xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ผู้ว่าฯอัศวินงานเข้า ! ร้องพิรุธผลการประมูลเตาเผาขยะ กทม.1.3 หมื่นล้าน แค่จุดเริ่ม! เปิดเรื่องเหม็นยิ่งกว่าขยะ แต่เป็นขุมทรัพย์ของตระกูลนักการเมืองดัง จับตา "ทุนจีน" ผูกขาดขยะ โกยเงินไทยออกนอก

เป็นไปตามคาด เรื่องประมูลเตาเผาขยะ มูลค่า 13,000 ล้านของกทม. มีผู้ร้องจนได้... งานเข้ากทม. ของ"ผู้ว่าฯอัศวิน ขวัญเมือง" อย่างเลี่ยงไม่พ้น เพราะคนร้องงานนี้ "ศรีสุวรรณ จรรยา" นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ชื่อว่า ธรรมดาซะที่ไหน
"ศรีสุวรรณ" ทำการบ้านแล้วพบว่า มีข้อพิรุธ 5 ข้อ ที่อาจนำไปสู่การเอาผิดผู้บริหาร กทม. ที่ลงนามในเอกสารแจ้งผลการประมูลได้ ... ซึ่งก็รู้กันว่า กว่าจะหาคนเซ็นได้ ก็เต้องปลี่ยนตัว "รองฯผู้ว่าฯ" กันพัลวัน
ข้อพิรุธทั้ง 5 ข้อ ก็มีตั้งแต่ ... หนึ่ง มูลค่าโครงการอาจเข้าข่าย "สูงกว่าความเป็นจริง" "พี่ศรี" คำนวณเปรียบเทียบกับโครงการลักษณะเดียวกัน ทั้งค่ากำจัดขยะที่คิดออกมาสูงกว่า 1.14 หมื่นล้าน ซึ่งแพงกว่าเมืองใหญ่อื่นๆ อย่างขอนแก่น และภูเก็ต แบบไม่เห็นฝุ่น และยิ่งรวมกับค่าไฟฟ้า ที่ได้จากการเผาขยะขายคืนให้รัฐ ตลอดอายุสัมปทาน 20 ปี 2 โรงกว่า 2 หมื่นกว่าล้านอีก เรียกว่า รับเละแบบเอื้อประโยชน์ให้เอกชนที่ประมูลได้สุดๆ...
สอง กระบวนการอาจขัด พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เนื่องจากไม่ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายโดยกรมบัญชีกลางกำหนดหลายประการ
สาม เอกชนผู้ชนะการประมูลทั้ง 2 แห่ง มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรงและโดยอ้อม เพราะมีกรรมการของบริษัทบางคน มีชื่อไขว้กันอยู่ในบริษัททั้งสองแห่ง และมีสถานที่จดทะเบียนตั้งบริษัท อยู่ในที่ทำการเดียวกัน อาจเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์
สี่ เอกชนผู้ชนะการเสนอราคาที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช อาจไม่ได้มีผลงานตามที่กำหนดไว้ใน ทีโออาร์ เพราะเพิ่งก่อตั้ง บริษัท เมื่อปี 2560 นี้เองและผลประกอบการขาดทุนมาทุกปี
และ ห้า กทม.ทำประชาพิจารณ์แบบสองมาตรฐาน หรือไร้มาตรฐาน เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ก.ย.62 ที่ผ่านมา กทม.ได้ประกาศ ร่าง ทีโออาร์ โครงการประกวดราคาจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยพร้อมบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะและของเสียชุมชน มูลค่า 1,423.5 ล้านบาท ผ่านทางระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รวม 21 วัน ต่างจากโครงการจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอย ขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน ที่หนองแขม และ อ่อนนุช วงเงิน 13,140 ล้านบาท ที่ใช้เวลารับฟังข้อวิจารณ์เพียงแค่ 4 วัน เท่านั้น
ว่าไปแล้ว "ผู้ว่าฯอัศวิน" ก็น่าจะดึใจที่มีคนร้องให้ตรวจสอบ หลังจากที่ลือกันไปลือกันมา ตลอดถึงความไม่ชอบมาพากลโครงการนี้ กลิ่นไม่ดีของการประมูล ยังเหม็นคลุ้งยิ่งกว่าขยะ ... แต่แมัจะส่งกลิ่นโฉ่ ถึงที่สุด กทม.ได้แจ้งผลการคัดเลือกเอกชนให้เป็นผู้ดำเนินการกำจัดมูลฝอย ด้วยระบบเตาเผามูลฝอยขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม และศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช วงเงินงบประมาณ โครงการละ 6,570 ล้านบาท รวม 13,140 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา
ผู้ว่าฯอัศวิน ต้องถือโอกาสนี้ ชี้แจงให้สังคมหายสงสัย !
สำหรับคนในวงการสิ่งแวดล้อม เรื่องพิรุธ 5 ข้อ ของ "ศรีสุวรรณ" นั้นก็มีประโยชน์ยิ่งต่อการตรวจสอบ แต่สิ่งที่ต้องช่วยกันคิดต่อไม่เพียงมีแค่นี้...เรื่องของ"การกำจัดขยะ" ต้องเป็นวาระแห่งชาติได้แล้ว แต่รัฐจะกล้าหือกับ "มาเฟีย" ที่คุมบ่อขยะก็มีอิทธิพลทำมาหากินกับ "ค่าเก็บ-ค่าขนส่ง-กำจัดขยะ" แบบอิ่มหมีพีมัน กันมานานมากหรือไม่
เปิดตัวเลขกันเมื่อไหร่ได้ร้องโอ้โห ทำไมมาเฟียพวกนึ้ "รักขยะ" ไม่ยอมให้ใครมาแย่ง"ขุมทรัพย์" แน่ ใครใคร่กำหนดราคา ก็กำหนดไป ได้ตันละ 500 บาทขนจริงๆ กี่ตัน ใครไปตรวจสอบ ?
ไม่มีราคากลาง ไม่มีราคาอ้างอิง ไม่ใมมาตรฐานใดๆ ที่จะใช้เหมือนกันทั่วประเทศ ...แถมราคาพวกนี้ ส่วนใหญ่เขาบวกเพิ่ม 10% ทุกๆ 3 ปี เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ขนขยะรวยกันอื้อซ่า ... ทุกจังหวัดเป็นเหมือนกันหมด ไม่แค่ กทม.หรือ ที่เพิ่งประมูลไป ลองไปถามตระกูลดังๆ ที่เป็นนักการเมืองระดับชาติ ก็หลายคน คุมขุมทรัพย์ขยะไว้ทั้งสิ้น...
อนาถใจก็คือ ประชาชนผู้เสียภาษีที่ต้องจ่ายไป รั่วไหลไร้การตรวจสอบมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี
ขณะที่รายได้ของโรงไฟฟ้า ก็ต้องเข้าใจ โรงไฟฟ้าปฏิบัติการ 24 ชม. ย่อมมีต้นทุน และดอกเบี้ย และเป็นการลงทุนโดยเอกชนเป็นผู้รับความเสี่ยงเองทั้งหมด
นั่นแปลว่าต้องมี IRR 12% ธนาคารถึงจะปล่อยสินเชื่อ 50:50 หรือ 30:70
ถ้าลงทุนแล้วประกอบการไม่ได้ เอกชนต้องรับความเสี่ยง แถมโดนยึดเงินค้ำประกันกับหน่วยงานภาครัฐไปอีก 10% ของมูลค่าโครงการขยะกทม. สองโครงการก็น่าจะราวๆ 400 ล้าน !
สิ่งที่ทุกคนไม่ได้ตั้งข้อสังเกตคือ ผลงานของเจ้าที่ชนะการประมูล กรมควบคุมมลพิษ น่าจะให้คำตอบได้ดีกว่าใคร ว่าเจ้านี้ทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน มีอะไรที่เราควรรู้หรือไม่ ?
แว่วว่า มีอะไรบางอย่างที่รู้แล้วจะหนาวกันทั้งบาง !
อีกสิ่งหนึ่ง คือ ถ้าเป็นเจ้าของเดียวกันจริง เรากำลังปล่อยให้เอกชนรายใดรายหนึ่ง "ผูกขาดขยะกทม." แล้วสมมุติว่า เขาทำงานไม่ได้จริง กทม.จะรับมือกับขยะวันละเป็นพันๆ ตันอย่างไร?
ถ้าผู้ชนะเป็นคนละเจ้า ก็จะเป็นการกระจายความเสี่ยงของกทม. อย่างน้อยเจ้าหนึ่งเกิดความผิดพลาด อีกเจ้าก็ยังทำงานได้
นี่เรากำลังได้เจ้าพ่อขยะรายใหม่ใช่หรือไม่ ?
ตระกูลนักการเมืองที่ชอบ "สะสมทรัพย์" ด้วยผลประโยชน์จากสิ่งปฏิกูลต้องถอยไป งานนี้
รายนี้น่ากลัวกว่า เป็นจีน 100% เข้ามาผูกขาด โดยที่ผลกำไร รายได้ เอาเงินเราออกไป แต่เรื่องนี้ไม่มีใครมอง
จับตาดูให้ดี เรื่องนี้ใหญ่กว่าคิด ... กลิ่นไม่ดีที่โชยมา อุปมาก็แค่ "ปลายยอดภูเขาขยะ" เท่านั้น.

** เลือกตั้งซ่อมนครปฐมเดือด !! เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลชนลงกันเอง บ้านใหญ่ตระกูลสะสมทรัพย์ ส่ง"เผดิมชัย" ในสังกัดชทพ. ขอทวงพื้นที่คืน ไม่ยอมหลบให้ "สุรชัย" จากปชป. ซึ่งคราวที่แล้วมาเป็นที่ 2 ส่วน อนค. ส่ง "ไพรัฎฐโชติ" สามีของ"จุมพิตา" ที่ลาออก เพราะปัญหาสุขภาพ เป็นตัวแทนฝ่ายค้าน

กกต.กำหนดวันเลือกตั้งซ่อม เขต 5 นครปฐม แทน "นางจุมพิตา จันทรขจร" อดีตส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ที่ลาออกด้วยปัญหาสุขภาพ หลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยกกต. จะเริ่มเปิดรับสมัคร 30 ก.ย.- 4 ต.ค. แล้วไปหย่อนบัตรกันในวันพุธที่ 23 ต.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ
ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่นั้น ไม่มีปัญหามากนัก เพราะพรรคได้ตัดสินใจให้ "นายไพรัฎฐโชติ จันทรขจร" สามีของ นางจุมพิตา อดีต ส.ส.ที่ลาออก ลงสมัครแทน ซึ่งถือว่า "ไพรัฎฐโชติ" เป็นตัวแทนของพรรคฝ่ายค้าน เนื่องจากพรรคเพื่อไทย ไม่ส่งผู้สมัคร นอกนั้นก็อาจจะมีพรรคเล็กอย่าง "พรรคไทยศรีวิไลย์" ที่จะส่งผู้สมัคร
ขณะที่ฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลนั้นพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัดเจนว่าจะส่งผู้สมัคร คือ "นายสุรชัย อนุตธโต" อดีตผู้สมัครคนเดิมของพรรค ซึ่งคราวที่แล้ว มีคะแนนเข้ามาเป็น อันดับ 2 ส่วนพรรคอื่นๆ ยอมหลีกทางให้... ยกเว้น "พรรคชาติไทยพัฒนา" ที่ยืนยันจะส่งคนของ บ้านใหญ่ "ตระกูลสะสมทรัพย์" ลงรักษาพื้นที่อีกครั้ง ...จึงกลายเป็นว่า พรรคร่วมรัฐบาล ต้องมาชนกันเอง โดยไม่สนใจว่า จะเป็นการตัดคะแนนกัน จนทำให้ผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ "คว้าพุงปลา"ไปอีกรอบ...
การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เมื่อ 24 มี.ค. 62 "จุมพิตา จันทรขจร" พรรคอนาคตใหม่ มาเป็นอันดับ 1 ได้ 34,164 คะแนน ส่วน "สุรชัย อนุตธโต" จากประชาธิปัตย์ มาเป็นลำดับที่ 2 ได้ 18,970 คะแนน ส่วนที่ 3 เป็น "ระวัง เนตรโพธิ์แก้ว" จากพรรคพลังประชารัฐ ได้ 18,741 คะแนน ส่วน "เผดิมชัย สะสมทรัพย์" จากพรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน หลุดไปอยู่ลำดับ ที่ 4
ตามธรรมเนียมปฏิบัติของการเลือกตั้งซ่อม ที่ผ่านๆ มานั้น ส่วนใหญ่แล้วจะส่งตัวเต็งของแต่ละฝั่งมาลงสนามสู้กัน อย่างเช่น กรณีนี้ พรรคอนาคตใหม่ เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม ก็จะได้สิทธิลงสมัคร โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่าง "เพื่อไทย" ซึ่งแม้จะเป็นพรรคใหม่ที่มีศักยภาพ ก็จะหลบให้... ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลนั้น "สุรชัย อนุตธโต" จากประชาธิปัตย์ ที่คราว
ที่แล้ว คะแนนมาเป็น อันดับ 2 ก็ควรจะได้สิทธิลงสมัคร โดยพรรคร่วมรัฐบาลอื่นจะหลบให้ จะได้ไม่เป็นการตัดคะแนนกันเอง คราวนี้ "พรรคพลังประชารัฐ" ซึ่งได้ที่ 3 ก็หลบให้ ...
แต่ "เผดิมชัย" พี่ใหญ่ แห่งตระกูลสะสมทรัพย์ ที่ถือว่าเป็นตระกูลการเมือง แผ่บารมี อยู่คู่ จ.นครปฐม มานานคราวที่แล้วดันมาแพ้นักการเมืองหน้าใหม่ จากพรรคอนาคตใหม่ ย่อมรู้สึก "เสียเหลี่ยม" จนต้องขอล้างตา อีกสักครั้ง ซึ่งทั้ง "กัญจนา -วราวุธ ศิลปอาชา" แกนนำคนสำคัญของพรรคชาติไทยพัฒนา ก็เปิดไฟเขียว โอเค ... เพราะมั่นใจว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ฐานคะแนนของ "ตระกูลสะสมทรัพย์" บวกกับฐานคะแนนของ "พรรคชาติไทยพัฒนา" ที่มีอยู่ในพื้นที่ น่าจะเบียดเอาชนะทั้ง "ไพรัฎฐโชติ จันทรขจร" และ "สุรชัย อนุตธโต" ได้ไม่ยาก ...ทำให้พรรคยังมีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่ นครปฐม... มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสีย
การเลือกตั้งซ่อม เขต 5 นครปฐม ครั้งนี้ จึงน่าติดตามยิ่ง เพราะหนึ่งนั้น เป็นสามีของแชมป์เก่า... ส่วนประชาธิปัตย์ ก็เป็นคนในพื้นที่สามพราน ขณะที่ "เผดิมชัย" ก็เป็นตระกูลการเมืองเจ้าถิ่นมาก่อน ...ใครจะเข้าวิน 23 ต.ค.นี้ รู้ผล !!


รูป –พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง – ศรีสุวรรณ จรรยา
-เผดิมชัย สะสมทรัพย์ - สุรชัย อนุตธโต- ไพรัฎฐโชติ จันทรขจร
กำลังโหลดความคิดเห็น