัล ทรัมป์ อดีตประธานนาธิบดี ได้ทิ้งจดหมายไว้ให้บนโต๊ะทำงานในห้องทำงานรูปไข่ตามธรรมเนียม โดยมีเนื้อหาที่น่ายินดีมาก แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อความทั้งหมด
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำทั่วโลก ต่างออกคำแถลงแสดงความยินดีกับไบเดน โดยพันธมิตรของอเมริกาหลายประเทศพากันแสดงความรู้สึกโล่งใจ หลังจากต้องเผชิญกับพฤติกรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้ของทรัมป์ รวมถึงนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของอดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์ผู้นี้ มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯไทยได้ส่งสารแสดงความยินดีและเชิญให้ ไบเดน มาเยือนประเทศไทยในฐานะมิตรเก่าแก่ที่สุดของภูมิภาคด้วย
ไบเดน วัย 78 ปี ถือเป็นประธานาธิบดีอเมริกาที่อายุมากที่สุด และเขาต้องพากเพียรพยายามอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1987 ทีเดียว เพื่อให้ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้
ขณะเดียวกัน ณ พิธีสาบานตนที่หน้าแคปิตอล กมลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้อพยพที่บิดาเป็นคนจาไมกาและมารดาเป็นชาวอินเดีย ก็ได้สาบานตัวเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลายเป็นผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกา อีกทั้งยังเป็นคนผิวสีและคนเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งรองประมุขของอเมริกา
อีกด้าน อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และ เมลาเนีย ผู้ภรรยา ได้เดินทางออกจากทำเนียบขาวตั้งแต่เช้าวันพุธด้วย “มารีน วัน” เฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดี ไปยังฐานทัพอากาศแอนดรูส์เพื่อเปลี่ยนไปขึ้น “แอร์ ฟอร์ซ วัน” เครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งสุดท้าย มุ่งหน้าสู่รีสอร์ตส่วนตัวในรัฐฟลอริดา โดยประกาศต่อผู้สนับสนุนที่ฐานทัพอากาศแอนดรูส์ว่า สี่ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่เหลือเชื่อ และสำทับว่า “เราจะกลับมาในบางรูปแบบ”
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.(ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา) โจ ไบเดน ได้ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ที่บริเวณด้านหน้าของ “แคปิตอล” หรืออาคารรัฐสภาอเมริกันในกรุงวอชิงตัน โดยกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า อเมริกาควรยุติสงครามที่ไม่ศิวิไลซ์ ที่สร้างความแตกแยกระหว่างผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตกับผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน คนชนบทกับคนเมืองใหญ่ อนุรักษนิยมกับเสรีนิยม และร่วมกันสร้างเรื่องราวใหม่แห่งความหวัง ความสามัคคี ความสดใส ความสุภาพนอบน้อม ความรัก การเยียวยา และความดีงาม พร้อมประกาศว่าจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับคนอเมริกันทั้งหมด ไม่เฉพาะแต่ผู้ที่สนับสนุนตนเท่านั้น
จากนั้น ไบเดน ได้เดินทางเข้าสู่ทำเนียบขาวในช่วงบ่าย โดยระบุว่า ไม่มีเวลาจะเสียอีกต่อไป ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวน 15 ฉบับ เพื่อกำหนดแนวทางใหม่และล้มเลิกนโยบายสุดขั้วต่างๆ ของทรัมป์ ในจำนวนนี้มีทั้งการระงับถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO), การกลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ, การระงับการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโก และการยกเลิกคำสั่งแบนการเดินทางจากบางประเทศมุสลิม เป็นต้น
ไบเดน เปิดเผยด้วยว่า โดนัล ทรัมป์ อดีตประธานนาธิบดี ได้ทิ้งจดหมายไว้ให้บนโต๊ะทำงานในห้องทำงานรูปไข่ตามธรรมเนียม โดยมีเนื้อหาที่น่ายินดีมาก แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อความทั้งหมด
ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำทั่วโลก ต่างออกคำแถลงแสดงความยินดีกับไบเดน โดยพันธมิตรของอเมริกาหลายประเทศพากันแสดงความรู้สึกโล่งใจ หลังจากต้องเผชิญกับพฤติกรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้ของทรัมป์ รวมถึงนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของอดีตพิธีกรเรียลลิตี้โชว์ผู้นี้ มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯไทยได้ส่งสารแสดงความยินดีและเชิญให้ ไบเดน มาเยือนประเทศไทยในฐานะมิตรเก่าแก่ที่สุดของภูมิภาคด้วย
ไบเดน วัย 78 ปี ถือเป็นประธานาธิบดีอเมริกาที่อายุมากที่สุด และเขาต้องพากเพียรพยายามอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1987 ทีเดียว เพื่อให้ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้
ขณะเดียวกัน ณ พิธีสาบานตนที่หน้าแคปิตอล กมลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้อพยพที่บิดาเป็นคนจาไมกาและมารดาเป็นชาวอินเดีย ก็ได้สาบานตัวเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลายเป็นผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกา อีกทั้งยังเป็นคนผิวสีและคนเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งรองประมุขของอเมริกา
อีกด้าน อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และ เมลาเนีย ผู้ภรรยา ได้เดินทางออกจากทำเนียบขาวตั้งแต่เช้าวันพุธด้วย “มารีน วัน” เฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งประธานาธิบดี ไปยังฐานทัพอากาศแอนดรูส์เพื่อเปลี่ยนไปขึ้น “แอร์ ฟอร์ซ วัน” เครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งสุดท้าย มุ่งหน้าสู่รีสอร์ตส่วนตัวในรัฐฟลอริดา โดยประกาศต่อผู้สนับสนุนที่ฐานทัพอากาศแอนดรูส์ว่า สี่ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่เหลือเชื่อ และสำทับว่า “เราจะกลับมาในบางรูปแบบ”