เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงหนีไม่พ้นต้องแวะไปแถวๆ ประเทศ “อิสราเอล” กันอีกนั่นแหละทั่น เพราะนอกจากวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) จะได้ฤกษ์ ได้เวลาที่บรรดาลูกหลานกษัตริย์ “ดาวิด” และ “โซโลมอน” จะออกมาลงคะแนนในการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากการเลือกตั้งครั้งแรก (9 เม.ย.) “ไม่เวิร์ก” หรือเลือกแล้วก็ไม่อาจ “จัดตั้งรัฐบาล” ขึ้นมาได้ ยังถือเป็นโอกาสที่จะไปสำรวจตรวจสอบ “หนึ่งใน B-Team” อย่าง “B-Bibi” หรือนายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” ว่ายังอยู่ดีมีสุข มีฤทธิ์มีเดชไปได้ถึงขั้นไหน หลังจากที่ “B อื่นๆ” ต่างออกอาการ “ไก่หงอย” ไปตามๆ กัน โดยเฉพาะ “B-Bolton” หรือ “นายจอห์น โบลตัน” ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวที่เพิ่งถูก “ทรัมป์บ้า” สอยร่วงไปหมาดๆ...
การที่ต้องเลือกตั่วทั่วไปถึง 2 ครั้ง ภายในปีเดียว...ว่ากันว่า ส่งผลให้บรรดาชาวยิวทั้งหลายออกอาการเบื่อๆ อยากๆ กันไปมิใช่น้อย ไม่ค่อยกระตือรือร้น ไม่ได้รู้สึกเมามันส์ส์ส์กับการต้องออกไปหย่อนบัตรเที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า และทำให้ “ผลโพล” หรือผลสำรวจคะแนนนิยมของพรรคต่างๆ รอบแล้ว รอบเล่า ยังออกมาในแนวเดิมๆ คือยังคงเป็นการเบียด การชิงกันระหว่างพรรคการเมืองคู่แข่งทั้ง 2 ฝ่าย คือระหว่างพรรค “ลิคุด” (Likud) ของนายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู” กับพรรค “ฟ้า-ขาว” (Blue and White) ของอดีตประธานเสนาธิการทหาร “เบนนี แกนตซ์” (Benny Gantz) ที่ตามหายใจรดต้นคอมาติดๆ ไม่มีฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใด สามารถทิ้งห่าง หรือมีแนวโน้มที่จะจัดตั้งรัฐบาลแบบ “ม้วนเดียวจบ” ได้ง่ายๆ...
โดยเฉพาะ “ผลโพลล่าสุด” ที่ทีวีช่อง 12 ของอิสราเอลและสถาบัน “Midgam Institute” เขาเพิ่งไปสำรวจตรวจสอบมาเมื่อช่วงวันศุกร์ (13 ก.ย.) ที่ผ่านมานี่เอง นอกจากจะสรุปได้ว่า ทั้งพรรค “ลิคุด” และพรรค “ฟ้า-ขาว” น่าจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ในสภา “คเนสเซต” (Knesset) มาได้เท่าๆ กัน คือประมาณ 35 เก้าอี้ การหาทางรวบรวมพรรคเล็กๆ ไม่ว่าด้วยการให้กล้วย เลี้ยงกล้วยกับ “ลิง” รายใดก็เถอะ ถ้าปราศจากลิงแห่งพรรค “Yisrael Beytenu” ของ “นายเอวิกดอร์ ลีเบอร์แมน” (Avigdor Lieberman) อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ที่เปลี่ยนจาก “มิตร” หันมาเป็น “ศัตรู” กับนายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู”จนต้องจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งแล้ว ครั้งเล่า โอกาสที่ “B-Bibi” จะหวนกลับมาครองอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ครองมาแล้วยาวนานกว่า 13 ปี หรือระดับ “อยู่ยาวว์ว์ว์” ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองอิสราเอล ย่อมไม่น่าจะ “เป็ง-ปาย-ล่าย” โดยเด็ดขาด...
คือรวมๆ แล้ว...น่าจะรวบรวมบรรดาเก้าอี้ได้แค่ประมาณ 59 ที่นั่ง ไม่ถึง 61 ที่นั่ง จากจำนวนเก้าอี้ทั้งหมด 120 ที่นั่งภายในสภาคเนสเซต หนักซะยิ่งกว่า “รัฐบาลปริ่มน้ำ” ของบ้านเรา หรือต้องกลายสภาพเป็น “รัฐบาลสำลักน้ำ” กันไปตั้งแต่แรก แต่จะไป “ยื่นกล้วย” ให้กับพรรค “Yisrael Beytenu” ของ “นายเอวิกดอร์ ลีเบอร์แมน” ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะที่ต้องกลับไปเลือกตั้งกันใหม่คราวนี้ เนื่องจากอดีตรัฐมนตรีกลาโหมรายนี้ปฏิเสธที่จะกินกล้วย สวมบทเป็น “พิเชษฐ์ สถิรชวาล” แห่งอิสราเอลด้วยการอ้างสาเหตุว่าไม่ยอมเข้าร่วมกับรัฐบาลที่คิดผ่อนคลายกฎระเบียบในเรื่องการเกณฑ์ทหาร ให้กับข้อเสนอของพรรคศาสนานิยมสุดโต่ง อะไรประมาณนั้น...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตาม “ผลโพล” ที่สำรวจไว้ก่อนล่วงหน้า การจัดตั้งรัฐบาลอิสราเอลย่อมต้องออกอาการ “ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” อีกต่อไปเช่นเดิม และนั่นเอง...ที่ว่ากันว่า น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ “B-Bibi” เลยต้องพยายามมุ่งเสนอคำขวัญประเภท “เลือกความวุ่นวาย...ต้องจบที่ลุงเนทันยาฮู” แทนคำขวัญประเภท “เลือกความสงบ...ต้องจบที่ลุงตู่” ของบ้านเราแบบชนิดตรงกันข้าม คือต้องไปลากเอาสถานการณ์ต่างประเทศ อันเป็นอะไรที่สุดแสนละเอียดอ่อน และสามารถก่อให้เกิดการจุดชนวนความวุ่นวายได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าในระดับภูมิภาค หรือในระดับโลก เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคะแนนเสียง คะแนนนิยม ต่อบรรดาผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอิสราเอล เช่น การประกาศว่า พร้อมจะผนวกดินแดนหุบเขาจอร์แดน หรือพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของเขตยึดครองเวสต์แบงก์ อันเป็นพื้นที่รองรับบรรดาผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ จำนวนถึง 2.5 ล้านคน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิสราเอลให้จงได้ หรือพร้อมที่จะไล่บด ไล่บี้ ไล่ถล่มพวก “ฮามาส” ในปาเลสไตน์ ระหว่างที่กำลังเลือกตั้งกันอยู่นี่แหละ ไปจนการคุยโม้ คุยโตถึงบทบาทอิทธิพลของอิสราเอล ที่มีต่อผู้นำระดับโลก อย่าง “ทรัมป์บ้า” แบบชนิด “สั่งได้” ไม่ว่าสั่งให้รับรองกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นเมืองหลวงอิสราเอล สั่งให้ยอมรับการยึดที่ราบสูงโกลันมาเป็นของอิสราเอล ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ เป็นต้น...
แต่ในช่วงหลังๆ นี้...การหาเสียง หาคะแนนนิยมในลักษณะเช่นนี้ ก็ไม่ถึงกับ “ง่าย”มากมายสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากบรรดาพวก “เหยี่ยวๆ” ทั้งหลายที่เคยอยู่รายรอบผู้นำอเมริกา โดยเฉพาะ “B-Bolton” ผู้ได้ชื่อว่ารักชาติอิสราเอลซะยิ่งกว่าชาติอเมริกา ถูก “ทรัมป์บ้า” สอยร่วงกันไปหมาดๆ การที่ประธานาธิบดีอเมริกาเริ่มแสดงท่าทีว่าคิดจะจับเข่า เจ๊าะๆ แจ๊ะๆ กับศัตรูคู่กัดของอิสราเอล อย่างประธานาธิบดีอิหร่าน ย่อมส่งผลให้ “แมงโม้” บินไม่ค่อยจะออกกันสักเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อเกิด “ข่าวล่า-มาเรือ” หรือเกิดการ “ปล่อยข่าว” จะโดยพรรคการเมืองคู่แข่ง อย่างพรรค “ฟ้า-ขาว” ตามที่นายกฯ อิสราเอล สรุปเอาไว้หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ ว่ารัฐบาลอิสราเอลดัน “เล่นไม่ซื่อ” กับอเมริกา แอบไปลักลอบติดตั้ง “เครื่องดักฟัง” เอาไว้ในทำเนียบขาว แม้จะมีการแก้ข่าว หรือการออกมาปฏิเสธจากทั้งสองฝ่าย แต่บรรดา “Fake News” เหล่านี้ ก็ย่อมก่อให้เกิด “F-ck News” ต่อคะแนนนิยมของ “B-Bibi” มิใช่น้อย...
อย่างไรก็ตาม...การไปดึงเอาสถานการณ์ต่างประเทศ มาช่วยสร้างคะแนนนิยมเพื่อให้ตัวเองสามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้อีกครั้งนั้น แม้ว่าพรรค “ลิคุด” จะสามารถรวบรวมเสียงข้างมาก จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่โอกาสที่ “ชัยชนะ” จากเลือกตั้งภายในบ้าน จะนำไปสู่นำไปสู่ “ความพ่ายแพ้” นอกบ้าน ก็น่าจะยิ่งปรากฏให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เพราะจากการป่าวประกาศว่าจะผนวกดินแดนปาเลสไตน์ มาเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลให้จงได้ ทันทีที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของ “B-Bibi” ได้ส่งผลให้เกิดสภาวะ “วอนทั้งโลก...โขกหัวเธอ” กันเห็นๆ ไม่ว่าจะเป็นระดับ “เลขาธิการสหประชาชาติ” อย่าง “อันโตนิโอ กูเตเรส” ที่ออกมาสรุปสั้นๆ ถึงคำประกาศเหล่านี้ว่า “ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงที่สุด” บรรดาประเทศเพื่อนบ้านอาหรับทั้งมวล แม้แต่ซาอุดีอาระเบีย ที่เคยคิดหันมาจูบปากกับอิสราเอลก่อนหน้านี้ ยังต้องออกมาเรียกร้องให้บรรดาประเทศ “ICO” (Islamic Cooperation Organization) จัด “ประชุมฉุกเฉิน” ในวันที่ 15 กันยายนที่จะถึง เพื่อรับมือกับ “ความพยายามยกระดับความตึงเครียดในภูมิภาค” ของอิสราเอล ไปจนถึงกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ที่ต้องออกแถลงการณ์เมื่อช่วงวันพุธ (11 ก.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อตำหนิและประณามความพยายามสร้างความตึงเครียดและบ่อนทำลายความหวังต่อสันติภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง ฯลฯ ฯลฯ หรือพูดง่ายๆ ว่า...ชัยชนะส่วนตัวของ “B-Bibi” ย่อมไม่ต่างไปจาก “ชัยชนะที่จะนำไปสู่ความพ่ายแพ้” ของชาติอิสราเอลทั้งชาตินั่นแล...