xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กตู่"ลอยลำผ่านสองปมสำคัญ เตรียมรุกใหญ่นอกสภา !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**จะเรียกว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด ทั้งจากสองกรณี ไม่ว่าจะเป็นคำร้องที่ส่งผ่านประธานรัฐสภาไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้วินิจฉัยในประเด็นคำร้องว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือไม่ ที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ศาลฯ ก็ได้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกร้องไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ และไม่มีลักษณะต้องห้าม ของการเป็นนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการที่ฝ่ายค้าน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152
โดยเฉพาะกรณีแรกที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน จำนวน 110 คน เข้าชื่อยื่นคำร้องต่อประธานสภาฯ โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ถูกร้อง มีคุณสมบัติต้องห้าม เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาจากการยึดอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ต่อมามี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้า คสช. เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน เห็นได้ว่า การแต่งตั้งหัวหน้าคสช. เป็นผลสืบเนื่องมาจากการยึดอำนาจ และเป็นตำแหน่งที่ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ โดยเห็นได้จากการออกประกาศ และคำสั่ง หลายฉบับ หัวหน้า คสช. ไม่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา หรือการกำกับดูแลของรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐใด
ทั้งเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย อีกทั้งไม่มีกฎหมายกำหนดกระบวนวิธีการได้มา หรือการเข้าสู่การดำรงตำแหน่ง โดยมีอำนาจหน้าที่เป็นการเฉพาะชั่วคราว ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้มีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และประชาชน
ดังนั้นตำแหน่ง หัวหน้าคสช. จึงไม่มีสถานะตำแหน่งหน้าที่ หรือลักษณะงานทำนองเดียวกับ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ และไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ตาม มาตรา 98(15) ผู้ถูกร้องจึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(6) ประกอบมาตรา 98 (15) อาศัยเหตุผลดังกล่าว จึงวินิจฉัยว่า ความเป็น รัฐมนตรีไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98(15)
ที่ว่าไม่น่าแปลกใจสำหรับข้อร้องเรียนในประเด็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือไม่ ที่เชื่อก่อนหน้านี้แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องรอดค่อนข้างแน่อยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับพิจารณาในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว เนื่องจากเห็นว่าไม่เข้าข่าย และให้เหตุผลในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว เพียงแต่ว่า ต้องรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง
** เมื่อผลออกมาอย่างที่เห็น ก็ถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ สลัดหลุดจากการถูกพันแข้งพันขาในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ตีตก กรณีคำร้องเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ไม่ครบถ้วน โดยศาลฯ เห็นว่าเป็นเรื่อง “เฉพาะ”ระหว่างพระมหากษัตริย์ กับฝ่ายบริหาร หรือรัฐบาล
ส่วนเรื่องการอภิปรายในญัตติการขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ของฝ่ายค้านนั้น ในเมื่อไม่มีการลงติ มันก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น และยิ่งศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าเป็น “อำนาจเฉพาะ”ดังกล่าวแล้ว มันก็ยิ่งทำให้น้ำหนักในการอภิปราย ยิ่งเบาหวิวลงไป ลักษณะที่เห็นจึงออกมาในแบบการใช้ โวหาร การใช้คำพูดโจมตี หรือการโชว์ภูมิความรู้ด้านกฎหมาย แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อไม่มีการลงมติ มันก็ไม่มีผลต่อสถานะของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากน้ำหนักในการอภิปรายของฝ่ายค้าน เท่าที่พิจารณามาตั้งแต่ต้นจนจบ เนื้อหาทั้งหมดก็ล้วนเป็นเรื่องเดิมที่เคยพูดไปแล้ว และก็อย่างที่ระบุไปแล้วว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ตีตกคำร้องในเรื่องปมการถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วน มันก็กลายเป็นเกราะกำบังให้กับนายกรัฐมนตรี ที่สามารถใช้สิทธิ์ เลี่ยงไม่ตอบ โดยโยนให้ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย เป็นคนชี้แจงแทน ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ต่างจากการ เลกเชอร์ทางกฎหมายแบบชุดใหญ่
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตาก็คือ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สลัดหลุดออกจากปัญหาคาใจในสองสามประเด็นหลักออกมาได้แล้ว อีกทั้งสมัยประชุมสมัยสามัญ ก็กำลังจะปิดลงแล้ว ทำให้สามารถพักหายใจไปได้สักพักหนึ่ง และอย่าได้แปลกใจที่หลังจากนี้ เขาก็มีกำหนดการเดินสายไปต่างจังหวัด เริ่มจากในวันที่ 19 กันยายน ที่มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม และให้กำลังใจประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยเป็นการลงพื้นที่เป็นครั้งที่สอง หลังจากมี “ดรามา”เกิดขึ้น
**แน่นอนว่า ในทางการเมืองเชื่อว่าคราวนี้เขาคงมีการเตรียมการอย่างดี น่าจะมีการเก็บทุกรายละเอียด และที่น่าจับตาก็คือ นี่เป็นการรุกเอาคืนหลังจากก่อนหน้านี้เริ่มตกเป็นฝ่ายรับในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในโลกโซเชียลฯ แต่เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในภาพรวมๆ แล้ว ก็ไม่ได้ถือว่าเพลี่ยงพล้ำ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น