**คำพูดล่าสุดของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า พรรคมีหลักฐานที่เป็นคลิปเสียงเกี่ยวกับการเสนอข้อแลกเปลี่ยนทุกวิถีทางเพื่อดึง ส.ส.ของพรรค โดยมีทั้งการใช้เงิน การข่มขู่เรื่องคดี มีความพยามเพาะฟาร์มงูเห่า ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลังเลือกตั้ง เป็นความพยายามเพื่อดิ้นรนอยู่ในการสืบทอดอำนาจต่อ ของรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำได้มาด้วยความพิกลพิการ
“โชคดีที่คนของพรรคเพื่อไทยมีอุดมการณ์ ไม่ทรยศประชาชน และเล่าให้ฟังหมด พรรคได้รวบรวมคลิปเสียง รวบรวมหลักฐาน ขออนุญาตยังไม่เปิดเผยรายละเอียดตอนนี้ โดยจะใช้หลักฐานเหล่านี้ดำเนินการ เพราะคนที่มาเสนอเงินให้ ส.ส.นั้นมีความผิด หากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกและมี ส.ส.พร้อมช่วยดำเนินการ”
คำพูดของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ดังกล่าวข้างต้น เป็นการตอบคำถามตามที่มีข่าวว่า เวลานี้มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ราว 20 คน เตรียมย้ายพรรคไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า รวมไปถึงการยกมือโหวตสนับสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่กำลังจะเข้าสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 18 ต.ค.นี้อีกด้วย
แน่นอนว่า สำหรับพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องมีปฏิกิริยาที่กราดเกรี้ยวสวนกลับมาอยู่แล้ว เพราะได้รับผลกระทบอย่างแรง หากข่าวดังกล่าวเป็นความจริงที่ว่ามี ส.ส.พรรคเพื่อไทย “แปรพักตร์”ออกไปร่วม 20 คน ก็ย่อมไม่ธรรมดา
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง มันก็ย่อมส่งผลกับเสียงสนับสนุนรัฐบาลที่มีมากขึ้น เป็นการทดแทนบรรดาพรรคเล็กที่ถอนตัวออกไปเป็นฝ่ายค้านอิสระอยู่ในเวลานี้ และการได้เสียงมาสนับสนับสนุนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ ยังจะส่งผลดีอย่างน้อยก็ในช่วงเฉพาะหน้า ที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 กำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในวันที่ 18 ต.ค.นี้
ข่าวการแปรพักตร์หรือ “งูเห่า”ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เริ่มเป็นที่สังเกตให้เห็นออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าอีกด้านหนึ่งจะเรียกว่ามี “พลังดูด”หรืออะไรก็แล้วแต่ และยังเกิดขึ้นกับหลายพรรคการเมือง แต่นาทีนี้ ต้องโฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทย เป็นอันดับแรกก่อน เพราะถือว่าเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ที่มีร่องรอยความเคลื่อนไหวปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
**หากจำกันได้ ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ก่อนหน้านี้ ซึ่งคราวนั้นก็มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย อย่างน้อยสองสามคนไปรอต้อนรับอยู่ด้วย พร้อมประกาศยกมือสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่จะกำลังเข้าสภา โดยเขาประกาศว่า“จะยกมือสนับสนุนล้านเปอร์เซ็นต์”
การเคลื่อนไหวดังกล่าว แม้ยังมองไม่ออกชัดเจนว่า จะเกี่ยวข้องกับเรื่อง “งูเห่า”หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เห็นถึงความ “แปลกแยก”ออกมาให้เห็น และแม้ว่าการโหวตในสภา ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งการเป็นพรรคการเมือง ก็ย่อมต้องเป็นมติพรรคควบคู่กันไปด้วย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสังเกตที่ทำให้เห็นถึงร่องรอยที่ชัดเจนอีกครั้งก็คือ เมื่อครั้งการพิจารณาญัตติการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบโครงการเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ถูกโหวตให้ตกไป โดยในคราวนั้นปรากฏว่า มี ส.ส.ฝ่ายค้าน ถึง 23 คน “โหวตสวน”นั่นคือไปสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล และในจำนวนนั้นมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถึงจำนวน 16 คน ตามรายงานข่าวที่ระบุก่อนหน้านั้น
**แต่การที่ล่าสุด คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเตรียมเปิดโปงการต่อรองให้ย้ายพรรค หรือ กรณีมี “งูเห่า”เกิดขึ้นภายในพรรค ซึ่งตามข่าวที่ว่านี้ มีจำนวน ราว 20 คน ก็ถือว่าน่าตกใจ เพราะมีจำนวนไม่น้อย อย่างไรก็ดี สำหรับจำนวนตัวเลข ส.ส.ที่จะเป็นงูเห่านั้น นาทีนี้คงยังไม่มีความแน่ชัด นั่นคือไม่สามารถยืนยันกันได้เต็มร้อย แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นว่า “มีงูเห่า”เกิดขึ้นแน่นอน
ขณะเดียวกัน เมือพิจารณากันถึงสาเหตุสำหรับการแปรพักตร์ ที่กำลังเป็นข่าวหนาหูอยู่ในเวลานี้ ก็ต้องบอกว่า มันย่อมมีที่มาที่ไป อย่างแรกต้นเหตุมันก็ย่อมเกิดขึ้นจากภายในก่อน นั่นคือ สภาพของพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ ทุกอย่างกำลังเริ่มถดถอย หลังเริ่มร้างราจากอำนาจรัฐ มานานกว่า 5 ปีแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหวนกลับคืนมาเป็นฝ่ายรัฐบาลได้อีกเมื่อไหร่ เมื่อพิจารณาจากศักยภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเครือข่าย ที่สามารถ “ยืดหยุ่น”ไปตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
ประกอบกับ “เจ้าของพรรค”ตัวจริงอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่รับรู้กันดีว่าไม่ต่างจากนักเก็งกำไร หากมองไม่เห็นอนาคต เขาก็คงไม่ยอมลงทุน เหมือนกับเวลานี้ ที่ “ท่อน้ำเลี้ยง”ไม่ไหลนานนับปี จนท่ออุดตันไปแล้ว ซึ่งในวงการรับรู้กันดี ซึ่งแน่นอนว่า ในส่วนของบรรดา “นักเลือกตั้ง”ก็ย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น อย่าได้แปลกใจกับข่าวการย้ายพรรคหรือข่าวมี“งูเห่า”เลื้อยกันยั้วเยี้ย ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสภาพภายในพรรคเพื่อไทยเอง ที่เริ่มรวน เพราะล่าสุด ก็ยังรายงานยืนยันว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็เตรียมชิ่งพรรค มาลงสมัครผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครในนามอิสระ อีกด้วย
ดังนั้น ข่าวการย้ายพรรค หรือพวก “งูเห่า”ในพรรคเพื่อไทย แม้ว่ายังไม่อาจยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และด้วยเหตุผลอะไร แต่หากพิจารณาตามความเป็นจริง ในแบบของนักเลือกตั้ง ที่ต้องการอนาคตทางการเมือง มันก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องเกิดเหตุแบบนี้มาทุกยุค เพราะที่ผ่านมาในยุคของพรรคเพื่อไทย ที่เมื่อครั้งที่ใช้ชื่อ ไทยรักไทย มันก็เคยมีรายการ ดูดมาแล้ว ซึ่งคราวนั้นดูดหรือเซ้งกันยกพรรค เลยทีเดียว !!
“โชคดีที่คนของพรรคเพื่อไทยมีอุดมการณ์ ไม่ทรยศประชาชน และเล่าให้ฟังหมด พรรคได้รวบรวมคลิปเสียง รวบรวมหลักฐาน ขออนุญาตยังไม่เปิดเผยรายละเอียดตอนนี้ โดยจะใช้หลักฐานเหล่านี้ดำเนินการ เพราะคนที่มาเสนอเงินให้ ส.ส.นั้นมีความผิด หากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกและมี ส.ส.พร้อมช่วยดำเนินการ”
คำพูดของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ดังกล่าวข้างต้น เป็นการตอบคำถามตามที่มีข่าวว่า เวลานี้มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ราว 20 คน เตรียมย้ายพรรคไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า รวมไปถึงการยกมือโหวตสนับสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่กำลังจะเข้าสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 18 ต.ค.นี้อีกด้วย
แน่นอนว่า สำหรับพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องมีปฏิกิริยาที่กราดเกรี้ยวสวนกลับมาอยู่แล้ว เพราะได้รับผลกระทบอย่างแรง หากข่าวดังกล่าวเป็นความจริงที่ว่ามี ส.ส.พรรคเพื่อไทย “แปรพักตร์”ออกไปร่วม 20 คน ก็ย่อมไม่ธรรมดา
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง มันก็ย่อมส่งผลกับเสียงสนับสนุนรัฐบาลที่มีมากขึ้น เป็นการทดแทนบรรดาพรรคเล็กที่ถอนตัวออกไปเป็นฝ่ายค้านอิสระอยู่ในเวลานี้ และการได้เสียงมาสนับสนับสนุนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ ยังจะส่งผลดีอย่างน้อยก็ในช่วงเฉพาะหน้า ที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 กำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในวันที่ 18 ต.ค.นี้
ข่าวการแปรพักตร์หรือ “งูเห่า”ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เริ่มเป็นที่สังเกตให้เห็นออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าอีกด้านหนึ่งจะเรียกว่ามี “พลังดูด”หรืออะไรก็แล้วแต่ และยังเกิดขึ้นกับหลายพรรคการเมือง แต่นาทีนี้ ต้องโฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทย เป็นอันดับแรกก่อน เพราะถือว่าเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ที่มีร่องรอยความเคลื่อนไหวปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
**หากจำกันได้ ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ก่อนหน้านี้ ซึ่งคราวนั้นก็มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย อย่างน้อยสองสามคนไปรอต้อนรับอยู่ด้วย พร้อมประกาศยกมือสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่จะกำลังเข้าสภา โดยเขาประกาศว่า“จะยกมือสนับสนุนล้านเปอร์เซ็นต์”
การเคลื่อนไหวดังกล่าว แม้ยังมองไม่ออกชัดเจนว่า จะเกี่ยวข้องกับเรื่อง “งูเห่า”หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เห็นถึงความ “แปลกแยก”ออกมาให้เห็น และแม้ว่าการโหวตในสภา ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งการเป็นพรรคการเมือง ก็ย่อมต้องเป็นมติพรรคควบคู่กันไปด้วย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสังเกตที่ทำให้เห็นถึงร่องรอยที่ชัดเจนอีกครั้งก็คือ เมื่อครั้งการพิจารณาญัตติการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบโครงการเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ถูกโหวตให้ตกไป โดยในคราวนั้นปรากฏว่า มี ส.ส.ฝ่ายค้าน ถึง 23 คน “โหวตสวน”นั่นคือไปสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล และในจำนวนนั้นมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถึงจำนวน 16 คน ตามรายงานข่าวที่ระบุก่อนหน้านั้น
**แต่การที่ล่าสุด คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อเตรียมเปิดโปงการต่อรองให้ย้ายพรรค หรือ กรณีมี “งูเห่า”เกิดขึ้นภายในพรรค ซึ่งตามข่าวที่ว่านี้ มีจำนวน ราว 20 คน ก็ถือว่าน่าตกใจ เพราะมีจำนวนไม่น้อย อย่างไรก็ดี สำหรับจำนวนตัวเลข ส.ส.ที่จะเป็นงูเห่านั้น นาทีนี้คงยังไม่มีความแน่ชัด นั่นคือไม่สามารถยืนยันกันได้เต็มร้อย แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นว่า “มีงูเห่า”เกิดขึ้นแน่นอน
ขณะเดียวกัน เมือพิจารณากันถึงสาเหตุสำหรับการแปรพักตร์ ที่กำลังเป็นข่าวหนาหูอยู่ในเวลานี้ ก็ต้องบอกว่า มันย่อมมีที่มาที่ไป อย่างแรกต้นเหตุมันก็ย่อมเกิดขึ้นจากภายในก่อน นั่นคือ สภาพของพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ ทุกอย่างกำลังเริ่มถดถอย หลังเริ่มร้างราจากอำนาจรัฐ มานานกว่า 5 ปีแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหวนกลับคืนมาเป็นฝ่ายรัฐบาลได้อีกเมื่อไหร่ เมื่อพิจารณาจากศักยภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเครือข่าย ที่สามารถ “ยืดหยุ่น”ไปตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
ประกอบกับ “เจ้าของพรรค”ตัวจริงอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่รับรู้กันดีว่าไม่ต่างจากนักเก็งกำไร หากมองไม่เห็นอนาคต เขาก็คงไม่ยอมลงทุน เหมือนกับเวลานี้ ที่ “ท่อน้ำเลี้ยง”ไม่ไหลนานนับปี จนท่ออุดตันไปแล้ว ซึ่งในวงการรับรู้กันดี ซึ่งแน่นอนว่า ในส่วนของบรรดา “นักเลือกตั้ง”ก็ย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น อย่าได้แปลกใจกับข่าวการย้ายพรรคหรือข่าวมี“งูเห่า”เลื้อยกันยั้วเยี้ย ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสภาพภายในพรรคเพื่อไทยเอง ที่เริ่มรวน เพราะล่าสุด ก็ยังรายงานยืนยันว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็เตรียมชิ่งพรรค มาลงสมัครผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครในนามอิสระ อีกด้วย
ดังนั้น ข่าวการย้ายพรรค หรือพวก “งูเห่า”ในพรรคเพื่อไทย แม้ว่ายังไม่อาจยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และด้วยเหตุผลอะไร แต่หากพิจารณาตามความเป็นจริง ในแบบของนักเลือกตั้ง ที่ต้องการอนาคตทางการเมือง มันก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องเกิดเหตุแบบนี้มาทุกยุค เพราะที่ผ่านมาในยุคของพรรคเพื่อไทย ที่เมื่อครั้งที่ใช้ชื่อ ไทยรักไทย มันก็เคยมีรายการ ดูดมาแล้ว ซึ่งคราวนั้นดูดหรือเซ้งกันยกพรรค เลยทีเดียว !!