xs
xsm
sm
md
lg

เสือล้างสิงห์-เจอลิงล้างก้น???

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


พลเอก Mohammad Reza Naqdi  ผู้บัญชาการกองกำลังร่วม “IRGC”
วันนี้...เห็นทีคงต้องพักเรื่องผู้นำอเมริกา ที่อาจกำลังตายแหล่ มิตายแหล่ อันเนื่องมาจากการ “ติดเชื้อโควิด” จากเด็ก คนแก่ คนชรา หรือจากสาวสวยสดใสระดับต้องเรียกรถพยาบาล หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่จะว่ากันไป ไว้อีกสักพัก เพราะเรื่องที่ออกจะ เอาเรื่อง-เอาราว หรือเป็นเรื่อง-เป็นราวมิใช่น้อย ในช่วงระหว่างนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องการ “แก้แค้น-เอาคืน” ของประเทศ “คู่กัด” อเมริกา อย่างประเทศอิหร่านเขานั่นแหละ...

คืออย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้แล้วว่า...การล้างแค้น-เอาคืนของประเทศอิหร่าน ต่อการลอบฆ่า ลอบสังหาร นายพลอิหร่าน “พลโทกอเซ็ม สุไลมานี” (Qasem Soleimani) โดยคุณพ่ออเมริกา เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางฝ่ายอิหร่านเขาคงไม่ได้คิดแก้ คิดล้างเพียงแค่ระดับ “เสือล้างสิงห์-เจอลิงล้างก้น” อยู่แล้วแน่ๆ หรือไม่ได้แค่คิดตอบโต้ด้วยการลอบสังหารนักการทูตอเมริกาในแถบแอฟริกาใต้ไม่กี่ราย แบบที่สื่อตะวันตกพยายามออกข่าว ปล่อยข่าว แบบ “Fake News” หรือ “F-ck News” ไปตามมี ตามเกิดเพราะเท่าที่เขาได้ออกมาป่าวประกาศแบบตรงไป-ตรงมา ว่ากะจะเอาถึงขั้น...ไม่ให้หลงเหลือ “ทหารอเมริกัน” แม้แต่รายเดียว ในภูมิภาคตะวันออกกลางเอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

และเมื่อสองวันก่อน... “พลเอกMohammad Reza Naqdi” ผู้บัญชาการกองกำลังร่วม “IRGC” ของอิหร่าน ก็เพิ่งออกมาย้ำถึงจุดมุ่งหมายดังกล่าวแบบชัดแจ้ง แดงแจ๋ ดังคำพูดที่ระบุไว้กับโทรทัศน์ทางการอิหร่าน เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (27 ก.ย.) ที่ผ่านมาประมาณว่า... “การล้างแค้นที่แท้จริงต่อการลอบสังหารนายพลสุไลมานี...ยังมาไม่ถึง!!! เพราะนั่นก็คือการทำให้ทหารอเมริกันทุกนาย จะต้องถอนตัวออกจากภูมิภาคนี้ให้หมด โดยการยิงจรวดโจมตีฐานทัพอเมริกันที่ Ein Al-Assad และสนามบิน Erbil (ช่วงต้นเดือนมกราคมหลังการลอบสังหารนายพลสุไลมานี) นั้น เป็นเพียงแค่...คำประกาศ...ว่าเราจะเอาคืนเท่านั้น...” นี่...ต้องเรียกว่า ฟังแล้วออกจะหนาวว์ว์ว์ ชนิดต้องหรี่แอร์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้...

เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า ขีปนาวุธที่เรียกๆกันว่า “Katyusha” จำนวนไม่ต่ำกว่า 16 ลูกที่ฝ่ายอิหร่านเขาประเคนเข้าใส่ฐานทัพอเมริกันในอิรัก ในฐานะ “คำประกาศ” ที่ว่า ออกจะเป็นอะไรที่น่าสยดสยองพองขนมิใช่น้อย เรียกว่า...ถึงแม้จะไม่มีตัวเลขคนตายออกมาชัดๆ แต่จำนวนทหารอเมริกัน อังกฤษ และบรรดาประเทศพันธมิตร ที่เกิดอาการ “หูดับ” หรือ “สมองบาดเจ็บ” ระดับต้องส่งตัวกลับไปรักษาที่บ้านเกิดเมืองนอน ปาเข้าไปนับร้อยๆ รายเอาเลยทีเดียว และสิ่งที่น่าสยดสยองยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หลังจากการสาดบ้องข้าวหลามยักษ์ถล่มฐานทัพอเมริกันในคราวนั้นแล้ว บรรดากองกำลัง “นักรบชีอะห์” ในอิรัก ที่ระดับ “รองผู้บัญชาการ” ของตัวเองต้องมาตาย พร้อมกับการลอบสังหารนายพล “สุไลมานี” ควบคู่ไปด้วย ก็ยังพยายามแก้แค้น เอาคืน ด้วยการสาดบ้องข้าวหลามขนาดกะทัดรัด ไม่ว่าขนาดกลาง หรือขนาดจิ๋ว ใส่ฐานทัพอเมริกัน สถานทูต และย่านการค้าในอิรัก ฯลฯ มาโดยตลอด โดยถ้านับจากเดือนพฤษภาคมปี ค.ศ. 2019 เป็นต้นมา จำนวนบ้องข้าวหลามที่บรรดาทหารบ้านชาวอิรัก ยิงเข้าใส่สถานที่ต่างๆ ที่มีบรรดาชาวอเมริกันพักอาศัย แม้แต่อาณาบริเวณที่ถือเป็นเขตปลอดภัย หรือเขตปลอดอาวุธที่เรียกๆ กันว่า “Green Zone” ก็ตาม น่าจะตูมๆ ตามๆ ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ลูก...

และอาจเป็นด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดข่าวคราวชนิดที่ไม่ว่าสื่อตะวันตก อย่างเดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล, วอชิงตัน โพสต์ ไปจนถึงสกายนิวส์ ฯลฯ ต่างต้องนำเสนอรายงานข่าวไปในแนวเดียวกัน เมื่อช่วงวันจันทร์ (28 ก.ย.) ที่ผ่านมา ว่าด้วยกรณีเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำกรุงแบกแดด “นายMatthew Tueller” ต้องถ่อไปพบปะเจรจากับรัฐมนตรีต่างประเทศอิรัก “นายFuad Hussein” เพื่อหาทาง “ปิดสถานทูตอเมริกัน”ในอิรัก ไปจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีบ้องข้ามหลามยักษ์ใดๆ หล่นใส่หัวอีกต่อไป หรือเตรียมถอนเจ้าหน้าที่ทางการทูตอเมริกันทั้งหมด ออกจากประเทศอิรัก เหลือเอาไว้แต่ “สถานกงสุลอเมริกัน” ที่ Erbil คอยดำเนินการติดต่อเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ต่อไปเท่านั้น รวมทั้งแนวโน้มที่ทหารอเมริกันจำนวนประมาณ 5,200 คนในอิรัก อาจต้องถูกปรับจำนวนลดลงเหลือแค่ประมาณ 3,000 คน เพราะชักทนไม่ไหวกับการที่ต้องกับเจอขีปนาวุธ หรือจรวดจากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย สาดเข้าใส่ชนิดแทบเช้า-สาย-บ่าย-เย็น...

อีกทั้งมาตรการในการปกป้อง คุ้มกันของกองทัพอเมริกันต่อการโจมตีจากบรรดาจรวดเหล่านี้ ยังออกจะติดๆ ขัดๆ ในหลายต่อหลายเรื่อง หลายต่อหลายกรณี เช่น การพยายามหาทางนำเอา “ระบบป้องกันขีปนาวุธ” ระดับ “Patriots” หรือ “THAAD” เข้ามาติดตั้งไว้ในประเทศอิรัก นอกจากถูกบรรดาสมาชิกสภาฯ อิรักต่าง “ไม่เห็นควรด้วย” ไปด้วยกันทั้งสิ้น บรรดาระบบป้องกันขีปนาวุธเหล่านี้ ยังอาจไม่ถึงกับเหมาะต่อการถูกโจมตีด้วยบรรดาบ้องข้าวหลามขนาดกลาง ขนาดจิ๋ว หรือแม้แต่การโจมตีด้วยเครื่องบินโดรน ฯลฯ ที่เชื่อๆ กันว่าเป็นอาวุธที่ทางการอิหร่านส่งมาให้การสนับสนุนต่อพวกนักรบชีอะห์ในอิรัก แบบเดียวกับที่ส่งให้พวกฮามาสในปาเลสไตน์ หรือพวกเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอนนั่นเอง หรือขีปนาวุธระดับพิสัยกลาง พิสัยใกล้ พิสัยทำการต่ำกว่า 1,500 ไมล์ลงไป ที่กำลังกลายเป็นตัวก่อปัญหาไม่ว่าต่อเจ้าหน้าที่ทางการทูต ไปจนถึงทหารอเมริกันในอิรักอย่างชนิดถึงกับต้องเตรียมเผ่น เตรียมหนี เตรียมปิดสถานทูต ฯลฯ เอาเลยถึงขั้นนั้น...

ดังนั้น...วิธีการแก้ปัญหาแบบ “ไปตายเอาดาบหน้า” ของฝ่ายอเมริกันช่วงนี้ ก็คือการหันไปคว้า “ระบบป้องกันขีปนาวุธอิสราเอล” หรือระบบ “Iron Dome” ที่ตัวเองเคยต้องควักเงินสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ให้บริษัทอิสราเอลอย่างบริษัท “Rafael” และบริษัทอเมริกันอย่าง “Raytheon” ร่วมกันพัฒนา จนสามารถนำไปติดตั้งในอิสราเอล ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2011 เป็นต้นมา โดยหันไปควักเงินภาษีของชาวอเมริกันอีกนั่นแหละ มาซื้อระบบป้องกันดังกล่าวจากอิสราเอลถึง 2 เครื่องด้วยกัน เครื่องแรกส่งมอบไปแล้วเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (1 ต.ค.) ที่ผ่านมา ส่วนเครื่องที่สองคงอีกไม่นาน-ไม่ช้า แต่แม้รัฐบาลอิสราเอลจะมีโอกาส “รับทรัพย์” แบบทั้งต้น ทั้งดอก ทั้งไป ทั้งกลับ บรรดา “นักการทหาร” ทั้งหลาย...ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามขึ้นมาว่า เอาไป-เอามาแล้ว “ระบบ Iron Dome” ของอิสราเอลนั้น สามารถป้องกันการโจมตีจากขีปนาวุธได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่คุยๆ เอาไว้หรือไม่ เพราะครั้งล่าสุด...ที่ต้องเจอกับ “จรวดฮามาส” นับร้อยๆ ลูก สุดท้ายยังหนีไม่พ้นต้องเจรจายุติศึกสงครามเอาดื้อๆ จนกลายเป็นปัญหาให้รัฐมนตรีกลาโหมลาออก ต้องเลือกตั้งใหม่กันอีก 3 รอบ 4 รอบ จนตราบเท่าทุกวันนี้...

หรือสรุปเอาเป็นว่า...การ “ล้างแค้น-เอาคืน” ของอิหร่านทุกวันนี้ ชักจะเริ่มคืบหน้าขึ้นไปตามลำดับ ส่วนจะถึงขั้นบรรลุเป้าหมายแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ดังที่ประธานาธิบดีอิหร่าน “นายฮัสซัน โรฮานี” ได้บอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศอิรักในช่วงการเดินทางไปเยือนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะต้องไม่มี “ทหารอเมริกัน” อยู่ในอิรัก อัฟกานิสถาน และทั่วทั้งอ่าวเปอร์เซีย ฯลฯ หรือไม่ อย่างไรนั้น คงต้องคอยจับตาติดตามกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ทันทีที่มีข่าวว่ากองทัพอเมริกันได้สั่งซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธจากอิสราเอลมาแก้ปัญหาแบบชนิด “แก้ผ้าเอาหน้ารอด” ไปพลางๆ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงเตหะราน “นายLeven Dzhagaryan” ก็ได้ออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ว่ารัสเซียพร้อมแล้วที่จะขายระบบป้องกันขีปนาวุธ “S-400” ให้อิหร่าน หลังจากที่เพิ่งขายให้กับจีนไปหมาดๆ ฮ๊ายย์ย์ย์...อะไรมันจะ “เกทับ-บลัฟแหลก” ไปได้ถึงปานนี้!!!




กำลังโหลดความคิดเห็น