xs
xsm
sm
md
lg

ยังต้องฉิบหาย-วายวอดกันไปอีกนาน!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


นายกรัฐมนตรีฌ็อง กัสแต็กซ์ ของฝรั่งเศส
ชักเริ่มโผล่ๆ ขึ้นมาให้เห็นรางๆ กันมั่งแล้ว!!!...สำหรับการ “ระบาดระลอกสอง” หรือระลอกเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ของท่านเชื้อไวรัส “COVID-19” ที่เริ่มหวนกลับมายังประเทศต่างๆ อย่างเป็นเรื่อง เป็นราว และเอาเรื่อง เอาราว อยู่ตามสมควร ไม่ว่าใครจะยังกลัว หรือหายกลัวกับการออกฤทธิ์ ออกเดช ของเชื้อโคโรนาไวรัสตัวนี้ หรือไม่ เพียงใด ก็ตามแต่...

อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวคราวในประเทศฝรั่งเศส เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ (13 ก.ย.) ที่ผ่านมานี่เอง...คือไม่ว่าจะการ์ดตก-ไม่การ์ดตก กันในลักษณะไหน อย่างไร หรือไม่ ก็ตามที แต่การที่จำนวนตัวเลข “ผู้ติดเชื้อ” ท่านโคโรนาไวรัส “COVID-19” จู่ๆ มันเด้งดึ๋งขึ้นมาถึงประมาณ 10,561 ราย ภายในวันเดียว หรือภายในระยะเวลาแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง อันนี้...ยังไงๆ คงอดไม่ได้ที่จะต้อง “หูแหก-ตาแหก” กันมั่งนั่นแหละทั่น!!! หรือทำให้เกิดข้อสรุปว่า “มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนว่าการระบาดระลอกสองกำลังอุบัติขึ้นมาในประเทศฝรั่งเศส” ตามคำพูด คำให้สัมภาษณ์ของท่านนายกรัฐมนตรี “ฌ็อง กัสแต็กซ์” (Jean Castex) เมื่อช่วงวันเสาร์ (12 ก.ย.) ที่ผ่านมา...

ไม่ต่างไปจากประเทศที่อยู่ห่างไปจากกันไม่เท่าไหร่...นั่นคือประเทศออสเตรีย ที่ผู้นำอย่าง “นายเซบาสเตียน คูร์ซ” หรือ “เคิร์ซ” (Sabastian Kurz) หรือจะออกเสียงกันแบบไหนก็แล้วแต่ ได้ออกมาแสดงความหนักอก-หนักใจมิใช่น้อย ต่อตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อ “COVID-19” ที่เมื่อช่วงสองสัปดาห์ที่แล้ว ติดกันวันละ 350 รายก็ถือว่าหนักแล้ว แต่มาสัปดาห์นี้หรือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เอง ตัวเลขมันดันกระโดดขึ้นไปในระดับ 2 เท่า 3 เท่า คือติดกันวันละ 869 รายเป็นอย่างน้อย หรือทำให้ผู้นำออสเตรียที่ยังเพิ่ง “เอ๊าะๆ” รายนี้ ถึงกับค่อนข้างมั่นอกมั่นใจว่า “การระบาดระลอกสอง” ของเชื้อ “COVID-19” กำลังอุบัติขึ้นมาในประเทศออสเตรียอย่างค่อนข้างชัดเจน...

ส่วนที่ต่ำลงมาแถวๆ ตะวันออกกลาง อันนี้...ถึงขั้นเตรียม “ปิดบ้าน-ปิดเมือง” กันอีกระลอกเอาเลยถึงขั้นนั้น สำหรับประเทศอิสราเอลลูกหลานของกษัตริย์ “ดาวิด” และ “โซโลมอน” ทั้งหลาย เพราะแนวโน้มของการ “ระบาดระลอกสอง” มันชักเริ่มเป็นอะไรที่ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที อีกทั้งเมื่อช่วงประมาณ -3-4 เดือนที่แล้ว หรือช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถ้าใครที่เคยอ่านข่าว ตามข่าวต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ คงพอจำได้ว่า เคยมีข่าวว่าผู้นำอิสราเอล อย่าง “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” ท่านไปพูดจาแบบเจ๊าะๆ-แจ๊ะๆ หรือชิทๆ-แชทๆ ก็แล้วแต่ กับสมาชิกพรรคลิคุดอย่างเป็นการภายใน ถึงเอกสารรายงานบางฉบับที่ท่านได้รับมาจากภายนอก ด้วยคำพูดประโยคที่ว่า... “มีรายงานจากนอกประเทศที่พูดถึงการกลับมาระบาดครั้งใหม่ของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งถ้าหากมันเป็นจริงตามนั้น อาจต้องถือเป็นสัญญาณแห่งจุดจบของมวลมนุษยชาติ” หรือถึงขั้น “wipe out humanity” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

ซึ่งจะด้วยเพราะเหตุผลกลใด ก็แล้วแต่...เลยทำให้รัฐบาลที่ได้ชื่อว่าค่อนข้างยอดเยี่ยมกระเทียมดองในด้าน “ข่าวกรอง” อย่างรัฐบาลอิสราเอล โดยการนำเสนอของรัฐมนตรีสาธารณสุข จึงเสนอให้มีการปิดบ้าน-ปิดเมือง หรือการหันกลับไป “ล็อกดาวน์” อย่างค่อนข้างจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คือปิดโรงเรียนทั่วประเทศ ปิดร้านอาหาร ภัตตาคาร ฯลฯ ให้หันไปหาซื้อผ่านทางเดลิเวอรีกันแทนที่ ปิดบริษัทธุรกิจที่ไม่ถึงกับสำคัญๆ เปิดเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านชำ ร้านขายยา ฯลฯ ให้พอหาซื้อสิ่งจำเป็นกันไปตามสภาพ โดยยอมให้ผู้คนเดินทางห่างจากบ้านไม่เกินไปกว่า 500 เมตร เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานไปอีก 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย ฯลฯ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน เป็นต้นไป ส่วนจะเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ เห็นว่ายังเถียงๆ กันอยู่ เพราะบรรดาผู้ที่กลัว “อดตาย” มากกว่ากลัว “ป่วยตาย” ก็ยังคงมีอยู่อีกเยอะ...

อย่างเช่น “นางYifat Shasha-Biton” ที่แม้มีฐานะเป็นถึงประธานคณะกรรมการป้องกันเชื้อ “COVID-19” ของสภา “Knesset” แต่กลับเห็นว่า การหวนกลับไป “ล็อกดาวน์” แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดครั้งใหม่ อาจส่งผลให้ประเทศอิสราเอลทั้งประเทศฉิบหายเอาง่ายๆ หรืออาจก่อให้เกิด “กลียุคทางการเงิน” ไปพร้อมๆ กับ “กลียุคการว่างงาน” อันเนื่องมาจากตัวเลขผู้ว่างงานในช่วงการระบาดระลอกแรก ก็พุ่งขึ้นไปไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์เข้าไปแล้ว แถมบรรดาผู้ที่ไม่ถึงกับ “กลัวเชื้อโรค” แต่ดันกลับกลัวการดำรงคงอยู่ ของนายกรัฐมนตรีอิสราเอลคนปัจจุบันซะมากกว่า ก็ยังพยายามออกมาประท้วงโน้น ประท้วงนี่ ชนิดหนักหน่วงและรุนแรงมิใช่น้อย เผลอๆ...อาจหนักกว่า “ม็อบเด็กๆ” บ้านเราซะอีก โดยที่การเถียงกันไป-เถียงกันมาในลักษณะที่ว่า จะส่งผลให้ “รัฐบาลอิสราเอล” ที่ออกจะง่อนๆ แง่นๆ อยู่แล้ว เพราะความพยายามรวม “น้ำในคลองแสนแสบ” กับ “น้ำในเจ้าพระยา” (ประทานโทษ) พยายามรวมเอาพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม อย่างลิคุดกับพรรคฟ้า-ขาว ให้กลายมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อาจถึงขั้นต้อง “แตกดังโพละ” ขึ้นมาในวันใด-วันหนึ่ง เอาเลยก็ไม่แน่...

แต่เอาเป็นว่า...ไม่ว่าการ “ระบาดระลอกสอง” ของเชื้อ “COVID-19” จะเป็นจริง เป็นจัง หรือไม่ เพียงใดก็ตามที แต่โดยลักษณะอาการส่วนใหญ่ของแต่ละประเทศนั้น ออกจะไม่ไหวแล้ว!!! หรือไม่คิดจะหวนกลับไปปิดบ้าน-ปิดเมืองอีกต่อไปแล้ว เพราะแนวโน้มการ “อดตาย” มันออกจะน่าหวาดหวั่นขวัญสยองไม่น้อยไปกว่ากัน ไม่ว่าจะที่ฝรั่งเศส ที่นายกรัฐมนตรี “กัสเต็กซ์” ถึงกับต้องออกมาปลอบประโลมผู้คนเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ให้พยายาม “ทำใจ” หรือพยายาม “อยู่ร่วมกับเชื้อไวรัส” ต่อไปให้จงได้ เช่นเดียวกับผู้นำออสเตรีย ที่คงได้แค่พยายามขอร้องและวิงวอนให้บรรดาชาวออสเตรียทั้งหลาย พยายามสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคมเข้าไว้ ไปจนกว่า “ฤดูร้อนปีหน้าจะมาถึง” ...

ส่วนบ้านเรานั้น...ไม่ว่าจะความ “กลัวอดตาย” หรือ “กลัวป่วยตาย” น่าจะไม่มีใครคิดกลัวๆ อีกต่อไปแว้วว์ว์ว์ โดยเฉพาะบรรดาพวกหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย การเตรียมก่อการลุกฮือ เตรียมออกมานอนกลิ้ง-นอนหงายกันในช่วงวันเสาร์ที่ 19 กันยายนที่จะถึง จึงชักเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัส และหนักหน่วงรุนแรงมิใช่น้อย แม้ว่ารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุข ท่านจะห่วงใยปรารถนาดี จนต้องออกมาเตือนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าประมาณว่า... “ขอให้นักศึกษาที่จะมาชุมนุมวันที่ 19 พยายามใส่หน้ากากอนามัย อย่าไอและจามใส่กัน ให้ส่งเสียงแค่พอพูดคุยกันได้ แต่ควรอยู่ภายในหน้ากากเพื่อไม่ให้ละอองฝอยเล็ดรอดออกมา” แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับเฮทสป่ง เฮทสปีช อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย ถ้าไม่ “พ่นละออง” ออกมาให้เต็มสูบ เต็มด้าม มันคงไม่น่าจะ “มันซ์ซ์ซ์” สักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้...คงไม่น่าจะมีใครให้ความสนใจต่อ “คำเตือน” ดังกล่าวเอาเลยแม้แต้น้อย...

ดังนั้น...เอาเป็นว่า คงต้องขออนุญาตไปนำเอา “คำเตือน” ของนักวิชาการชาวเบลเยียม ผู้เชี่ยวชาญด้านความยากจนที่ได้รับการแต่งตั้งจากสหประชาชาติ อย่าง “นายOlivier De Schutter” มาฝากทิ้งท้ายเอาไว้ก็แล้วกัน คือคำเตือนอันมีผลมาจากการศึกษา ค้นคว้า จนเป็นรายงานทางวิชาการเผยแพร่ไว้เมื่อช่วงวันศุกร์ (11 ก.ย.) ที่ผ่านมา ที่นอกจากสรุปไว้ว่า...ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” คราวนี้ จะส่งผลให้พลโลกไม่น้อยกว่า 176 ล้านคน กลายเป็นผู้มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 3.20 ดอลลาร์ หรือกลายเป็น “คนจน” ตามมาตรฐานโลก ผลกระทบจากความจน-ความไม่เสมอภาคเท่าเทียมกันเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้ “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดจากวิกฤตการแพร่ระบาดคราวนี้...ยังมาไม่ถึง” หรือยังอาจต้องฉิบหายวายวอดกันไปอีกนาน!!!




กำลังโหลดความคิดเห็น