xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ธรรมนัสกับสื่อออสเตรเลีย ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“หนึ่งความคิด”
“สุรวิชช์ วีรวรรณ”

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ประกาศแยกตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ภายหลังไม่พอใจที่ไม่ได้รับการจัดสรรโควตาในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาผู้แทนราษฎร ว่า “ผมเป็นคนเลี้ยงลิง เลยต้องเอากล้วยให้ลิงกินตลอดเวลา ขณะนี้เชื่อว่ากินจนอิ่มแล้วน่าจะพอได้แล้ว เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวนั้นไม่ต้องเคลียร์ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อาจจะเข้าใจผิด”

ไม่ทราบเหมือนกันว่าพรรคเล็ก1เสียงพรรคอื่นๆ ที่เป็นส.ส.เขย่งในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะคิดอย่างไรต่อคำพูดนี้ แต่นายพิเชษฐและพรรคประชาธรรมไทยได้ประกาศถอนตัวทันทีเพราะไม่ยอมเป็นลิงให้ใครมาป้อนกล้วยอีกต่อไป

แต่ชนวนความขัดแย้งในพรรคเล็กร่วมรัฐบาลที่ยิ่งทำให้รัฐบาลมีคะแนนเสียงที่หมิ่นเหม่ปริ่มน้ำมากขึ้นก็ไม่เท่ากับเรื่องราวของธรรมนัสที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน

เมื่อไมเคิล รัฟเฟิลส์ บรรณาธิการข่าว และไมเคิล เอแวนส์ บรรณาธิการข่าวสืบสวนสอบสวนของ หนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ (SMH) ซึ่งเป็นสื่อชั้นนำของออสเตรเลีย รายงานผลการสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติมกรณีธรรมนัสผู้เคยเกี่ยวพันกับคดียาเสพติดในออสเตรเลีย กลายเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาลชุดปัจจุบันของไทย

ทั้งนี้ บทความชื่อ From sinister to minister: politician's drug trafficking jail time revealed ระบุว่าเป็นการสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติมจากคำกล่าวของธรรมนัส ที่ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้รู้เห็นกับการขนยาเสพติดเข้าประเทศออสเตรเลีย แต่ SMH ระบุว่า ธรรมนัส ถูกดำเนินคดีและตัดสินลงโทษจำคุก 4 ปีในซิดนีย์ด้วยข้อหาลักลอบขนยาเสพติด โดยบรรยายขั้นตอนอย่างละเอียดตั้งแต่เข้าประเทศไปจนถูกจับกุมจำคุกและได้รับการปล่อยตัวกลับมา

ข่าวเรื่องติดคุกที่ออสเตรเลียปรากฏออกมาตั้งแต่ช่วงตั้งรัฐบาล แต่ธรรมนัสอธิบายในขณะนั้นว่า ที่มีข่าวว่าเขาเคยถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาให้จำคุกในคดียาเสพติดนั้น ยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง ช่วงปี 2535-2536 เขาตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่ไม่แจ้งการพบเห็นบุคคลที่มียาเสพติด ศาลพิพากษาจำคุก 8 เดือน ก่อนจะพ้นโทษและประกอบอาชีพเป็นเซลล์แมนที่ออสเตรเลีย 4 ปี ก่อนถูกส่งกลับประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลออสเตรเลียไม่ต้องการให้คนที่รวมตัวทำธุรกิจในประเทศโดยไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง ไม่ใช่การส่งตัวกลับไทยในฐานะผู้ร้ายในคดีร้ายแรง

ในตอนนั้นธรรมนัสระบุว่า คดีที่เกิดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย ตามฐานของกฎหมายในประเทศเขาคือความผิดระดับลหุโทษเท่านั้น เชื่อว่าจะไม่กระทบกับคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะกฎหมายของประเทศออสเตรเลียไม่ได้เกี่ยวกับกฎหมายของประเทศไทย ส่วนที่รัฐธรรมนูญไทยกำหนดข้อห้ามการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดียาเสพติดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้านั้น เขาไม่ใช่ผู้ผลิต ไม่ใช่ผู้ค้าใด ๆ ทั้งสิ้น คดีเกิดขึ้นช่วงที่ไปเที่ยวที่ออสเตรเลีย เขาถือเป็นบุคคลที่โชคร้าย เขาเดินทางเข้าประเทศอย่างถูกต้อง แต่เกิดเรื่องเพราะตนอยู่ในพื้นที่และอยู่ในเหตุการณ์ที่คนไทย 2 คน ถูกจับคดียาเสพติด ข้อหาที่ตนโดนคือรู้ว่ามีการค้ายาเสพติด แต่ไม่แจ้งตำรวจ

นั่นเป็นคำอธิบายของธรรมนัสที่ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับที่ถูกสื่อออสเตรเลียขุดคุ้ยในช่วงนี้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริงคงไม่ใช่คดีลหุโทษอย่างที่ธรรมนัสอ้างอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 160 รัฐมนตรีต้อง (7) ไม่เป็นผู้ต้องคําพิพากษาให้จําคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษเว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

ถ้าจำกันได้ก่อนนี้มีคนไปถาม นายวิษณุ เครืองาม มือกฎหมายของรัฐบาลเหมือนกันว่ากรณีที่ธรรมนัส เคยถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาจำคุก และรัฐบาลไทยทำเรื่องขอโอนตัวในสถานะนักโทษยาเสพติด จะมีผลกระทบเรื่องคุณสมบัติหรือไม่ หากธรรมนัส มีชื่อเป็นรัฐมนตรีว่า ไม่มีผลในส่วนของคุณสมบัติว่าเคยต้องคดี แต่ในเรื่องของความประพฤติ การทุจริต มาตรฐานทางจริยธรรมเหล่านี้ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่มีเกณฑ์ชี้วัดอย่างชัดเจน ในอดีตเคยมี ส.ส.ต้องคำพิพากษาในต่างประเทศ กรณีขนยาเสพติดเข้าฮ่องกง ตรงนั้นไม่มีผลกระทบอะไรในส่วนของไทย แต่จะกระทบเรื่องชื่อเสียง เกียรติยศ และอะไรหลายอย่าง อาจจะเป็นข้อห้ามอีกแบบหนึ่ง แต่จะเอาข้อหานั้นตรงๆ มาใช้ไม่ได้ แม้ข้อหาอาจจะตรงกัน แต่ศาลไทยไม่ได้เป็นผู้ตัดสิน

ทั้งนี้ นักกฎหมายบางท่านอธิบายสอดคล้องกับความเห็นของนายวิษณุว่า เป็นไปตามหลักอธิปไตยของรัฐที่จะไม่รับรู้หรือยอมรับผลทางกฎหมายของอำนาจรัฐอื่นโดยอัตโนมัติ

กรณีเรื่องหลักอธิปไตยที่คล้ายกันนี้เราจะเห็นได้ว่า กรณีความวุ่นวายจนบานปลายที่เคยเกิดขึ้นในฮ่องกงก็มาจากจุดเดียวกันคือ รัฐบาลฮ่องกงพยายามออกกฎหมายเพราะมีวัยรุ่นคนหนึ่งฆ่าแฟนของตัวเองในไต้หวันกลับมาสารภาพผิดที่ฮ่องกงแต่กฎหมายไม่สามารถเอื้อมไปลงโทษได้

ถ้าเราติดตามข่าวในช่วงฟอร์มรัฐบาล มีข่าวทำนองว่า ธรรมนัสอาจจะไม่ได้รับตำแหน่ง เพราะเรื่องราวในอดีตและภาพของการเป็นผู้มีอิทธิพล และตอนนั้นมีทีท่าว่าเขาจะให้น้องชายคือ นายอัครา พรหมเผ่า มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแทน เช่นเดียวกับชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ซึ่งสุดท้ายนายชาดาต้องให้น้องสาวคือ นางมนัญญา มารับตำแหน่งรัฐมนตรีแทน

แต่ก่อนที่จะประกาศรายชื่อรัฐมนตรีนั้น ธรรมนัสทำหน้าที่เมื่อผู้ไกล่เกลี่ยในการสยบคลื่นใต้น้ำภายในพรรค และเมื่อมีเสียงโวยวายจากพรรคเล็กธรรมนัสก็จะทำหน้าที่เข้าประสานเพื่อยุติปัญหา ซึ่งสะท้อนว่าเขาเป็นผู้มีบารมีและอิทธิพลในรัฐบาลชุดนี้

แล้วสุดท้ายก็มีชื่อธรรมนัสกลับมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯเช่นเดียวกับมนัญญา จนกลายเป็นว่ากระทรวงเกษตรฯ กระทรวงเดียวมีรัฐมนตรีช่วยถึงสามคน โดยมีการกล่าวขานกันว่าเอาธรรมนัสมารับมือกับผู้ประท้วงที่มักมาชุมนุมที่กระทรวงเกษตรฯ ในทุกสมัย

แต่ธรรมนัสไม่ใช่รัฐมนตรีธรรมดาของพรรคพลังประชารัฐและ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ธรรมนัสเคยกล่าวว่า “การจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ผมถือว่าเป็นกำลังหลักสำคัญ ในการขับเคลื่อน ในการประสาน ดังนั้นถ้าล้มผมได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน เพราะว่าในหลายๆ พรรค ในหลายๆ ส่วนที่ผมประสานไว้ มันเป็นความลับที่อยู่ในตัวผมคนเดียว ดังนั้นเขาก็รู้ว่าผมคือเส้นเลือดใหญ่ ที่จะเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงในหัวใจของรัฐบาล”

เป็นที่ทราบกันว่าธรรมนัสนั้นเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ธรรมนัสเคยเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยก่อนจะแปรพักตร์มาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในวันที่อำนาจทางการเมืองทั้งหมดอยู่ภายใต้ คสช.และทักษิณกับน้องสาวกลายเป็นสัมภเวสีในต่างแดน

แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า ในบทบาทการเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ นั้นธรรมนัสปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างโดดเด่นลงไปคลุกกับปัญหาเรามักเห็นภาพข่าวของเขาลงไปในทุกพื้นที่อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ประสบปัญหาภัยแล้งมาจนถึงปัญหาน้ำท่วม นับเป็นรัฐมนตรีที่มีผลงานคนหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมือไม้ที่สำคัญของรัฐบาลประยุทธ์

ทั้งนี้หลังมีข่าวจากสื่อออสเตรเลีย ธรรมนัสยืนยันว่า เป็นเรื่องที่เขาชี้แจงไปหมดแล้วในอดีต การเอาข่าวมาเขียนละเอียดมีที่มาที่ไปรู้หมดแล้วว่ามาอย่างไร ที่เอามาเขียนมีที่มาที่ไปรู้แล้วว่าโยงใยอย่างไรรู้โครงข่ายทั้งหมดแล้ว และมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการทั้งแพ่งและอาญา “ผมไม่เคยกระทำความผิดไม่เคยรับสารภาพ เรื่องนี้เป็นการเขียนภายในประเทศและส่งให้นักข่าวออสเตรเลียเขียนและตัวเองได้รับการติดต่อจากนายไมเคิล(นักข่าวออสเตรเลีย)มาหลายรอบ ไปเจาะดูว่าไมเคิลเป็นเครือข่ายใคร ถ้าข้องใจเปิดหน้ามาเลยอย่าเป็นอีแอบ”

ข้อกล่าวหาจากผู้สื่อข่าวออสเตรเลียต่อธรรมนัสนั้นยังถูกหลายฝ่ายตั้งคำถามเรื่องเงื่อนเวลาของการออกข่าว โดยมีคนตั้งข้อสังเกตว่า เพราะต้องการทุบกล่องดวงใจของรัฐบาลนี้ที่มีธรรมนัสเป็นแกนสำคัญและเขาเองก็เคยพูดว่ามีคนต้องการล้มเขาเพื่อสั่นคลอนรัฐบาล

และยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าธรรมนัสเคยอยู่พรรคเพื่อไทยมานานทำไมข้อมูลเหล่านี้ถึงถูกเอามาเปิดเผยในช่วงนี้แล้วใครเป็นอีแอบที่ธรรมนัสกล่าวถึง

อย่างไรก็ตามเมื่อปากคำของธรรมนัสและสิ่งที่สื่อของออสเตรเลียนำเสนอนั้นมีความต่างกันอย่างชัดเจนนั้นย่อมแสดงว่าต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่กล่าวความเท็จ และน่าสนใจว่า เมื่อธรรมนัสประกาศว่า จะดำเนินการเรื่องนี้ทั้งทางแพ่งและอาญาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ต้องมีอยู่ในข้อมูลทางการของฝั่งออสเตรเลียจะปรากฎออกมาไหม เพราะข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรแน่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้ปรากฎออกมา แค่ขอข้อมูลจากทางการออสเตรเลียก็ทราบความจริงแล้ว

งานนี้จึงต้องเชียร์ธรรมนัสให้เอาจริงและเปิดโฉมหน้าขบวนการอีแอบออกมาให้ได้

และเมื่อผู้สื่อข่าวนำกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า มีขบวนการในต่างประเทศคอยต้องการล้มล้างทำลายชื่อเสียงของตัวเองนั้นไปถามนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่า น่าจะเป็นความจริง เนื่องจากการแถลงข่าวปฏิบัติการทำลายล้างข่าวปลอมของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ส่วนใหญ่ก็มีเครือข่ายอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุหรือขบวนการที่จะต้องการล้มล้างและทำลายชื่อเสียงของ ร.อ.ธรรมนัส ทั้งนี้ ทางกระทรวงดิจิทัลฯ และ ปอท. อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งหากมีการเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีหรือให้ข้อมูลกับทางกระทรวงดิจิทัลฯ ก็พร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบให้

จับตาดูว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรธรรมนัสจะเอาคนที่อ้างว่าทำเป็นขบวนการใส่ร้ายเขาเพื่อสั่นคลอนรัฐบาลมาลงโทษตามกฎหมายได้ไหม

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น