xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

มติเอกฉันท์ศาล รธน. สัญญาณ “บิ๊กตู่” เดินหน้าสู้ม็อบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มติเอกฉันท์ 3 ครั้งซ้อน หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย โดยสรุปว่า “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นผู้มีสิทธิที่จะพักอาศัยในบ้านพักรับรอง เนื่องจากเคยเป็นอดีตผู้นำสูงสุดของกองทัพบกมาก่อน และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด

ความเป็นรัฐมนตรีของ “บิ๊กตู่”จึงไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ !

รอดตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ แต่หักปากกาเซียนจากพรรคฝ่ายค้านที่มโนว่า คดีนี้จะเป็นการต่อบันไดลงให้ “บิ๊กตู่”เพื่อยุติความขัดแย้งในสังคม

พอถึงเวลาจริง ไม่มีอะไรระทึก ไม่มีอะไรตื่นเต้น ศาลฯออกนั่งบัลลังก์การันตี “บิ๊กตู่”มีสิทธิ์อยู่บ้านหลวง แต่เป็นการสร้างสถิติใหม่ คดี “บิ๊กตู่”ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มติออกมาเอกฉันท์ 3 ครั้งซ้อน ภาษาฟุตบอลเรียกว่า แฮตทริก

ครั้งแรก ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องที่พรรคฝ่ายค้านยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ เพราะไม่มีอำนาจ

ครั้งที่ 2 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า “บิ๊กตู่”ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กรณีพรรคฝ่ายค้านยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ และล่าสุดคือ ครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม สองเหตุการณ์ข้างต้นมันเกิดขึ้นในสถานการณ์และแวดล้อมที่ต่างจากครั้งนี้ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร 2563 ที่เสนอเงื่อนไขทะลุเพดาน เสี่ยงจะเสียเลือดเสียเนื้อ มันจึงดูมีความสำคัญมากกว่า

ก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหลายฝ่ายมองว่า คดีนี้จะเป็นการถอดสลักความขัดแย้งในประเทศ นอกจากเป็นทางลงให้ “บิ๊กตู่”ยังเป็นทางลงให้กลุ่มราษฎร ที่เริ่มจะอ่อนแรง แต่พอเห็นมติของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ มันทำให้เห็นภาพอะไรชัดขึ้น

หากสถานการณ์“บิ๊กตู่”ง่อนแง่นจริง มติของศาลจะต้องแตกออกเป็น 2 ฝั่ง มีเสียงข้างมาก มีเสียงข้างน้อย ไม่ออกมา 9-0 แบบนี้ การออกหน้านี้หมายความว่า สัญญาณชัดแจ๋วว่า ยังไว้วางใจให้ “บิ๊กตู่”อยู่บนคานอำนาจ

และการไม่ปรากฏเสียงข้างน้อยในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเลย ส่วนหนึ่งเพราะไม่ต้องการให้พรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มราษฎร นำเอาคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการเสียงข้างน้อย ไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง

สัญญาณจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมันชัดยิ่งกว่าชัดว่า “บิ๊กตู่”จะได้อยู่ยาวๆ เนื่องจากยังเป็นที่ไว้วางใจ ในขณะเดียวกัน ยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงม็อบว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจไม่ได้ยี่หระอะไรกับการเคลื่อนไหว

นอกจากนี้ ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้มีความกดดันใดๆ ต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎรเลย ที่สำคัญ ยังพร้อมบวกด้วย

และน่าจะมีการประเมินมาแล้วว่า จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แม้กลุ่มราษฎรจะเคลื่อนไหวถี่ๆ และเล่นเนื้อหารุนแรง แต่ไม่สามารถขย่มรัฐบาลให้สั่นคลอนได้ เพราะหากมองท่าทีของม็อบที่ผ่านๆ มา บางครั้งเหมือนจะรุกไล่แบบเอาเป็นเอาตาย แต่ยังดูทรงเหมือนปากกล้าขาสั่น

อย่างเมื่อครั้งประกาศว่า จะบุกสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แต่สุดท้ายประกาศย้ายไปธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ โดยอ้างว่า ต้องการแกง(แกล้ง)เจ้าหน้าที่ ที่ขนตู้คอนเทนเนอร์มาวางราวกับสนามรบ แต่ข้อเท็จจริงคือ กลุ่มราษฎรประเมินแล้วว่า หากไปจุดนั้นค่อนข้างสุ่มเสี่ยง เพราะเจ้าหน้าที่เอาจริง และมวลชนอาจจะไม่กล้ามาร่วม

ขณะเดียวกัน การแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กับแกนนำหลายคน ทำให้มวลชนบางส่วนเลือกจะถอย ไม่มาร่วมชุมนุม เพราะกังวลเรื่องคดีความ

แม้แฟลชม็อบจะยังปรากฏเป็นข่าวตามหน้าสื่อกวนใจฝ่ายความมั่นคงรายวัน แต่สำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ถือว่าไม่ล้าเมื่อเทียบกับม็อบที่ต้องเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ ในแต่ละวัน

การจัดแฟลชม็อบแบบถี่ยิบ อาจจะกวนใจรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง หากแต่ไม่สามารถสร้างแรงกดดันได้เลย ในขณะที่การยืดเยื้อในทางปฏิบัติแล้ว ม็อบจะเป็นฝ่ายล้า เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายที่มาก อารมรณ์ร่วมของมวลชนจะลดลงไปตามกาลเวลา


การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในลักษณะนี้ ต้องบอกว่า “ม็อบราษฎร”จะเป็นฝ่ายที่เหนื่อยกว่าเดิม เพราะเท่ากับสิ่งที่ทำมา ไม่สามารถสร้างแรงกดดันให้ฝ่ายอำนาจได้เลย

หากจะไปต่อจำเป็นต้องยกระดับการชุมนุม หากแต่การยกระดับโดยพุ่งเป้าโจมตีไปยังสถาบันเบื้องสูง นอกจากไม่สามารถสร้างแรงกดดันได้ ยังเป็นการเพิ่มคดีให้กับตัวเอง ดังนั้นจะเหลือเพียงแค่การเผชิญหน้าและรุนแรง

แกนนำกลุ่มราษฎรหลายคนเองแม้จะดูฮึกเหิมเวลาชุมนุม แต่ไม่ได้เป็นประเภทสายเหยี่ยว นิยมความรุนแรง แต่ในขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมเองมีบางฝ่ายที่ต้องการเดินเข้าไปสู่จุดนั้น เพราะคิดว่าเป็นหนทางเดียวที่จะยกระดับให้การชุมนุมมีแรงสะเทือนขึ้นมาได้ เพียงแต่กลุ่มนี้ดูน้อยกว่า

แต่อย่างไรก็ดี การยกระดับไปสู่ความรุนแรง แม้จะเป็นทางเลือกที่ต้องแลกหากหวังจะชนะ แต่ด้วยสภาพการณ์แบบนี้ สัญญาณไว้วางใจและสนับสนุน“บิ๊กตู่”ให้บริหารประเทศต่อแรงขนาดนี้ ก็ยังสุ่มเสี่ยงอยู่ดี และอาจจะเป็นการเข้าทางฝ่ายความมั่นคงที่จะใช้ความชอบธรรมเรื่องความสงบเรียบร้อยเข้าจัดการแบบเด็ดขาด

มติเอกฉันท์ 9-0 คดีพักบ้านหลวง ในสถานการณ์ที่ม็อบราษฎรกำลังรุกไล่ บดบี้ หวังจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน มันน่าจะการบอกใบ้กับม็อบราษฎรกลายๆ ว่า อย่างไรก็ไม่ยอม ต่อให้แตกหักก็ตาม



และ “บิ๊กตู่”ตอนนี้ คงไม่ต่างอะไรกับไก่ชนที่ได้น้ำ คงคึก กลับมาไล่หวดเต็มที่เหมือนเดิม ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่มีระแวงๆ อยู่บ้างนิดหน่อย


กำลังโหลดความคิดเห็น