“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“การเมืองที่ถูกต้อง คือ การเมืองที่มีศีลธรรม การเมืองที่ไม่ถูกต้อง คือ การเมืองที่คดโกง แย่งชิงอำนาจ และผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง”
นั่นเป็นคำพูดของปราชญ์ ที่ชาวไทยยอมรับความแตกฉานทางธรรม อีกทั้งมีแนวคิดการเมืองในรูปแบบเฉพาะตน นั่นคือ “ท่านพุทธทาสภิกขุ” ผู้เสนอทฤษฎี “ธรรมิกสังคมนิยม” ซึ่งถือเป็น “คนไทยคนเดียว” ที่เสนอแนวคิดของตนเอง ต่างจากแนวคิดนักปรัชญาทางการเมืองอื่นๆ
“ท่านพุทธทาสฯ”ได้เขียนไว้ในหนังสือ “ธรรมะกับการเมือง” ด้วยมุมมองชัดเจนว่า “การเมืองคือการแก้วิกฤต” ด้วยนิยามทางการเมือง “ทำให้คนส่วนใหญ่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข” โดยทำให้ “การเมืองถูกต้อง” นั่นเอง
ขอย้ำอีกครั้งและจะย้ำทุกครั้งว่า “การเมืองที่ถูกต้อง คือ การเมืองที่มีศีลธรรม การเมืองที่ไม่ถูกต้อง คือ การเมืองที่คดโกง แย่งชิงอำนาจ และผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง”
“บิ๊กเหลี่ยม” มักยกถ้อยคำธรรมะอ้างอยู่เสมอ ฟังแล้วดูเท่ดูดีจนลวงหลอกผู้คน ที่เป็น “บัวไม่พ้นน้ำ” และ “บัวจมปลักตม” ให้หลงเชื่อ ส่วนผู้คนที่เป็น “บัวพ้นน้ำ” ต่างรู้เท่าทันว่า “บิ๊กเหลี่ยม” พูดจามุ่งแต่เอาตัวรอดไปวันต่อวัน ยิ่งมาดูการกระทำของ “บิ๊กเหลี่ยม” ที่รวยล้นฟ้า แต่สันดานดิบมิรู้จักพอ“รวยแล้ว-ใช้ไม่หมดแล้ว-พอแล้ว”
ดังนั้น หลังใช้เงินมหาศาลของตนซื้อเสียง ผสมกับการใช้เงินชาติทุ่มใส่นโยบายประชานิยม หลอกล่อผู้คนให้หลงเลือก “บิ๊กเหลี่ยม” กับพวกพ้อง จนชนะเลือกตั้งเหนือคู่แข่งอย่างท่วมท้น จนได้อำนาจรัฐมาไว้ในกำมือ..
จากนั้น “บิ๊กเหลี่ยม” กับพวกพ้อง ก็ลืมตัวหลงละเลิงในอำนาจกันอย่างผิดๆ ทำตัวดุจ “คางคกขึ้นวอทอง” ไม่ฟังใครหน้าไหนอีกแล้ว ถึงขนาด “บิ๊กเหลี่ยม” กับเครือญาติและเครือข่าย ตั้งวงสุมหัวกันคอร์รัปชั่นโกงชาติอย่างโจ๋งครึ่ม..
ที่เลวร้ายเกินความคาดคิดของผู้คนคือ “บิ๊กเหลี่ยม” กับพลพรรคบางส่วน ถึงขั้นบังอาจเหิมเกริมลงมือปฏิบัติการ จะเปลี่ยนประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้กลายเป็นประชาธิปไตยแบบบางชาติตะวันตก..อุเหม่!..ลืมตัวกันขนาดจะ “ล้มเจ้า” กันเชียวนะเว้ยเฮ้ย..!!!
ทว่า ความคิดและปฏิบัติการดังกล่าวของ “บิ๊กเหลี่ยม” กับพวกพ้องทั้งหลาย ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งต่อประชาชนส่วนใหญ่และสังคมไทย อีกทั้งยังไม่เข้ากับจารีตประเพณีและวัฒนธรรมของชาติไทยด้วย ฯลฯ
ที่สำคัญประชาชนส่วนใหญ่ของชาติไทย รักและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ชนิดที่ใครจะมาบ่อนทำลายและโค่นล้มไม่ได้เด็ดขาด เพราะประชาชนพร้อมจะพิทักษ์ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยเลือดเนื้อและชีวิตโดยไม่ลังเล..
กว่าทศวรรษที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า “ใครหน้าไหนมีอำนาจเพียงใด” ที่โกงชาติและล้มเจ้า ชาวไทยก็มิได้หวาดหวั่น พร้อมจะลุกขึ้นต่อสู้ขับไล่“นายกฯ” กับ “รัฐบาล” ที่มีพฤติกรรมโกงชาติและ “ล้มเจ้า” ชนิด “ตายเป็นตาย” ดัง “ชาวพันธมิตรฯ” และ “ชาว กปปส.” ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาล “บิ๊กเหลี่ยม” กับเครือข่ายต่อเนื่องเป็นแรมปี จนกองทัพจำต้องออกมาทำรัฐประหาร ถึง 2 ครั้ง โดย 2 ขุนทหาร “บิ๊กบัง-บิ๊กตู่”..
ทำให้ “บิ๊กเหลี่ยม-บิ๊กปู” และ “นักการเมือง” อีกหลายหน่อ ต้องเผ่นหนีคุกตะราง เตลิดไปอาศัยในต่างแดนจนทุกวันนี้..เฮ้อ..
นั่นคือ “กรรมตามสนอง” กับการทำความชั่วต่อชาติของ “บิ๊กเหลี่ยม” ที่มีอำนาจล้นฟ้าในกำมือ แต่แทนที่จะนำอำนาจรัฐไปใช้ทำความดี ให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดีและชาติเจริญรุ่งเรือง
นับเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่อำนาจรัฐในกำมือ “มหาเศรษฐีบิ๊กเหลี่ยม” กลับถูกใช้ไปในทาง“รวยแล้วยังโกง”กับ “ล้มเจ้า” อันเป็นการทำลายความชอบธรรม การเป็น“นายกฯ” และ “รัฐบาล” ของ “บิ๊กเหลี่ยม”โดยตรง จึงถูกประชาชนออกมาชุมนุมขับไล่ ก่อนถูกทหารทำรัฐประหารจนล้มครืนลง..
อืม..ทั้งนี้เพราะรัฐบาล “บิ๊กเหลี่ยม” และเครือข่าย ไม่ได้ทำ “การเมืองที่ถูกต้อง คือ การเมืองที่มีศีลธรรม การเมืองที่ไม่ถูกต้อง คือ การเมืองที่คดโกง แย่งชิงอำนาจ และผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง”..จริงไหมล่ะ?
หากรัฐบาล “บิ๊กเหลี่ยม” กับเครือข่าย ทำการเมืองที่สร้างสรรค์ถูกต้อง จะไม่มี “ประชาชนหน้าไหน”ออกมาชุมนุมขับไล่ และไม่มี “ขุนทหารหน้าไหน” กล้าโผล่หน้าออกมาทำรัฐประหารอย่างแน่นอน
เฮ้อ..แค่โดนรัฐประหารหนึ่งครั้ง “บิ๊กเหลี่ยม” ก็น่าจะรู้ตัว-กลับตัว-กลับใจ เลิกเป็น“นักการเมืองสามานย์” ที่รวยแล้วยังโกงและล้มเจ้าแล้วล่ะ ทว่า..เมื่อได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครา “บิ๊กเหลี่ยม” กับเครือข่ายก็ยังคงทำตัวเป็น“แก๊งโจรการเมือง” จนโดน “บิ๊กตู่” ทำรัฐประหารซ้ำเข้าจนได้..
เอาล่ะ..คราวนี้หันมาดูผลการสืบทอดอำนาจ ของ“บิ๊กตู่” จาก “นายกฯ รัฐประหาร” เปลี่ยนมาเป็น “นายกฯเลือกตั้ง” อ้อ..แถมยังเปลี่ยนจากรัฐบาลเผด็จการ มีอำนาจราว “พญาราชสีห์” มาเป็นรัฐบาลเลือกตั้ง อ่อนปวกเปียกดั่ ง“เป็ดง่อย” อยู่ในขณะนี้
แหม..นั่นเพราะ“บิ๊กตู่” ทำการเมืองไม่ถูกต้อง ดังที่ “ท่านพุทธทาสฯ”ได้เขียนไว้ในหนังสือ “ธรรมะกับการเมือง”อันลือลั่น หรือมิได้ทำดีดังคำพูดที่ “บิ๊กตู่” ได้เคยประกาศไว้ชนิดตรงใจประชาชน คราครั้งทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาล “พี่คิด-น้องโกง” เช่น
“บิ๊กตู่”ไม่ได้ปราบขบวนการโกงชาติอย่างจริงจังเท่าที่ควร-ดังที่ได้ประกาศไว้!
“บิ๊กตู่”ไม่ได้ลดความเหลื่อมล้ำในมิติต่างๆให้ชาติ โดยเฉพาะไม่ได้กระจายรายได้ทางเศรษฐกิจ ให้กับผู้มีรายได้น้อยและยากจนอย่างเป็นธรรม-ดังที่ได้ประกาศไว้!
“บิ๊กตู่”ไม่ได้ปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน โดยเฉพาะไม่ปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง-ดังที่ได้ประกาศไว้!
นั่นเฉพาะต้นเหตุปัญหาที่สำคัญของชาติ 3 เรื่องนะ เพราะ“นายกฯ บิ๊กตู่”เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาแก้ปัญหาทั่วๆไปเท่านั้น แต่กลับละเว้นต่อการแก้ต้นเหตุปัญหาต่างๆ ให้กับชาติและประชาชนเท่าที่ควร หรือแทบไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาต่างๆ ให้ชาติและประชาชนด้วยซ้ำไป..จริงไหมล่ะ?
อ้อ..อย่าเสียเวลาไปค้นหา“คำตอบ”นะว่า ทำไมยาม“บิ๊กตู่”มีอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ เป็นรัฐบาล “พญาราชสีห์”ผู้ทรงพลังอันยิ่งใหญ่ แต่ไฉนกลับปล่อยให้ต้นเหตุปัญหาหลายเรื่องบานปลาย เช่น
การโกงชาติทั้งใหญ่น้อยระบาดไปทั่วทุกวงการ โกงเงินเด็ก โกงเงินผู้สูงวัย โกงเงินผู้พิการ โกงเงินพระและวัด โกงเงินสารพัดโครงการที่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ฯลฯ
ความเหลื่อมล้ำมิติต่างๆในสังคมไทย นับวันช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน จะยิ่งถ่างกว้างมากขึ้นเรื่อยๆจนน่าตระหนกตกใจ เพราะรัฐไม่ได้แก้ไขโครงสร้างการกระจายรายได้ ให้ผู้มีรายได้น้อยและคนยากจนอย่างเป็นธรรม จนยุค“บิ๊กตู่”เกิดปัญหา“รัฐมนตรีกับเจ้าสัวรวยกระจุก” ส่วน“ประชาชนจนกระจาย” คนส่วนใหญ่ลำบากยากเข็ญในการดำรงชีวิต
เรียกว่า..รัฐบาล“นายกฯบิ๊กตู่” กำลังนำชาติเดินหน้าเข้าสู่ยุค“ข้าวยากหมากแพง” เพราะการบริหารเศรษฐกิจแก้ปัญหาแบบมักง่าย ด้วยการ“ใช้เงินชาติแจกคนจน”เป็นครั้งคราวนั้น ไม่สามารถทำให้ประชาชนส่วนใหญ่กินดีอยู่ดีได้อย่างมั่นคง อีกทั้งไม่อาจจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจชาติตกต่ำได้ ในสถานการณ์“สงครามการค้า”ระหว่าง“อินทรีทรัมป์”กับ“มังกรสี” ที่กำลังรุกรับกันอุตลุดอยู่ในขณะนี้
เมื่อ“บิ๊กตู่”ติดกระดุมการเมือง“เม็ดแรกผิด” แล้วจะติดกระดุมการเมือง“เม็ดต่อๆไป”ถูกได้เช่นไรล่ะ..จริงไหม?
“บิ๊กตู่”ต้องหันมา “ติดกระดุมการเมืองเม็ดแรก”ให้ถูกต้องเสียก่อนใช่ไหม..?
เอ๊ะ..แล้ว“บิ๊กตู่”ทำการเมืองอย่างที่“ท่านพุทธทาสฯ”ระบุไว้หรือเปล่าล่ะ..?
ผลงานจากอดีตจรดปัจจุบัน “บิ๊กตู่”ได้ทำให้การเมืองเป็น“การเมืองที่ถูกต้อง การเมืองที่มีศีลธรรม” หรือเป็น “การเมืองที่คดโกง แย่งชิงอำนาจ และผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง” กันแน่?
ที่แน่ๆ “บัวพ้นน้ำ”ล้วนรู้ว่า..ยุคนี้“รัฐมนตรี-เจ้าสัวรวยกระจุก” แต่“ประชาชนจนกระจาย”ว่ะ!!!