xs
xsm
sm
md
lg

"ธนาธร"กับความรวยที่มองไม่เห็น ของจริงหรือปลอม !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

หากพิจารณาจากระยะเวลาที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งพรรคอนาคตใหม่ กระโจนเข้าสู่การเมืองอย่างเต็มตัวเพียงชั่วเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนก็ต้องยอมรับว่าได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ขึ้นมาไม่น้อย ด้วยภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ ที่พยายามนำเสนอ“ความคิดต่าง”ก็สามารถเรียกความสนใจ เรียกเสียงฮือฮา จากสังคมได้ไม่น้อย ประกอบกับ เป็นช่วงจังหวะที่ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเครือข่ายเดินเกมการเมืองผิดพลาด จากกรณี "แตกแบงก์ย่อย" จนนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักษาชาติ และมีการไหลเทคะแนนไปทางพรรคอนาคตใหม่ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
ประกอบกับอานิสงส์จากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่พวกเขาทำท่ารังเกียจ ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้การคำนวณคะแนนจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพิ่มขึ้นมาแบบพุ่งพรวด จนเมื่อรวมกับ ส.ส.ระบบเขต ก็ทำให้พรรคนี้ได้ ส.ส.รวมกันไป 81 คน (ไม่นับพวกที่ลาออกและถูกศาลสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่) ก็ต้องบอกว่า เป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลว สำหรับพรรคการเมืองที่เพิ่งเกิดใหม่ ไม่นาน เพราะหากนับจากวันตั้งพรรค เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ถือว่าผ่านมาเพียงแค่ปีกว่า เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ดี หากโฟกัสไปในรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมก็ต้องเข้าใจว่า "จุดเด่น" ของพรรคอนาคตใหม่ ก็ยังอยู่ที่ตัวบุคคลเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น โดยเฉพาะตัวหัวหน้าพรรคคือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีการนำเสนอ“ตัวตน” ในแบบแนวทาง“ฝ่ายซ้าย”มีความพยายามนำเสนอการ “เปลี่ยนแปลงสังคมใหม่” ในแบบที่ลงลึกไปถึงรากกันเลยทีเดียว ** แน่นอนว่า แนวความคิดแบบนี้ย่อมถูกใจคนในสังคมบางกลุ่ม รวมไปถึงคนรุ่นใหม่ที่สนใจการเมือง
ผลจากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ที่เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของพรรคการเมืองของเขา ก็ได้สร้างผลงานเป็นที่น่าพอใจ สามารถ “สร้างกระแส”การตื่นตัวทางการเมืองได้ดีพอสมควร จนเป็นที่จับตามองกันว่า พวกเขาจะเติบใหญ่ และสามารถยืนระยะได้นาน หรือตลอดรอดฝั่งได้หรือไม่
อย่างไรก็ดี ในทางการเมือง การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองที่เป็นกระแสแบบนี้ สำหรับพรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่เป็นพรรคแรก ที่ผ่านมาในช่วงที่ผ่านมาก็เคยมีกรณี พรรคพลังใหม่ หรือแม้แต่พรรคพลังธรรม แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน บรรยากาศเปลี่ยน ในที่สุดก็ต้องแยกย้ายโรยรากันไป
สำหรับพรรคอนาคตใหม่ ที่กำลังถูกจับตาว่าจะเป็นดาวรุ่ง “พุ่งแรง”ไปไกลแค่ไหน เพราะเมื่อพิจารณาจากอารมณ์ และความรู้สึกของสังคมที่มีต่อ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค โดยเปรียบเทียบกันระหว่างช่วงแรกมาจนถึงในเวลานี้ จากท่าที และจากบทบาทใหม่ของเขาในฐานะนักการเมืองเต็มตัว ย่อมที่จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะยิ่งเด่นเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับถูกแสงสปอตไลต์ รอบทิศทางฉายส่องไปที่ตัวเขาคนเดียว อีกทั้งทุกคำพูด ทุกความเคลื่อนไหวย่อม “เป็นนาย”ผูกมัดตัวเอง จะทำอะไรส่งเดช หรือพูดเอามันแบบเมื่อก่อนคงไม่ได้แล้ว
ที่สำคัญในยุคดิจิทัล แม้ว่าจะพวกเขาจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีแบบใหม่นี้ แต่ขณะเดียวกัน มันก็สามารถย้อนกลับมาตรวจสอบ และ“เปิดโปง”ได้อย่างเจ็บแสบในเวลาเดียวกัน เหมือนกับในหลายกรณีที่กำลังเกิดขึ้นกับ เขาในเวลานี้
** สิ่งที่กำลังเป็นคำถามว่า คนอย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั้นเป็นของจริง หรือของปลอมกันแน่ หรือเป็นเพียงแค่ “นักสร้างภาพ”เพื่อสร้างกระแสให้ได้ประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจาก กรณี Blind Trust ที่เขาประกาศนำเข้ากองทุนแห่งหนึ่งเพื่อจัดการบริหารทรัพย์สินแทนตัวเขาและครอบครัว ในระหว่างที่อยู่ในวงการเมือง และจะกลับมารับรู้ในเรื่องทรัพย์สินดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากเลิกเล่นการเมืองผ่านไปแล้ว 3 ปี โดยบอกว่าจะเหลือเอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวที่เป็นความจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น บ้านที่อยู่อาศัย รถยนต์ อะไรประมาณนี้ ซึ่งตอนนั้นก็มีการประโคมข่าวใหญ่โต สวยหรู อีกทั้งยังอ้างว่า นี่คือการสร้าง “มาตรฐานใหม่”ทางการเมือง ที่ไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน
ตอนนั้นก็เรียกเสียงกรี๊ดกันดังลั่น ทำนองว่า “แจ๋วว่ะ”หรือมันต้องแบบนี้ สมกับเป็นนักการเมือง“อนาคตใหม่” แต่ที่ไหนได้... เวลาผ่านไปเมื่อมีการเปิดบัญชีทรัพย์สินโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ชาติ(ป.ป.ช.) กลับไม่มีเรื่องดังกล่าวแจ้งเอาไว้แต่อย่างใด ทุกอย่างยังเป็นไปตามปกติ ทรัพย์สินที่มีอยู่หลายพันล้านตัวเขาและภรรยา ก็ยังถือครองอยู่เหมือนเดิม แต่ที่น่าสนใจก็คือ นี่คือการ "ถูกเปิดโปง" ออกมา ไม่ใช่เขาสารภาพ
ในทางตรงกันข้าม กลับพยายามส่งคนรอบข้างมาช่วยอธิบายแทนในลักษณะที่ว่า เป็นเพราะยังไม่ได้เป็น ส.ส.เต็มตัว จากการที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จึงไม่มีความจำเป็นต้องนำทรัพย์สินเข้า “กองทุนที่มองไม่เห็น”ดังกล่าว ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เวลานี้ถือว่าเขาเป็นส.ส. เพียงแต่ว่าถูก “สั่งพักงาน”ซึ่งก็มาจากข้อร้องเรียนใน เรื่อง“ความไม่โปร่งใส”อีกนั่นแหละ
นั่นคือ จากกรณีถือหุ้นสื่อที่เป็นข้อห้ามตามกฎหมายพรรคการเมือง และกรณีถือหุ้นสื่อของเขาก็เป็นของจริง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เอกสารในการกำหนดกรอบวัตถุประสงค์จัดตั้งบริษัททั่วไป หรือที่เรียกว่า หนังสือบริคณห์สนธิ ซึ่งกรณีของเขามีเพียงพิสูจน์ว่า ได้โอนหุ้นไปก่อนหรือหลังวันสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น และคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตทางการเมือง ต้องลุ้นด้วยใจระทึก
หรือในกรณีล่าสุด ที่เกี่ยวกับการปล่อยกู้ให้กับพรรคอนาคตใหม่จำนวนนับร้อยล้านบาท ที่กำลังมัดคอตัวเอง นี่ก็เกิดจาก“ปากพาจน”ได้เหมือนกัน เพราะมาจากคำพูดของตัวเองต่อสาธารณะ ซึ่งเชื่อว่าหวังสร้างภาพทางการเมือง เพื่อต้องการโชว์ให้เห็นว่า มีความโปร่งใส แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ มันเข้าข่ายผิดกฎหมาย ที่มีการมองว่าไม่ได้เปิดช่องให้พรรคการเมืองกู้ยืมเงิน เพื่อป้องกันการครอบงำพรรค แต่ถึงอย่างไรก็ยังต้องรอการพิสูจน์จากศาลรัฐธรรมนูญ
แต่สำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่นาทีนี้กำลังถูกตรวจสอบแบบเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทุกที ทั้งในเรื่อง“ความรวยที่มองไม่เห็น”ที่หลายกรณีกำลังงวดเข้ามาทุกที และทุกเรื่องล้วนมีผลต่ออนาคตของเขาอย่างแน่นอน ที่สำคัญมันยังอาจมีผลทางด้านคดีอาญาตามมา ซึ่งอีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการได้เวลาพิสูจน์ว่า ของจริง หรือของปลอม สังคมจะได้เห็นกัน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น