xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**รายงาน กมธ.ทางด่วนฯฉลุย ผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน-รัฐบาล 412 เสียงโหวตเห็นพ้องต่อสัมปทาน BEM ยุติข้อพิพาทแสนล้าน เหลือแค่ข้อสรุปคณะทำงาน “กระทรวงหูกวาง” ที่ “เสี่ยโอ๋” สั่งทบทวนทางด่วนขั้นที่ 2 ด้วย “ความเห็นส่วนตัว” ที่ว่าไม่จำเป็น แต่หลัง ส.ส. “ผู้แทนประชาชน” ค่อนสภาฯโหวตเห็นด้วย “ทางออกที่ดีที่สุด” ไปแล้ว ข้อสรุปของกระทรวงคมนาคมก็คงไม่หนีไปจากนี้

ดุเดือดจนหยดสุดท้าย .. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณารายงานศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มี วีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ .. โดยข้อสรุปของรายงานคือ “เสียงข้างมาก” ของ กมธ. “เห็นด้วย” กับการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน ระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) เพื่อยุติข้อพิพาทที่มีการประเมินมูลค่าสูงถึง 1.37 แสนล้าน ที่ กทพ.ต้องจ่ายให้กับเอกชน และอาจสูงถึง 3.62 แสนล้านบาท หากปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อต่อไป .. ส่วนกรณีขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น บทสรุปของ กมธ.คือ “ไม่เห็นด้วย” ..
ที่ว่าดุเดือดก็บรรยากาศการพิจารณารายงานของ กมธ. ที่มีการทักท้วงให้ทบทวนการจัดทำรายงานเพราะจะมีปัญหาในทางปฏิบัติที่หน่วยงานต้องรับไปพิจารณา เนื่องจากมีการระบุข้อสังเกตของกมธ.ฯเป็นรายบุคคล ที่ขัดแย้งและไม่เป็นเอกภาพ ทำให้อาจมีปัญหาต่อการส่งรายงานให้หน่วยงานไปปฏิบัติ .. แต่ “ไฮไลท์” อยู่ที่ช็อตดวลวาทีของ “เพื่อนร่วมค่าย” อย่าง “เสี่ยนวัธ” นวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายเหน็บว่ามี “ข่าวลือ” ว่า กมธ.ฯ มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องที่พิจารณา .. ร้อนถึง “เสี่ยโจ้” ยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ต้องลุกขึ้นปกป้องศักดิ์ศรีว่า กมธ.ชุดนี้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีใครคดโกง พร้อมเหน็บกลับไปถึงคดีความส่วนตัวของ “เสี่ยนวัธ” .. ทำเอา “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ที่ทำหน้าที่อยู่บนบัลลังก์ ต้องห้ามทัพจ้าละหวั่น ก่อนตัดบทเข้าสู่การลงมติต่อข้อสังเกตของกมธ.ฯ เพื่อแนบรายงานของกมธ.ฯ เพื่อส่งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผลปรากฎว่า เสียงข้างมาก 412 เสียงเห็นด้วยกับข้อสังเกตของ กมธ. ขณะที่ 25 เสียงไม่เห็นด้วย และอีก 20 เสียงงดออกเสียง ..
น่าสนใจว่ามี ส.ส.มากถึง “412 เสียง” ที่เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน แสดงให้เห็นว่ามีทั้งผู้แทนราษฎรที่เป็น “ฝ่ายรัฐบาล” และ “ฝ่ายค้าน” เห็นพ้องต้องกันในกรณีนี้ สอดคล้องกับ “เสียงข้างมาก” ของ กมธ. ที่เห็นด้วยกับการต่อสัญญา 21 จาก 39 คนใน กมธ. ไม่เห็นด้วย 12 คน งดออกเสียง 5 คน และลาการประชุม 1 คน .. ต้องมาไม่ลืมลงรายละเอียดไว้ด้วยว่า การขยายสัมปทาน 30 ปี จะทำให้รัฐบาลและ กทพ.ได้ “สองเด้ง” คือ เด้งหนึ่ง “ยุติข้อพิพาท” 1.37 แสนล้านบาท ด้วยการต่อสัญญา 15 ปีแรก และเด้งสอง “แก้ปัญหาจราจร” ด้วยเงื่อนไขในการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 หรือ Double Deck เส้นทางงามวงศ์วาน-พระราม 9 มูลค่า 3.1 หมื่นล้านบาท รวมไปถึงการขยายทางอีกหลายจุด สำหรับการต่อสัญญา 15 ปีหลัง .. แต่ก็ยังมี “เงื่อนไขสำคัญ” ด้วยว่า การก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 นั้น กทพ.ต้องรับหน้าเสื่อเป็นผู้จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้ผ่าน หากไม่ผ่านก็แล้วกันไป ..
อันที่จริงข้อสรุปเหล่านี้ที่ว่ากันว่าเป็น “ทางออกที่ดีที่สุด” เคยเข้าที่ประชุม ครม.มาแล้ว รายละเอียดไม่ต่างกันมากนัก เผอิญอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านมาเป็น “รัฐบาลเลือกตั้ง” จึงได้ชะลอเรื่องไว้เพื่อรอรัฐบาลใหม่ และก็ยังให้เกียรติ “ผู้แทนราษฎร” ที่มีการยื่นญัตติเพื่อร่วมพิจารณาความเหมาะสม .. คู่ขนานไปกับการมอบหมายให้ กระทรวงคมนาคม ไปศึกษารายละเอียดซ้ำอีกหน นำมาซึ่งการตั้ง คณะทำงานแก้ไขปัญหาข้อพิพาทสัมปทานทางด่วน ระหว่าง กทพ.กับ BEM ที่มี "ปลัดแอ๊ด" ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงหูกวาง เป็นประธาน ที่ได้สรุปแนวทางความเป็นไปได้ 3 แนวทาง เพื่อให้ “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เจ้ากระทรวง พิจารณาไปเมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ..
โดย “ทางออกที่ดีที่สุด” ในรีพอร์ตของ “ปลัดแอ๊ด” ก็คือการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนออกไปอีก 30 ปี เพื่อยุติข้อพิพาทที่มีต่อกัน ทั้งในปัจจุบันที่มีมูลค่า 1.37 แสนล้านบาท และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่มูลค่าอาจพุ่งทะลุไปเกิน 3 แสนล้านบาท .. แต่ก็เป็น “เสี่ยโอ๋” ที่สั่งให้คณะทำงานกลับไปพิจารณารายละเอียดข้อพิพาทในส่วนของ ทางด่วนชั้นที่ 2 หรือ Double Deck อีกครั้ง ว่าหากไม่มีส่วนนี้แล้ว ข้อพิพาทจะเป็นอย่างไร และจะขยายอายุสัมปทานกี่ปี .. เนื่องจาก “ความเห็นส่วนตัว” ของ “เสี่ยโอ๋” นั้นเห็นว่า Double Deck ไม่มีความจำเป็น และไม่ได้ถูกระบุไว้ในสัญญาตั้งแต่แรก .. ส่งผลให้ต้องประวิงเวลาการทำงานไปอีกอย่างน้อยๆ 7 วัน เท่ากับว่าตอนนี้ ในส่วนของรายงานของ กมธ.สภาฯ คงเตรียมเข้าที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า เหลือก็แต่รายงานของกระทรวงคมนาคมว่าจะมาตามนัดหรือเปล่า ..
ต้องไม่ลืมด้วยว่า “ท่านศักดิ์สยาม” ก็ยังมีสถานะเป็น ส.ส.อยู่ คงได้ยินได้ฟังข้อมูลในการประชุมสภาฯที่ผ่านมา อีกทั้งพลพรรค “ภูมิใจไทย” ลูกพรรคของ “เสี่ยโอ๋” ส่วนใหญ่ก็ร่วมโหวตเห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานกับ BEM หากยังติดใจสงสัยก็อาจจะลองสอบถาม ชาดา ไทยเศรษฐ์ - ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.คนดังค่ายเซราะกราว ที่เป็น กมธ.เสียงข้างมาก ดูก็อาจจะหายข้องใจได้ .. หรืออย่างน้อยก็ควรให้เกียรติเสียงข้างมากของ “ผู้แทนราษฎร” ที่เป็นตัวแทนประชาชน ถึง 412 เสียง ที่ลงมติเห็นด้วยกับแนวทางของ กมธ.ด้วย เพียงเท่านี้ก็คงสามารถตัดจบสรุปแนวทางของกระทรวงคมนาคมได้ไม่ยาก.

** ปมขายเก้าอี้อธิบดีกรมอุทยานฯ 600 ล้าน ที่เด็กพปชร. ขุดมาแฉ ทำเอา "รัฐมนตรีวราวุธ" ฉุนควันออกหู ออกจมูก สุดท้าย"ลุงป้อม"ต้องส่ง "ผู้กองธรรมนัส" มาเป็นกาวใจ ช่วยเคลียร์จนสงบลงได้
เล่นเอางงกันเป็นแถว ว่าเกิดอะไรขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อ "น.สพ.ธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์" อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กับ"สิระ เจนจาคะ" ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ออกมาเกาะโพเดียม ที่สภาฯ แฉความไม่ชอบมาพากล ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ "เสี่ยท็อป" วราวุธ ศิลปอาชา จากพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นรัฐมนตรีว่าการอยู่..แถมถูดพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์ก้อนโตซะด้วย ...
"น.สพ.ธีทัชฐ์" เอาเรื่องในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาแฉว่า อธิบดีกรมอุทยานฯ ส่อว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในโครงการเพราะชำกล้าไม้ และยังขึ้นเงินเดือนให้ภรรยาตนเอง และคนใกล้ชิด สูงเกินความเป็นจริง คือได้ตั้ง 6% ในขณะที่คนอื่นที่ปฏิบัติงานดีเด่นยังได้แค่ 3-4% ...เท่านั้นยังไม่พอ ยัง "ทิ้งระเบิด" อีกตูมใหญ่ ว่ามีการซื้อ ขายตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ กันในราคาสูงถึง 600 ล้านบาท จ่ายเงินกันไปแล้ว 300 ล้าน ส่วนที่เหลืออีก 300 ล้าน ขอไปจ่ายในเดือน ก.พ.ปีหน้า...แถมยังเปิดคลิปเสียงการถกเถียงกัน ระหว่างคนสองคน เนื่องจากได้ส่วนแบ่งจากการทำงานไม่เท่ากัน มาเป็นหลักฐานเด็ดซะด้วย ... และบอกว่าจะส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ให้จัดการเรื่องนี้ ...
แม้ว่าจะไม่ได้บอกว่าคนที่รับเงิน 300 ล้านไปแล้วนั้นเป็นใคร แต่พูดออกมาถึงขนาดนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าเจตนาพุ่งเป้าไปที่ "เสี่ยท็อป" วราวุธ ศิลปอาชา เจ้ากระทรวงฯ ... เล่นเอา"เสี่ยท็อป" ฉุนควันออกหู รีบออกมาชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง ใครจะบ้ามาซื้อเก้าอี้อธิบดีฯ ตั้ง 600 ล้าน ตนเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้แค่ 2 เดือน ก็เจอเข้าซะแล้ว ... และที่โยกย้ายกันไปรอบนี้ ก็ไม่ได้แตะอธิบดีกรมอุทยานฯ เลย... คลิปเสียงที่เอามาอ้าง ก็ไม่รู้เสียงใคร อาจเป็นเสียงของ ผอ.สวนสาธารณะ คุยกับคนกวาดถนนอยู่ก็ได้ ... แบบนี้ต้องฟ้องคนที่เอาเรื่องไม่จริงมาแฉ และอาจจะฟ้อง "สิระ เจนจาคะ" คนที่พามาแถลงข่าวด้วย ถ้าสืบสาวราวเรื่องแล้วรู้ว่า "รู้เห็นเป็นใจ"ไ ปกับเขาด้วยละก็ โดนแน่ ...
เรื่องทำท่าจะลุกลามออกไป เพราะถือว่าเป็นเรื่อง "ทุจริต คอร์รัปชัน" ที่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำนักย้ำหนาว่า รัฐบาลนี้จะต้องไม่มีการทุจริต คอร์รัปชัน ...ยิ่งใกล้วันที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายนายกฯ เรื่องถวายสัตย์ฯ ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ด้วย ขืนปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อเป็นกระแสอยู่ต่อไป จะต้องกลายเป็นเหยื่ออันโอชะ ที่ฝ่าย ค้านจะเอาไปถล่มในสภาฯ ด้วยแน่นอน
ว่าแล้ว "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ก็ส่ง "ผู้กองธรรมนัส" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ "มือประสานการเมือง" ไปเป็นกาวใจ พา "น.สพ.ธีทัชฐ์ " คนที่เอาเรื่องมาแฉ ไปแถลงข่าว ขอโทษที่สภาฯ โดย"น.สพ.ธีทัชฐ์" บอกว่า หลังจากแถลงข่าวไปแล้ว เมื่อกลับไปบ้าน ก็ได้ตรวจสอบคลิปซื้อขายตำแหน่งอยู่ทั้งคืน พบว่าเป็นคลิป เรื่องการขึ้นเงินเดือนให้ภรรยาตัวเอง ของอธิบดีกรมอุทยานฯ ซึ่งน่าจะเป็นการร้องเรียน ของข้าราชการ ระดับอธิบดีกรมฯ แล้วปล่อยข่าวกันออกมา ซึ่งยังหาข้อยุติไม่ได้ หากในการแถลงข่าวเมื่อวันก่อนนั้น ได้พาดพิงไปถึงท่านใด ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
จากนั้น "ผู้กองธรรมนัส" ก็จูงมือพา "น.สพ.ธีทัชฐ์" ที่ตอนนี้ออกอาการหน้าซีด หน้าเซียว ไปพบกับ "รัฐมนตรีวราวุธ" โดย "ผู้กองธรรมนัส" เกริ่นนำให้ว่า เป็นเรื่องของข้อมูลที่เกิดความเข้าใจผิด จึงพามาขอโทษท่านรัฐมนตรี เพราะทำให้ท่านเสียหายหลายเรื่อง ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกับท่านรัฐมนตรีเลย ... ส่วน "น.สพ.ธีทัชฐ์" ก็เข้าไปยกมือไหว้ ขอโทษขอโพย ว่าขอมูลที่ได้มา คลาดเคลื่อน และไม่ได้ตรวจสอบให้ดี คลิปเสียงก็ไม่ใช่คลิปการซื้อขายตำแหน่ง และไม่เกี่ยวกับท่านรัฐมนตรี ต้องขอโทษท่านรัฐมนตรีด้วย... ขณะที่ "รัฐมนตรีวราวุธ" ก็บอกว่า ในเมื่อมาขอยอมรับผิด ตนเองก็เป็นลูกผู้ชายพอ ผิดก็คือผิด จบก็คือจบ ก่อนจะจับไม้จับมือกัน และยังย้ำทิ้งท้ายว่า ทีหน้าทีหลัง ถ้าจะพูดอะไร ก็คิดให้ดีๆ ก่อนนะ...
เป็นอันว่า เรื่องระหว่าง"หมอธีทัชฐ์" กับ"รัฐมนตรีท็อป" ก็จบลงด้วยดี ...แต่เรื่องระหว่าง"หมอธีทัชฐ์" กับ อธิบดีกรมอุทยานฯ จะจบด้วยหรือไม่ อันนี้ต้องติดตาม เพราะท่านอธิบดีฯ ก็โดนไปไม่ใช่น้อย...

------------
รูป ...ศักดิ์สยาม ชิดชอบ, วีระกร คำประกอบ, ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร
-ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พา น.สพ.ธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์ ไปขอโทษ รัฐมนตรีวราวุธ ศิลปอาชา
กำลังโหลดความคิดเห็น