xs
xsm
sm
md
lg

คิดแบบ Normal ก่อนจะไป New Normal

เผยแพร่:   โดย: ธเนษฐ เศรษฐาวาณิช



โดย ดร.ธเนษฐ เศรษฐาวาณิช
ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คณะกรรมาธิการแก้ไขหนี้สินแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร


COVID-19 มันดีต่อเหตุการเปลี่ยนแปลงไปสู่ NEW NORMAL จริงๆ แต่ประชาชนทั่วหล้าเข้าสู่เส้นความยากจน "ลึก" ลงไปเรื่อยๆ นโยบายทุนนำประชาชนใช้แล้วก็ยิ่งเหมือนนำคนทั้งประเทศวิ่งไปตกเหว ยังไงเวลานี้ นโยบายต้องให้ประชาชนมาก่อนทุนเท่านั้น ยิ่งประเทศจีนประกาศต้องเพิ่มการบริโภคภายในเป็น 60% การส่งออกนั้นถูกบีบด้วยอำนาจอีกขั้วประกอบกับวิกฤตโควิด ฉะนั้นเราต้องไม่ฝืนกระแสโลก เพราะตลาดโลกเน้นบริโภคภายในเป็นหลักแล้ว นโยบายเพื่อประชาชนต้อง"เร็ว"และ"ง่าย"ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก หลักเงินผันสุดคลาสสิกของ ม.ร.ว.คึกฤทธ์ ปราโมช ต้องนำมาปรับใช้จะได้ผลดียิ่ง มัวแต่จะส่งออกไม่อัดเข้าเศรษฐกิจท้องถิ่น ชุมชน คงจบเห่ เน้นแต่ GDP เป็นเพียงตัวเลข แต่กินไม่ได้ อ้างทรมานลิงมันจะใช่หรือ?

หนี้ครัวเรือนที่เดือดร้อนหนักสุด คือ กลุ่มลูกจ้าง 18 ล้านคนที่บริษัทให้ออกบ้าง จ้างต่อไม่ไหวบ้าง ถัดมาคือเกษตรกร 11 ล้านคน และอาชีพอิสระ 8 ล้านคน ปัญหาบานปลายต้องรีบสะสางถึงมันยาก แต่เน้นเพิ่มการจ้างงานก่อนตามโครงการต่างๆ โดยต้องเป็นชาวบ้าน ท้องถิ่น ชุมชนทำเท่านั้น เพราะหากมีเงินในมือ ก็นำไปจับจ่ายใช้สอย มีเงินหมุนเวียนเกิดสภาพคล่อง ทำให้เกิดเศรษฐกิจภายในประเทศเติบโต
เกษตรกรยังดีมีแหล่งกู้เงินกับ ธ.ก.ส. สหกรณ์และกองทุนหมู่บ้าน แต่ลูกจ้างมีเงินประกันสังคมแต่จากงานวิจัยกลับได้รับความช่วยเหลือได้ไม่ค่อยเต็มที่ ลูกจ้างตกงาน กลับไปบ้านทำเกษตรไม่ไหวแล้วอายุเยอะ บางคนทำโรงงานมาทั้งชีวิต กลับมาบ้านเกิดทำนา ทำไร่ ทำไม่ไหว รัฐต้องรีบนำเครื่องจักรเบา ทำให้เหมือนโรงงานจิ๋ว เบ็ดเสร็จเพื่อแปรรูปสินค้าได้ด้วยตนเอง อย่าขายแค่วัตถุดิบ ต้องแปรเป็นสินค้าสำเร็จรูป ซึ่งราคาดีกว่าอยู่แล้ว

สมัยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เป็นนายกฯ กว่า 40 ปีที่แล้วได้จัดสรรแบ่งงบฯ มา 1,500 ล้านบาทจ้างงานคนชนบทกว่า 10 ล้านชีวิต มีโครงการสร้างถนน ขุดคูคลอง สร้างสะพาน ฯลฯ กว่า 41,000 โครงการ คนไทยสมัยนั้นกว่า 96% สอดรับชมว่าดีเยี่ยม รถเมล์ฟรี รักษาฟรี เป็นพรรคที่มีนโยบายเศรษฐกิจก้าวหน้าที่สุด สไตล์ทุนนิยม-สังคมนิยม คือ เศรษฐกิจเสรีและกระจายทรัพย์แบบสังคมนิยม

หากวันนี้ เงินกู้ 4 แสนล้าน หรืองบประมาณ 3 ล้านล้านของปี 64 จากยอดใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ต้องผันส่งให้ถึงมือชาวบ้านโดยตรง ขาดเครื่องจักร เครื่องมือทำการเกษตร เครื่องมือทำกินรัฐต้องจัดให้ ไม่มีงานทำรัฐจัดโครงการให้ หัวใจมันคือการทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยให้มากที่สุด เงินก็หมุนอยู่ในตลาด หมุนอยู่ในประเทศเรา มันกลับทำให้ GDP สูงขึ้น อย่าไปมองแค่การส่งออกอย่างเดียว!

นโยบายหลักของรัฐบาล ณ เวลานี้ คือการต่อสู้กับ “สงครามความยากจนของราษฎร” ที่เล่ามาคือ ความคิดแบบ Normal

แต่ New Normal นี่สิคือ ของจริง ปัจจัยมันคือการแบ่งขั้วอำนาจโลกที่ชัดแจ้งและรุนแรงมากขึ้น เราต้องเตรียมการใช้เงินแบบดิจิตอล ซึ่งฝั่งจีนเรียกว่าดิจิตอลหยวน (Digital Yuan) ฝั่งอเมริกาเรียก ลิบร้า(Libra) เราอาจต้องใช้ทั้ง ลิบร้า ทั้งดิจิตอลหยวนจีน และเงินสกุลไทยแบบดิจิตอลไปพร้อมๆ กัน มันคือการรักษาสมดุลของขั้วอำนาจแบบสมัยรัชกาลที่ 5 ที่แต่ก่อนเป็นการล่าอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศส และพระองค์ทรงไปเจริญสัมพันธไมตรีกับรัสเซีย แต่ยุคปัจจุบันมันคือ การล่าอาณานิคมในเชิงเศรษฐกิจการค้า ต่างชาติรีบเข้ามากว้านซื้อบริษัท ซื้อหุ้นบริษัท รวมถึง มหาวิทยาลัย โรงแรม โรงพยาบาล ที่ดินในช่วงวิกฤตนี้มากมาย เพราะราคาต่ำ คนมีทรัพย์แต่ขาดสภาพคล่องก็อยากขาย เราต้องเน้นท้องถิ่น ชุมชน การบริโภคภายในประเทศและเน้นค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน

ประเทศเราหากโดนกลืนกินไปมากกว่านี้ ความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทรัพยากรตกแก่ต่างชาติ สุดท้ายแล้วคนไทยเราจะลืมตาอ้าปากคงเป็นไปได้ยากแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น