xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์-มือเปื้อนเลือด และ Meltdown อีกครั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

แนนซี เพโลซี แถลงหน้าทำเนียบขาวเคียงข้าง ชัค ชูเมอร์
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อดีตนายพล 4 ดาวนาวิกโยธิน John Allen (เกษียณ) ได้ออกมาตบหน้าปธน.ทรัมป์ โดยประณามว่า “ปธน.ทรัมป์มีมือเปื้อนเลือดเต็มไปหมด จากการทอดทิ้งปล่อยเกาะทหารพันธมิตร Kurd อย่างกะทันหัน-พันธมิตรที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่ทหารอเมริกันในดินแดนตอนเหนือของซีเรีย ในการปราบปรามไอซิส” เพราะทหาร Kurd เป็นเจ้าของพื้นที่และรู้จักภูมิประเทศดีมาก ส่วนใหญ่ทหาร Kurd จะนำหน้าทหารอเมริกันในการรบที่นั่น เรียกว่า ยอมตายแทนทหารอเมริกันทีเดียว

ดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียเป็นดินแดนของทหาร Kurd ที่ต้องการปลดแอกจากปธน.อัล-อัสซาด ของซีเรีย-ก่อนหน้า Arab Spring (2011) ด้วยซ้ำ และช่วง Arab Spring ที่อเมริกาฉวยโอกาสเป็นพันธมิตรกับ Kurd เพื่อโค่นอัล-อัสซาด...ต่อมาได้เกิดกองทัพไอซิส (2014) ที่แผ่ขยายอย่างรวดเร็วในพื้นที่ระหว่างซีเรียและอิรัก เพื่อตั้งรัฐอิสลาม (รัฐกาหลิบหรือ Caliphate) ซึ่งหน่วยปฏิบัติงานนอกประเทศของไอซิสได้สร้างความสะพรึงกลัวสุดขีดกับชาวอเมริกันตามเมืองใหญ่ต่างๆ ทั้งนิวยอร์ก และที่แคลิฟอร์เนีย ฯลฯ

ที่ชาว Kurd ยอมตายร่วมรบกับทหารอเมริกันเพื่อปราบไอซิส ก็เพราะชาว Kurd ต้องการได้หลักประกันว่าอเมริกันจะช่วยปกป้องพวกเขาจากศัตรูตั้งแต่โบราณกาล (พันๆ ปี) ชาวตุรกีที่เคยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกเขาในอดีต

แต่เมื่อประธานสภาล่างแนนซี เพโลซี ส.ส. 10 กว่าสมัยจากพรรคเดโมแครต (รัฐแคลิฟอร์เนีย) และเป็นประธานสภาผู้แทนหญิงคนแรกของสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจหลังประชุมเหล่าบรรดา ส.ส.ของพรรคว่า พรรคเดโมแครตจะเดินหน้าขบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอน (Impeachment Inquiry) ปธน.ทรัมป์-กรณีนำเอาผลประโยชน์ของชาติ (การให้เงินช่วยเหลือทางทหารแก่รัฐบาลฝักใฝ่ตะวันตกของประเทศยูเครน-เพื่อใช้ต่อสู้ยันข้าศึกคือ กบฏยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนทั้งอาวุธและทหารจากรัสเซีย-ทางตะวันออกของยูเครน) มาต่อรองแบบมาเฟียเพื่อแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว คือ การโค่นคู่แข่งทางการเมืองในการเลือกตั้งปีหน้า-2020-ด้วยการให้ทำหลักฐานปลอม (“manufacture”) กล่าวหาว่า โจ ไบเดน ขณะซึ่งเป็นรองปธน.ได้ใช้อำนาจหน้าที่ปกป้องลูกชาย ฮันเตอร์ ไบเดน ที่นั่งเป็นบอร์ดของบริษัทแก๊สใหญ่สุดของยูเครน-จากการถูกสอบเรื่องคอร์รัปชัน

เรื่องราวคล้ายๆ กับช่วงที่อดีตปธน.นิกสัน ถูกดำเนินการไต่สวนเพื่อถอดถอนเมื่อปี 1973-74 นั่นคือ เทปลับการสนทนาที่มีเนื้อหาที่จะเป็นหลักฐานสำคัญในการถอดถอน รวมทั้งพยานบุคคลที่กำลังถูกเรียกตัวจากกรรมาธิการสภาล่างให้มาให้การ

หลักฐานเริ่มชัดขึ้น แม้การเดินหน้าไต่สวนมีขึ้นเพียง 1 อาทิตย์ ทั้งเทปการสนทนาทางโทรศัพท์ และการติดต่อผ่านสื่อต่างๆ ที่เดี๋ยวนี้จะมีบันทึกเอาไว้ถาวรกว่าสมัยของนิกสันเสียอีก

แม้ทรัมป์จะเป็นนักบิด(เบือน)อย่างหาไม่ได้แล้วใน 3 โลก ขนาดเซียน “ตู่” และ “เต้น” ของไทยคงต้องเรียก “พ่อ” คือเป็น Super Spin Doctor และทำหน้าที่ “บิด” เอง-ไม่ต้องไปพึ่งพามือบิดอาชีพแบบเช่นสมัยของทักษิณ-โดยทรัมป์ออกมาบิด(เบือน)การสนทนาข่มขู่แบบมาเฟียเพื่อต่อรองแลกผลประโยชน์กับผู้นำใหม่แกะกล่องของยูเครนว่า เป็นเรื่องที่ทรัมป์ต้องการให้รัฐบาลยูเครนจัดการปราบคอร์รัปชันให้จริงจัง ก่อนที่จะส่งเงินช่วยเหลือทางทหาร (มูลค่าเกือบ 400 ล้านดอลลาร์) ที่เขาได้เพิ่งออกคำสั่งให้หยุดการโอนเอาไว้ก่อน

และทรัมป์ออกมาประณามคนเป๋านกหวีดที่เป็นข้าราชการประจำที่รักชาติ และได้ปูดเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ส่วนตัวของทรัมป์ครั้งนี้ ว่าเป็นคนทรยศ (traitor) ขายชาติ ทั้งๆ ที่ตัวทรัมป์นั่นแหละคือคนทรยศ และบิด(เบือน)ขนาดขอพบตัวต่อตัวต่อข้าราชการที่ออกมาปูดข่าวเรื่องนี้ (ทั้งๆ ที่กฎหมายพิทักษ์ข้าราชการผู้ปูดข่าว-ห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้นเด็ดขาด)

ขบวนการไต่สวนเพิ่งเริ่มขึ้น อยู่ๆ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก็มีประกาศโครมครามจากทรัมป์ ว่า ได้พูดโทรศัพท์กับผู้นำตุรกี ที่ทรัมป์จะถอนทหารอเมริกันออกจากดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย-ซึ่งติดกับดินแดนของตุรกี-เพราะต้องทำตามสัญญาที่ได้หาเสียงเอาไว้ว่า ทรัมป์จะนำทหารอเมริกันกลับบ้านให้หมดจากทุกๆ แห่งในโลก เพื่อลดค่าใช้จ่าย และให้เจ้าของประเทศดูแลดินแดนของตนเองก็แล้วกัน

เป็นการกลบข่าวการไต่สวนเพื่อถอดถอน ที่หลักฐานเริ่มมัดตัวทรัมป์มากขึ้น จนถึงอาจดิ้นไม่หลุด-ซึ่งกลยุทธ์กลบข่าวนี้ ทรัมป์ใช้มาตลอด 3 ปีนี้หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน

ผลคือ กองทัพอันเกรียงไกรทันสมัยกว่าของตุรกี ได้บุกทำลายดินแดน Kurd อย่างน่าสยดสยองชนิดเข้าข่ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์-โดยตุรกีอ้างว่า จะต้องเคลียร์พื้นที่ตรงนั้นเพื่อสร้าง Safe Zone ที่ปลอดภัย และจะนำผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจำนวนถึง 3.7 ล้านคน ที่หนีสงครามซีเรียไปอยู่ในความดูแลของยูเอ็นในเขตตุรกีให้กลับมาอยู่ในเขตซีเรีย

ทำเอาเกิดแรงต้านทรัมป์ในทั้งสภาล่างและวุฒิสภา ที่ได้ร่วมมือกันทั้งสองพรรค (Bipartisan) เพื่อเสนอกฎหมายยับยั้งคำสั่งถอนทหารของทรัมป์ออกจากดินแดนซีเรีย-มี ส.ส.-ส.ว.ตัวเอ้สำคัญๆ ของพรรครีพับลิกันออกมาประณามทรัมป์ว่า อเมริกาจะทรยศต่อเพื่อนร่วมตายในสนามรบ (คือนักรบ Kurd) ได้อย่างไร...นำความเสื่อมเสียต่อความน่าเชื่อถือของกองทัพสหรัฐฯ อย่างยิ่ง ที่ไม่เคยทิ้งเพื่อนแบบนี้มาก่อน-แล้วใครจะยอมเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ในอนาคต! ในเมื่ออเมริกาถึงกับหักหลังทรยศต่อเพื่อนที่ยอมตายแทนได้ขนาดนี้

ประธานสภาแนนซี รวมทั้งกลุ่ม ส.ส.เดโมแครตได้เดินทางไปประชุมเผชิญหน้ากับทรัมป์ในทำเนียบขาวในเรื่องนี้ กลับถูกทรัมป์กล่าวเหยียดหยามประธานสภาแนนซีว่า เธอมันก็แค่นักการเมืองเกรด 3 (ชั้นล่างมากหรือชั้นเลว-ไม่มีประสบการณ์-ต่างกับเกรด 1 คือดีเยี่ยม) ขณะที่นางแนนซี (แม่ลูก 5 และคุณย่าหลานเป็นหลายสิบคน) ได้พยายามอดกลั้นไม่โวยวาย และเดินออก (Wall Out) จากการประชุมทันที

เธอได้ออกมาแถลงหน้าทำเนียบขาว เคียงข้างผู้นำเสียงข้างมากของสภาล่าง และผู้นำเสียงข้างน้อยของวุฒิสภา โดยกล่าวอย่างใจเย็นว่า ท่านประธานาธิบดี “Meltdown” อย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา คือ ส.ว.อาวุโส ชัค ชูเมอร์ บอกว่า เป็นการหยามเหยียดประธานสภาล่าง อย่างที่ไม่เคยมีปธน.สหรัฐฯ คนใดจะหยาบคายขนาดนี้มาก่อน

ก่อนนั้น ทรัมป์ก็ใช้คำเต็มของ B.S. (คำหยาบคาย) ในทวีตที่เขาส่งถึงคน 66 ล้านคนที่รับทวิตเตอร์ของเขา-เป็นการบริภาษการเดินหน้าไต่สวนของกรรมาธิการสภาล่าง-รวมทั้งเหล่าข้าราชการรักชาติที่ออกมาปูดข่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราวด้วย

นับเป็นความหยาบคาย,หยาบช้า, หยาบกร้าน, โอหัง ที่ต้องรอดูต่อไปว่า จะถึงจุดอย่างที่ ส.ว.อาวุธโส Barry Goldwater ของพรรครีพับลิกัน ได้นำเพื่อน ส.ว.ของพรรคไปหาอดีตปธน.นิกสัน ที่ทำเนียบขาว เพื่อบอกว่าเขาต้องออกไปจากตำแหน่งปธน.แล้ว นั่นแหละนิกสันจึงรู้ว่า เขาไม่ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจาก ส.ว.รีพับลิกัน และต้องตัดสินใจชิงลาออก ก่อนจะถูกถอดถอนในวุฒิสภา


กำลังโหลดความคิดเห็น