xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แบน 3 สารพิษเกษตรโคตรอันตราย คำตอบอยู่ที่ “เสี่ยต่อ-รมว.เกษตร-สุริยะ รมว.อุตฯ”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นประเด็นที่เคลื่อนไหวกันมาอย่างต่อเนื่องสำหรับการแบน “3 สารพิษโคตรอันตราย” ที่ใช้ในการทำการเกษตรคือ “พาราควอต-ไกลโฟเซตและคลอร์ไพริฟอส” แต่จนถึง ณ ขณะนี้ก็ยัง “ไม่มีความคืบหน้า” ไปจากเดิมสักกี่มากน้อย

ที่สำคัญคือ เมื่อพิจารณาท่าทีจาก “เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จาก “พรรคประชาธิปัตย์” ด้วยแล้ว ก็ยิ่งมองไม่เห็นทิศทางว่าจะไปทางใด

“เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย” ไม่หือไม่อือเกี่ยวกับเรื่องนี้ กระทั่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า จะดำเนินไปในแนวเดียวกับ “บิ๊กข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ” ซึ่งท่องคาถา “ถ้าไม่มีอย่างอื่นมาทดแทน ก็ยังคงไม่สามารถเลือกแบนสารพิษทั้ง 3 ชนิดได้” หรือไม่

รวมทั้งเป็นที่แปลกใจว่า ทำไม นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นายวัชระ เพชรทอง และนายสามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ จึงเดินทางไปร่วมรับฟังปัญหาและให้กำลังใจ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ในการเดินหน้าแบน 3 สารเคมีการเกษตรร่วมขบวนกับเครือข่ายฯ 686 องค์กร แทนที่จะเรียกร้องเอากับรัฐมนตรีจากพรรคของตนเอง

เพราะฉะนั้นฟันธงเลยว่า ไม่ว่า “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะแสดงจุดยืนครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ต้องการให้แบนสารพิษทั้ง 3 ชนิด ก็จะไม่บังเกิดผลประการใด เพราะเป็นเพียง “เสียงนกเสียงกา” ที่ไร้ความหมาย

และก็คงไม่ต่างจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จากพรรคเดียวกันคือ “น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ที่แม้จะเข้ามากำกับดูแล “กรมวิชาการเกษตร” โดยตรง ก็มิได้อำนาจในการขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวให้ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย

อย่างไรก็ดี ประเด็นที่น่าสนใจคือการที่น.ส.มนัญญา เปิดเผยหลังในบางช่วงบางตอนระหว่างร่วมประชุมกับเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง 686 องค์กร เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2562 ที่ผ่านมาว่า “เมื่อประกาศแบน 3 สาร ตอนมารับตำแหน่งใหม่ ๆ มีผู้ใหญ่โทรมาเตือนว่าอย่าไปยุ่ง เพราะมีอิทธิพลมาก จะหลุดจากเก้าอี้”

ข้อมูลที่หลุดออกมาจากปากของ น.ส.มนัญญาน่าสนใจยิ่ง เพราะแสดงว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของ 3 สารเคมีทางการเกษตรทั้ง 3 ชนิดนั้นไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้น “ผู้ใหญ่” คงไม่กล้าโทรศัพท์มาเตือนเป็นแน่แท้

และเชื่อเหลือเกินว่า “ผู้ใหญ่” ที่กล้าโทรศัพท์มาเตือน น.ส.มนัญญา คงมีชื่อชั้นพอสมควรในแวดวงการเมือง ไม่เช่นนั้น น.ส.มนัญญาคงไม่ใช้คำว่า “ผู้ใหญ่” อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี ท่าทีของนายอนุทินและ น.ส.มนัญญาคงจะพอสร้าง “ความหวัง” ให้กับประชาชนคนไทยได้บ้างไม่มากก็น้อย เมื่อเทียบกับ “เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย” เจ้ากระทรวงเกษตรฯ เพราะประกาศชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนและเสนอให้มีการแบน 3 สารในสิ้นปีนี้ พร้อมมีมาตรการทดแทนสารเคมี โดยใช้วิธีทางเลือกการทำเกษตรที่ปลอดภัย

โดยขั้นตอนหลังจากนี้ น.ส.มนัญญาจะได้ลงนามใน “ชุดข้อมูล” ที่คณะทำงานศึกษาผลกระทบการใช้สารเคมี ที่มีนายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธาน ส่งไปยังคณะกรรมการวัตถุอันตราย กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาและมีมติต่อไป

“ถือว่ากระทรวงเกษตรฯ ได้ทำดีที่สุด และพ้นอำนาจที่กระทรวงเกษตรฯ ไปแล้ว ซึ่งที่ประชุมจะมีมติอย่างไร ก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะไปก้าวล่วงไม่ได้ ซึ่งในครั้งนี้ได้เติมเต็มทุกมาตรการที่มีข้อทวงติง จากคณะกรรมการวัตถุอันตราย มาอย่างสมบูรณ์ที่สุด จะได้ไม่ถูกตีกลับเหมือนอดีต”น.ส.มนัญญากล่าว

ขณะที่ ข้อเสนอของเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เครือข่ายวิชาการ องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับ เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง 686 องค์กรที่ยื่นต่อ น.ส.มนัญญาในวันนั้นมี 3 ข้อคือ

หนึ่ง-สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรซึ่งกำกับดูแลการขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ยกเลิกการต่อทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง 3 ชนิด ได้แก่พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต โดยให้มีผลทันที

สอง-ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายเพื่อยกเลิกสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง 3 ชนิด โดยยกเลิกพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ภายในสิ้นปี 2562 ตามมติของกระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง

และสาม- เครือข่ายฯสนับสนุนการตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ โดยไม่ต้องศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพอีก เนื่องจากได้มีการศึกษาโดยกระทรวงสาธารณสุขอย่างรอบคอบแล้ว

ประเด็นที่ต้องติดตามก็คือ “ลายเซ็น” ของ น.ส.มนัญญา รมช.เกษตรฯ จะมีน้ำหนักจริงหรือ เพราะเมื่อครั้งที่ “อาจารย์ยักษ์-วิวัฒน์ ศัลยกำธร” มานั่ง รมช.เกษตรฯ ตาม ม.44 และเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างเต็มอัตราศึกก็ยังไม่บังเกิดผล

ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามก็คือ “เสี่ยต่อ-เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ผู้เป็นรัฐมนตรีว่าการ(คนละพรรค) จะเห็นด้วยกับ น.ส.มนัญญาในการดำเนินการมากน้อยเพียงใด ดังที่ “มูลนิธิชีววิถี” หรือไบโอไทย เรียกร้องเอาไว้ว่า “ขอร้องให้ผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์ที่มาแสดงการสนับสนุน น.ส.มนัญญา รวมทั้งแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์คนอื่นๆที่สนับสนุนการแบนสารพิษดังกล่าว ไปพบปะพูดคุยในพรรค เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรซึ่งมาจากพรรคดังกล่าวให้การสนับสนุนการแบนสารพิษร้ายแรง เช่นเดียวกับที่พรรคภูมิใจไทยได้แสดงออกให้เห็น”

ประเด็นที่ต้องติดตามก็คือ กรมวิชาการเกษตร ภายใต้การนำของ “ดร.เสริมสุข สลักเพ็ชร์” อธิบดีคนปัจจุบันจะมีท่าทีอย่างไร เพราะในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตรได้เสนอให้เลื่อนการลงมติแบนไปอีก 2 ปีข้างหน้า

และประเด็นที่ต้องติดตามก็คือ “คณะกรรมการวัตถุอันตราย” ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับของ “กระทรวงอุตสาหกรรม” และ “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” จะมีท่าทีอย่างไร และจะกลายเป็น “หนังม้วนเก่า” เหมือนอย่างที่นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร หัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญอีกคนหนึ่งในการแบน 3 สารเคมีเกษตรว่าไว้หรือไม่ เพราะ “การห้ามใช้” เป็นหน้าที่ของ รมว.อุตสาหกรรม และคณะกรรมการวัตถุอันตราย

“ที่ประชุมวันนี้พบว่ามีมติสนับสนุนใช้ต่อ 16 เสียง มติยกเลิก 5 เสียง และงดออกเสียง 5 เสียง ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ไม่เช่นนั้นอาจมีผลต่อการใช้ชีวิตของกรรมการแต่ละคน อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้องฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายเกษตรกรที่มีความจำเป็นต้องใช้ เพราะหากยกเลิกทันทีเกษตรกรจะได้รับผลกระทบทันที เพราะยังไม่มีสารอื่นมาทดแทน และฝ่ายที่ต้องการให้ยกเลิก” อภิจิณ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย กล่าวภายหลังการประชุมยาวนานกว่า 4 ชั่วโมงเมื่อวันที่14 ก.พ. 2562

แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือตัว “ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า จะมีทัศนคติไปในทิศทางไหน เพราะนี่คือเรื่องของ “นโยบาย” ซึ่งจำเป็นที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจาก “ผู้นำรัฐบาล”

สิ้นปีนี้จะ “แบนจริง” หรือไม่ อีกไม่นานคงรู้กัน.


กำลังโหลดความคิดเห็น