xs
xsm
sm
md
lg

รมต.เกาหลีใต้ต้องออก เพราะประชาชนกดดัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

 โช กุ๊ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ ประกาศลาออก
โล่งอกกันไปสำหรับรางวัลสันติภาพโนเบล ที่ปธน.ทรัมป์ไม่ใช่ผู้รับรางวัล เพราะมันเคยเกิดเหตุกับรมต.ต่างประเทศ เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ที่ได้รับรางวัล ท่ามกลางความกังขาของทั้งโลก เพราะแม้เขาจะอยู่เบื้องหลังการเปิดสัมพันธ์ระหว่างปธน.นิกสัน กับประธานเหมาของจีนในต้นทศวรรษ 1970’s แต่เขาคือซูเปอร์เหยี่ยวที่ผลักดันนโยบายขวาพิฆาตซ้ายในละตินอเมริกา; ขณะที่เขาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงของทำเนียบขาว; และการปราบปรามฝ่ายซ้าย (ที่มาจากการเลือกตั้ง)-ยุคสงครามเย็น-ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้-หมายถึงการฆ่าคนเป็นจำนวนหมื่น ทั้งที่อาร์เจนตินา (ที่เรียกว่า Dirty War), ชิลี (ที่ฆ่าปธน.อัลเยนเด้ ในทำเนียบทีเดียว), ที่กัวเตมาลา, ที่นิการากัว และอีกหลายๆ ประเทศ รวมทั้งการยิงสังหารคุณหมอเช เกวารา ที่โบลิเวียด้วย

ส่วนบุคคลที่ ผลักดันให้เกิดสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี (ที่น่าจะได้รางวัลโนเบลตัวจริง) จนถึงกับเป็น กาวใจ ชักนำให้เหยี่ยวตัวโตชื่อทรัมป์ มาพบ (Summits) ถึง 2 ครั้ง 2 ครากับเหยี่ยวหนุ่มน้อยแห่งเกาหลีเหนือ (ที่เพิ่งเปลี่ยนประเทศกลายเป็น ประเทศ (อาวุธ) นิวเคลียร์ ไปเรียบร้อยแล้ว) กลับกำลังเผชิญกับคลื่นทางการเมืองและเศรษฐกิจ-ที่กำลังดึงคะแนนนิยมของเขาจนลดลงต่ำสุดตั้งแต่มารับตำแหน่งในทำเนียบสีฟ้า คือ เหลือแค่ 40% ต้นๆ ทั้งๆ ที่เขาเข้ารับตำแหน่งในทำเนียบด้วยคะแนนนิยมสูงถึง 80% และยิ่งเมื่อสามารถโน้มน้าวเปลี่ยนใจทรัมป์จากที่กำลังบ้าคลั่งจะถล่มเกาหลีเหนือ (ตลอดปี 2017-ปีแรกที่ทรัมป์เข้าทำเนียบขาว) มาเป็นมายืนกอดกันกับคิม จองอึน ผู้นำหนุ่มเกาหลีเหนือ-ทำเอาคะแนนนิยมของเขา-ปธน.มุน แจ-อิน-ขึ้นไปแตะ 90% ทีเดียว

เป็นเพราะ ปธน.มุน แจ-อิน ได้แต่งตั้งศาสตราจารย์สอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยมีชื่อของเกาหลี-ผู้มีภาพลักษณ์ ต่อต้านสังคมที่เหลื่อมล้ำของเกาหลี โดยเฉพาะกับระบบการศึกษาของเกาหลีที่ส่งเสริมให้ผู้มีฐานะดี (อยู่แล้ว) ในสังคม สามารถรักษาสถานภาพได้เปรียบทางสังคม (-แต่ปิดกั้นหรือเปิดโอกาสน้อยมากสำหรับลูกตาสีตาสาที่ด้อยกว่าในการเตรียมตัวแข่งขัน-ที่จะสามารถพิชิตเก้าอี้นั่งเรียนในสถาบันมีชื่อเสียงของเกาหลีใต้)

โดยการแต่งตั้งให้ศ.โช กุ๊ก (Cho Kuk) เข้ารับตำแหน่ง รมต.ยุติธรรม เมื่อต้นเดือนกันยายนนี้เอง ด้วยความตั้งใจให้ศ.โช กุ๊ก-คนหนุ่มผู้เคยมีผลงานทางวิชาการและการอภิปรายหลายครั้ง ได้เคยเสนอ นโยบายปฏิรูประบบตุลาการ โดยเฉพาะคือ อำนาจมหาศาลของอัยการสูงสุด ที่สามารถตั้งเรื่องสอบสวนได้ แม้จะ ไม่มีโจทก์กล่าวหาก็ตาม ซึ่งอำนาจมหาศาลนี้ได้เคยทำให้อดีตปธน.หลายคนของเกาหลีใต้ ต้องไปอยู่ในคุกมาแล้ว รวมทั้งอดีตปธน.หญิงคนแรกของเกาหลีใต้ชื่อ ปาร์ค กึน-ฮเย

ศ.โช กุ๊ก เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับปธน.มุน แจ-อิน และอยู่ในก๊วนของ นักกฎหมายสายก้าวหน้า ที่มีลูกพี่เคยเป็นปธน.คนดัง ที่ได้รางวัลโนเบลปี 2000 (คือ คิม แด-จุง ที่เป็นปธน.เกาหลีใต้ที่เสนอนโยบาย ตะวันฉาย หรือ Sunshine Policy-และได้เปิดสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ โดยคิม แด-จุง ได้เดินทางไปถึงกรุงเปียงยาง) รวมทั้งอดีตปธน. โร มุนฮยอง ที่รับตำแหน่งต่อจากคิม แด-จุง แต่ต้องไปกระโดดเขาตายหลังปรากฏภรรยาไปรับความช่วยเหลือจากบริษัทก่อสร้างที่มาซ่อมแซมบ้านโดยไม่คิดเงิน

ขณะที่กำลังมีการตรวจสอบ (cearing) ศ.โช กุ๊ก เพื่อเข้ารับตำแหน่งรมต.ยุติธรรม ก็เกิดการเปิดโปงจากพรรคฝ่ายค้านว่า ศ.โช กุ๊ก ใช้อภิสิทธิ์รวมทั้งความไม่ชอบมาพากลจนลูกสาวสามารถสอบเข้าเรียนในวิทยาลัยแพทย์ของมหาวิทยาลัยเกาหลีที่โด่งดัง และสอบเข้าเรียนได้ยากเย็นยิ่ง

รายละเอียดค่อยๆ ทยอยออกมาว่า ลูกสาวของศ.โช ได้เคยเขียนบทความทางวิชาการ ตั้งแต่ยังเรียนไฮสกูลในด้านวิชาการทางชีววิทยาที่น่าทึ่งมาก แต่ปรากฏว่า ภรรยาของศ.โช กุ๊ก ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเช่นกัน เป็นผู้นำเสนอบทความทางวิชาการนี้ แต่ ใส่ชื่อลูกสาวที่เป็นแค่เด็กนักเรียนนี้เป็นผู้วิจัย เพื่อทำทางสำหรับการสอบเข้าร.ร.แพทย์

เมื่อเธอสอบเข้าโรงเรียนแพทย์แล้ว มีหลักฐานว่าเธอได้ สอบตกตั้ง 2 วิชา ที่มีหลักฐานอยู่ ซึ่งฝ่ายค้านได้รณรงค์ต่อสาธารณชนโดยกล่าวหาว่า ศ.โช กุ๊ก มีความไม่ชอบมาพากลกับการสอบเข้าโรงเรียนแพทย์ของลูกสาว-และนโยบายปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสถาบันการศึกษา ก็เป็น นโยบายจอมปลอม เพราะลูกสาวก็ยังอยากเข้าเรียนในวิทยาลัยแพทย์ดีเด่น และลงทุนปลอมเป็นผู้เขียนบทความทางวิชาการ

ฝ่ายค้านยังเปิดโปงถึงสมาชิกในครอบครัว เช่น ครอบครัวน้องชายมีการ ลงทุนในกองทุนที่ไม่โปร่งใส...นำมาสู่การบุกทะลวงของสำนักงานอัยการเข้าค้นเอกสาร ณ สถาบันการเงินหลายแห่ง รวมทั้งสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวพันกับลูกสาวของศ.โช กุ๊ก ด้วย

รมต.ยุติธรรมโช กุ๊ก ไม่สามารถปฏิบัติงานที่กระทรวงได้อย่างราบรื่น เพราะการเปิดโปงเรื่องการไม่ชอบมาพากลของเขา (โดยฝ่ายค้าน) ได้บดบังการเดินหน้าพยายามทำหน้าที่ของเขา ทั้งๆ ที่ปธน.มุน แจ-อิน จะออกมาสนับสนุนเขา...จน คะแนนนิยมของมุน ก็เริ่มตกต่ำลง ตลอดช่วง 9 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ โดยมี เรื่องเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลงมาก จากสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน และข้อพิพาทระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น (เรื่องแรงงานทาสสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และทาสทางกามของทหารญี่ปุ่น-Comfort Woman) เป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจเกาหลีใต้ด้วย-ประกอบกับ ไม่มีความคืบหน้าเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เพราะเกิดความชะงักงันการเจรจา ระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ-หลังประชุมสุดยอดสองครั้งที่แล้วไม่มีอะไรคืบหน้า

เช้าวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคมนี้เอง รมต.ยุติธรรมโช กุ๊ก ก็ได้ออกแถลงการณ์ ลาออก เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการของปธน.มุน แจ-อิน หลังจากเกิดการเดินขบวนขับไล่เขามา 1 เดือนเต็ม โดยฝ่ายค้านและประชาชนที่เคยศรัทธาในตัวเขาว่าเป็นนักวิชาการสายปฏิรูป แต่แท้จริงเป็น นักปฏิรูปจอมปลอม

แม้จะมีกลุ่มผู้สนับสนุนปธน.มุน แจ-อิน ออกมาชุมนุมอีกฝ่ายหนึ่ง แต่จำนวนน้อยกว่าฝ่ายที่จะขับให้โช กุ๊ก ลาออก

เกาหลีใต้จึงเป็นประเทศที่ เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนสามารถกดดันให้รมต.ลาออกได้ เมื่อตัวเองมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล ทั้งนี้เพราะ ผู้นำสูงสุดต้องรู้ร้อนรู้หนาวจากการสะท้อนของประชาชน ต่างกับของเราที่ความไม่ชอบมาพากลของรัฐมนตรี กลับกลายเป็นเรื่องเฉพาะตัวรมต.ที่ท่านผู้นำกลับไม่นำพา จะรอให้แต่ขบวนการทางกฎหมายเดินทางอย่างช้-า, ช้-า เท่านั้น

กำลังโหลดความคิดเห็น