xs
xsm
sm
md
lg

“หลงจู๊-ปล่อยเงินกู้” สะดุดตัวตน ธนาธร !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**แม้หากวัดกันตามกระแสที่ปั่นกันในเวลานี้ สำหรับคนที่ออกมาแฉพฤติกรรมของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่าไม่ต่างจาก “คนรวย”หรือนายทุนคนหนึ่งที่มีแนวทางการบริหารจัดการภายในแบบเดียวกับที่เรียกว่า“หลงจู๊” นั่นคือรวมทุกอย่างอยู่ในคนๆ เดียว อาจจะไม่สร้างผลกระทบมากนัก
แน่นอนว่าเมื่อเปรียบเทียบกันตามกระแส ระหว่าง "วสุ ผันเงิน" ดีกรีนายก อบต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งชื่อชั้นอาจจะยังไม่เด่นดังเท่า “เสี่ยเอก”ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มหาเศรษฐีหมื่นล้าน ทายาทในเครือไทยซัมมิท หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่แสดงตัวว่า เห็นใจและเข้าใจ “คนด้อยโอกาส”ที่ถูกกดขี่ทางชนชั้น ตามศัพท์แสงฝ่ายซ้ายอะไรประมาณนั้น
แต่สำหรับ วสุ ผันเงิน คนนี้ ในเรื่องความดัง หรือระดับในพื้นที่ ก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นรองใคร โดยเฉพาะจากวลีกระฉ่อน “อย่ามาโดนตัวกู”เมื่อราวกลางปี 60 ขณะเดียวกันการที่ออกมาสวนกระแสเปิดโปง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า การจัดงานหยั่งกระแสเพื่อให้ผู้ที่ต้องการลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีของพรรคอนาคตใหม่ มีการดีเบตกัน โดยมีการจัดงานดังกล่าวขึ้นเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา ในแผนการเดินสายสร้างกระแสทางการเมือง โดยหมายมั่นปั้นมือ เริ่มต้นจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ในราวปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า โดย วสุ ฟันธงว่านี่คือรายการ “ปาหี่”ของ “หลงจู๊ ธนาธร”นั่นเอง โดยอ้างว่ามีการ “จัดฉากตั้งธง”เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
“จะบอกว่า เราหมดศรัทธาจริงๆ เราตั้งใจมาช่วยพรรคทำงาน แต่คุณแค่ อนาคตเก่า พรรคมีหลงจู๊ ตั้งธงสั่งการแค่นั้น ผมอนาถใจกับคนรวยๆ แบบนี้จริงๆ สุดท้ายก็ไม่จริงใจต่อกัน ธนาธร คุณได้นับครั้งไว้หรือเปล่า ว่าคุณยกมือไหว้ขอโทษพวกผมกี่ครั้ง เมื่อคืนวาน ผมเห็นใจกลัวงานจะพัง จึงขึ้นไปดีเบตให้คุณนะ อย่าหลงว่าผมไม่รู้เท่าทันคุณ พอเหอะนะ อนาคตเก่า เดิมๆ พวกมากลากไป เริ่มต้นก็โกหกกันเลย” ข้อความตอนหนึ่งของ วสุ ผันเงิน ที่ระบุถึง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างรุนแรง
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงภาพของนักต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค สำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แล้ว ตามความเป็นจริงอีกด้านหนึ่ง เขาก็คือ “นายทุน”คนหนึ่ง ที่ตัวเขาและครอบทำธุรกิจแสวงหากำไร ไม่ใช่ทำมูลนิธิการกุศล
จุดที่เป็นปมด่างพร้อยในใจของเขาก็คือ กรณีการเลิกจ้างพนักงานบริษัทไทยซัมมิท อีสเทิร์น ซีบอร์ด ออโต้พาร์ทอินดัสตรี จำกัด จำนวน 260 คน เมื่อหลายปีก่อน เพราะไปสมัครเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน โดยพวกเขาถูกดดันต่างๆ นานา ให้ลาออก โดยข้อมูลดังกล่าวเหล่านี้ ถูกนำมาเปิดโปงตอกย้ำ โดย “ใจ อึ๊งภากรณ์”บุตรชายของ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่เคยตั้งคำถามต่อ ธนาธร จากการตั้งพรรคใหม่ ที่ประกาศแนวทางใหม่ แต่มีประวัติในการปราบปรามสหภาพแรงงาน และละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการรวมตัวของลูกจ้าง สิ่งเหล่านี้ จะสวนทางกันหรือไม่
** การเปิดโปงข้อมูลในเรื่องดังกล่าวของ ใจ อึ๊งภากรณ์ นับเป็นการสะท้อนตัวตนผ่าน“คนกันเอง”หรือ “สหายร่วมแนว”กันมาก่อน ย่อมสร้างความกระกระเทือนไม่มากก็น้อย อย่างน้อยก็ได้เห็นในอีกแง่มุมหนึ่ง ที่คนในพรรคอนาคตใหม่คงไม่อยากให้ได้ยิน ได้เห็น เพราะภาพที่พวกเขาแสดงออกมาให้เห็นก็คือ ภาพ “คนรวยที่เห็นใจคนจน”เหมือนกับบรรดานายทุนขุนศึกในอดีตหลายคน ที่เห็นใจชนชั้น “กรรมาชีพ”ซึ่งอีกด้านหนึ่งมันก็“ดูเท่”เหมือนกับพวกเด็กๆ รุ่นใหม่ไม่น้อยที่ร้อนวิชาต้องเป็น“ฝ่ายซ้าย”ไว้ก่อน อะไรประมาณนั้น ซึ่งก็ต้องพิสูจน์กันต่อไปในทางยาวๆ
ส่วนภาพของการเป็น “หลงจู๊”ภายในพรรคอนาคตใหม่ ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั้นก็อาจไม่ใช่เรื่องใหม่นัก เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีเสียงโวยวาย และมีการขับไล่ออกมาจากพรรคกันมาบ้างแล้วในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่พักหนึ่ง แต่สำหรับภาพการเป็น “เจ้าของพรรค”นั้น แม้ไม่เคยสะท้อนออกมาให้เห็นชัดนัก แต่การที่เขาเคยเปิดเผยเองว่า เป็นคน “ปล่อยกู้” ให้กับพรรคอนาคตใหม่ จำนวนกว่า 110 ล้านบาท เป็นการพูดเปิดเผย ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อหลายเดือนก่อน โดยตอนนั้นอาจจะไม่ทันคิด อาจต้องการสื่อให้เห็นว่า หรือโชว์ให้เห็นว่า นี่คือการทำพรรคแบบเปิดเผย มีการระดมทุนในแบบฉบับของตัวเอง แต่กลายเป็นว่าเรื่องกลับมา “รัดคอตัวเอง”และกำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เสี่ยงต่อความผิดและการถูกยุบพรรคก็เป็นได้
หรือกรณีที่มีการโอนทรัพย์สินกว่า 5 พันล้านบาท เข้ากองทุนเป็นผู้ดูแลในแบบ “ไม่รู้ไม่เห็น”ซึ่งตอนนั้นก็ประกาศว่า เป็นการ “ทำล้ำไปกว่ารัฐธรรมนูญบังคับ”แต่ก็ถูกเปิดโปงตามมาอีกว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะที่ผ่านมามีคนทำแบบนี้มาหลายคนแล้ว และที่สำคัญ มันต้องทำอยู่แล้ว
การออกมาเปิดโปง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของ วสุ ผันเงิน แม้ว่าอาจจะไม่ส่งผลกระทบในทางการเมืองมากนัก เมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์ของคนที่นำเรื่องมากล่าวหา แต่อีกด้านหนึ่ง สำหรับคนที่ติดตามรับรู้ข้อมูลของ ธนาธร แม้จะย่อมรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็อาจทำให้หลายคนที่ไม่เคยรู้ อาจจะได้รับรู้ข้อมูลแบบนี้บ้าง
** โดยเฉพาะการรับรู้ว่า เขาและครอบครัว ทำธุรกิจที่แสวงหากำไร และได้ประโยชน์จะระบบทุนนิยม ที่เขาพยายามสร้างความเด่นด้วยการเน้นย้ำเรื่องการต่อสู้เรื่องสิทธิความเสมอภาค นั่นแหละ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น