xs
xsm
sm
md
lg

หมด “เหยี่ยว” ไปอีกตัว!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว
ไปซะแล้วว์ว์ว์....หนึ่งใน “B-Team” ผู้อยากจุดชนวนสงครามระดับโลกซะเหลือเกิน หรือผู้ที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “นายจาวาด ชารีฟ” ท่านเคยให้ชื่อ ฉายา เอาไว้ อันประกอบไปด้วย “B-Bibi” นายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” “B-MbS” หรือมกุฎราชกุมาร “โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน” แห่งราชอาณาจักรซาอุฯ และ “B-MbZ” หรือมกุฎราชกุมาร “โมฮัมหมัด บิน ไซเอ็ด อัล-นาห์ยาน” แห่งสหพันธรัฐยูเออี ไปจนถึง “B-Bolton” หรือ “ไอ้หนวดอำมหิต” “นายจอห์น โบลตัน” ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว...

เพราะเมื่อช่วงคืนวันพุธ (11 ก.ย.) ที่ผ่านมา...เจ้าพ่อตัวจริง-เสียงจริง แห่งทำเนียบขาวอย่าง “ทรัมป์บ้า” ก็ได้ตัดสินใจ “ทวีต” ข้อความ ซึ่งก่อให้เกิดความฮือฮาในระดับปรอทแตก ไม่ว่าภายในแวดวงการเมืองอเมริกา หรือแวดวงการเมืองระดับโลก นั่นคือข้อความที่ว่า... “ผมได้บอกกับ จอห์น โบลตันไปเมื่อคืนนี้ว่า การรับใช้ทำเนียบขาวของคุณ...ไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว ผมขอร้องให้จอห์นลาออกในวันพรุ่งนี้!!!” นี่...เรียกได้ว่าถือเป็นข้อความซึ่งเปิดเผยให้เห็นได้โดยชัดเจนว่า...ใครเป็นใคร ไผเป็นไผ หรือใครอยู่-ใครใหญ่กันแน่!!!...ขณะที่ไอ้หนวดอำมหิตได้แต่ “ทวีต” ข้อความกลับมาเพียงสั้นๆประมาณว่า... “ผมได้รับการเสนอให้ลาออกเมื่อคืนนี้ จากประธานาธิบดีทรัมป์ พรุ่งนี้ค่อยพูดจากับเรื่องนี้อีกที...”

ซึ่งอันที่จริงแล้ว...เรื่องใครอยู่-ใครใหญ่ ใครเป็นใคร หรือไผเป็นไผ ระหว่างผู้นำอเมริกากับที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาวนั้น ได้ส่อแววให้เห็นมานานพอสมควรแล้ว อย่างน้อย...ก็ตั้งแต่ช่วงปลายๆ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คือช่วงระหว่างที่เครื่องบินโดรนมูลค่านับร้อยๆ ล้านดอลลาร์ “RQ-4Global Hawk” ของกองทัพสหรัฐฯ ถูกจรวดอิหร่านสอยร่วงลงมาจากน่านฟ้า จนต้องเกิดการเปิดประชุมฉุกเฉินภายในหมู่ผู้บริหารทำเนียบขาว โดยได้หยิบเอาเรื่องการวินาศกรรมเรือสินค้า เรือน้ำมัน ซาอุฯ ยูเออี ก่อนหน้านั้น เข้ามาผนวกรวมด้วย จนนำไปสู่การวางแผนปฏิบัติการ “โจมตีทางยุทธวิธี” ต่ออิหร่าน หลังผ่านการถกเถียง อภิปรายกันชนิดหน้าดำ-หน้าแดง แต่สุดท้าย...แผนปฏิบัติการดังกล่าวดันถูกสั่ง “ยกเลิก” โดยคำสั่งของประธานาธิบดีก่อนหน้าการโจมตีเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง...

ช่วงจังหวะนั้นนั่นแหละ...ที่ตัวประธานาธิบดีอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้ออกมาให้คำอธิบายรายละเอียดว่าใครเป็นใคร ไผเป็นไผ และใครใหญ่-ใครอยู่ อย่างค่อนข้างชัดเจนดังคำให้สัมภาษณ์ต่อรายการ “Meet the Press” เอาไว้ประมาณว่า “ผมมีคนอยู่ 2 กลุ่มด้วยกัน คือทั้งเหยี่ยว...และพิราบ โดยแน่นอนว่า จอห์น โบลตัน ก็คือเหยี่ยว และถ้าทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขา รับรองว่าเราคงได้รบกับคนทั้งโลกค่อนข้างแน่...” ดังนั้น...หลังการสั่งยกเลิกแผนโจมตีอิหร่านทางยุทธวิธีเป็นต้นมา “เหยี่ยว” อย่าง “นายจอห์น โบลตัน” ก็เริ่มหายหน้า หายตาไปจากแวดวงการเมืองอเมริกัน ถูกส่งไปพูดคุยเจรจากับผู้นำมองโกเลียโน่นเลยระหว่างที่ “ทรัมป์บ้า” ผู้พยายามจำแลงแปลงกาย เป็น “พิราบ” กำลังจับมือถือแขนอยู่กับ “คิมน้อย” แห่งเกาหลีเหนือ ณ เส้นปักปันเขตแดนระหว่างเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์...

แน่ล่ะว่า...การสูญสลายหายไปของ “เหยี่ยวผู้กระหายสงคราม” และผู้เป็น “หนึ่งใน B-Team” อย่าง “นายจอห์น โบลตัน” นั้น ย่อมต้องถือเป็น “ข่าวดี” สำหรับผู้ใฝ่หาสันติภาพไม่มาก-ก็น้อย และเอาเข้าจริงๆ แล้ว...ไม่ว่า “B-MbS” หรือ “B-MbZ” สองในสามของกลุ่ม “B-Team” ก็ดูจะค่อยๆ ลดความกระหาย ใคร่อยาก ในการจุดชนวนสงครามลงไปตามลำดับ “B-MbS” หรือเจ้าชาย “โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน” แห่งซาอุดีอาระเบียนั้น ก็มีกำหนดการเตรียมพบปะพูดคุยกับผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ในเรื่อง “สงครามเยเมน” หรือ “สงครามที่ไม่มีวันชนะ” ได้เลยในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึง ขณะที่ “B-MbZ” หรือเจ้าชาย “โมฮัมหมัด บิน ไซเอ็ด อัล-นาห์ยาน” ได้หันไปร้องเพลง “น้องอ้อม-สุนิสา” คือเพลง “ถอยดีกว่า...ไม่อาวว์ว์ว์ดีกว่า” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือประกาศถอนตัวออกจากสงครามเยเมนโดยเด็ดขาด...

เท่าที่เหลืออยู่ใน “B-Team” หรือในกลุ่ม “เหยี่ยวผู้กระหายสงคราม” ก็เลยน่าจะเหลืออยู่แค่ “B-Bibi” หรือนายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” แต่เพียงล้วนๆ ที่ยังคงพยายามสร้างจุดเดือด จุดชนวน เพื่อลากเอาใครต่อใครในโลก ไปชุมนุมกันทำสงคราม ณ ตำบลอารมาเกดโดน หรือ ณ แห่งหนตำบลใดก็ตามแต่ โดยล่าสุด...ถึงขั้นออกมาป่าวประกาศต่อหน้าสาธารณชนทั้งหลายประมาณว่า ถ้าชนะเลือกตั้งได้มีโอกาสกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลรอบใหม่ รัฐบาลของตัวเองพร้อมแล้วที่จะผนวกพื้นที่บริเวณหุบเขาจอร์แดนทั้งมวล ที่เป็นส่วนหนึ่งของเขตยึดครองเวสต์ แบงก์ เข้าเป็นดินแดนของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ และแปรสภาพให้กลายเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลแบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์...

แต่การสร้างจุดเดือด จุดชนวน อันจะนำมาซึ่ง “สงคราม” ด้วยพฤติกรรมต่างๆ ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่การประกาศให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ ยึดที่ราบสูงโกลันของซีเรียเปลี่ยนเป็น “ที่ราบสูงทรัมป์” ของอิสราเอล โหมกระแสเรียกร้องให้สร้าง “วิหารแห่งพระเจ้าครั้งที่ 3” ขึ้นมาแทนที่ “โดมแห่งศิลา” ของชาวมุสลิมทั้งหลาย ฯลฯ เอาไป-เอามาแล้ว...น่าจะออกอาการ “เหี่ยวปลาย” ลงไปตามลำดับ เพราะไม่เพียงแต่บรรดา “B-Team” ในแต่ละราย ต่างค่อยๆ หมดฤทธิ์ หมดเดช กันไปเป็นรายๆ ดังที่กล่าวไปแล้ว โดยขีดความสามารถ หรือโดย “ศักยภาพ” ของกองทัพอิสราเอลล้วนๆ ในทุกวันนี้ ก็ดูจะ “ยากส์ส์ส์” เอามากๆ ที่จะส่งผลให้เกิดการบรรลุเป้าหมายในลักษณะที่ว่า...

คือแค่ดูจากการเปิดศึก 3 ด้านกับพวก “เฮซบอลเลาะห์” ในเลบานอน พวก “ฮามาส” ในปาเลสไตน์ และการล่วงละเมิดอธิปไตยในซีเรียไปพร้อมๆ กันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงเครื่องบินโดรนของอิสราเอล ถูกจรวดเฮซบอลเลาะห์สอยร่วงจากน่านฟ้า เมื่อช่วงวันจันทร์ (9 ก.ย.) ที่ผ่านมา ขนาดหน่วยป้องกันชายแดนที่เมือง “Avivim” ทั้งหน่วย ถึงกับต้องหนียะย่าย พ่ายจะแจ เผ่นเอาตัวรอดทิ้งรถถัง ยานพาหนะ อาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ทั้งแผง หลังต้องเจอกับขีปนาวุธลูกแล้ว ลูกเล่า ประเคนเข้าใส่ ไม่ต่างไปจากจรวดพวกฮามาส ที่เพิ่งสอยเครื่องบินโดรนอิสราเอลแถวๆ เมือง “Rafah” ด้านใต้ของฉนวนกาซาร่วงลงไปอีกลำ ในช่วงวันเดียวกัน ส่วนการล่วงละเมิดอธิปไตยในซีเรีย ไม่ว่าเพื่อเล่นงานกองกำลังอิหร่าน หรือเพื่อจุดประสงค์ใดๆ ก็แล้วแต่ นับวันมีแต่ติดๆ ขัดๆ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หลังจากรัสเซียได้เข้าไปติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ “S-300” ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฯลฯ ฯลฯ...

ดังนั้น...เมื่อผู้ที่ได้ชื่อว่า “รักชาติอิสราเอลซะยิ่งกว่าชาติอเมริกัน” อย่าง “นายจอห์น โบลตัน” ดันถูก “ทรัมป์บ้า” ที่แปลงร่างไปเป็น “พิราบ” สอยร่วงลงไปอีกราย แบบชนิดต่อหน้า-ต่อตา แม้ว่า “B-Bibi” จะยังสามารถประคองตัวรอด สามารถหวนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้อีกครั้ง แต่ความกะเหี้ยนกระหือรือที่จะก่อจุดเดือด จุดชนวนสงคราม ก็คงต้องลดๆ ลงไปมั่งไม่มาก-ก็น้อย หรือทำให้แนวโน้มของ “สันติภาพ” ยิ่งมีโอกาสเป็นไปได้เพิ่มขึ้นเท่านั้น แม้แต่โอกาสของการหวนกลับไปสู่โต๊ะเจรจาระหว่างอเมริกากับอิหร่านก็ตามที...
กำลังโหลดความคิดเห็น