xs
xsm
sm
md
lg

เหตุที่ยังต้องคงทหารอเมริกันไว้ในอัฟกานิสถาน

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

ทหารอเมริกันในอัฟกานิสถาน
เปิดฉากสัปดาห์นี้...แทนที่จะวนไป-วนมา อยู่แถวๆ เกาะฮ่องกง คอยตามรัก-ตามลุ้น ว่านิยายรักระหว่าง “กะปอมกับไดโนเสาร์” จะจบลงไปในแบบไหน เมื่อไหร่ ลองเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนไปหาสถานที่แปลกๆ กันดูมั่ง ด้วยการร่อนไปแถวๆ เอเชียกลาง หรือแถวๆ ประเทศอัฟกานิสถานโน่นเลย...

เพราะเมื่อวัน-สองวันก่อน...เห็นข่าวแวบๆ ว่าผู้นำอเมริกา อย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้ออกมาพูดจาเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ กับ “Fox News” ถึงเรื่องราวการ “ถอนทหารอเมริกัน” ออกจากอัฟกานิสถาน อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรายนี้เคยแสดงความคิด ความเห็น มาตั้งแต่แรก ว่าอยากจะ “แยงกี้-โกโฮม” มาโดยตลอด ไม่อยากเสียเงิน-เสียทอง ผลาญเงินภาษีอากรของราษฎรชาวอเมริกัน ที่ต้องสูญเสียไปกับการทำสงครามอันสุดแสนจะยืดเยื้อยาวนานในประเทศเล็กๆ นี้ ระดับปาเข้าไปถึง 18 ปีเข้าไปแล้ว นับจากกองทัพอเมริกันเริ่มเปิดฉากบุกอัฟกานิสถาน เมื่อยุคอดีตประธานาธิบดี “จอร์จ ดับเบิลยู. บุช” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 โน่นเลย เรียกว่า...พอๆ กับ “สงครามเวียดนาม” ที่กองทัพอเมริกันต้องติดแหงก ติดหล่ม มานานถึง 20 ปี ก่อนจะหนียะย่าย พ่ายจะแจในวินาทีสุดท้าย...

โดยมูลค่าการใช้จ่ายทางทหารสำหรับสงครามในอัฟกานิสถานนั้น ถ้าคิดเป็นเงินดอลลาร์ ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าประมาณ 760,000 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย หรือประมาณกว่า30 ล้านล้านบาทไทย สูงพอๆ กับงบประมาณประเทศไทยนับเป็นสิบๆ ปีเอาเลยถึงขั้นนั้น อันทำให้อดีตนักธุรกิจที่ชอบคิดเรื่องเงินๆ-ทองๆ ตามอุปนิสัยและวาสนา อย่าง “ทรัมป์บ้า” ออกจะเสียดายเอามากๆ เลยเคยคิดจะตัดงบ ลดงบ หรือคิดถอนทหารอเมริกันออกจากประเทศนี้มาโดยตลอด แถมยังหันไปกัดอดีตประธานาธิบดีคนเก่า อย่าง “โอบามา” ว่าหนักไปทางสุรุ่ยสุร่าย เอาแต่ผลาญเงิน ผลาญทอง ไปกับประเทศเล็กๆ ที่มีเนื้อที่ไม่มากไปกว่ารัฐเท็กซัสของอเมริกา แถมยังเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเลอีกซะด้วย โดยแทบไม่ได้ก่อประโยชน์โพดผลใดๆ ขึ้นมาเลย...

แต่ครั้น...หลังจากตัวเองขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้รู้ข้อมูล ฟังข้อมูล ข้อเท็จจริง จากใครก็แล้วแต่ แทนที่คิดจะถอนทหารอเมริกันออกจากสมรภูมิแห่งนี้ ประธานาธิบดีอเมริกันผู้นี้กลับหันไปเติมกองทัพอเมริกันเข้าไปในสมรภูมิแห่งนี้ จนปัจจุบันมีจำนวนปาเข้าไปไม่น้อยกว่า 14,000 รายแถมยังประกาศจุดยืนไว้กับโทรทัศน์ “Fox News” เมื่อสองวันที่ผ่านมาด้วยว่า แม้ว่ารัฐบาลอเมริกันสามารถเจรจายุติสงครามกับพวก “กบฏตอลิบัน” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้าได้แล้วก็ตาม แต่กองทัพอเมริกันยังคงต้องประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานประมาณ 8,600 รายเป็นอย่างน้อย อันนี้นี่แหละ...เลยเป็นสิ่งน่าคิด น่าสะกิดใจ ว่าอะไรกันแน่??? ที่อยู่เบื้องหลังการคิด การตัดสินใจ ของพวกบ้าเงิน-บ้าทอง อย่างผู้นำอเมริการายนี้...

สำหรับเรื่องยุทธศาสตร์ ภูมิรัฐศาสตร์ ของประเทศอย่างอัฟกานิสถานนั้น...คงไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง เพราะแม้เป็นสิ่งที่เกินค่า เกินราคา จนทำให้อดีตมหาอำนาจไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ต่างพยายามแย่งชิง ช่วงชิงกันอุตลุด ไม่ว่าอังกฤษ รัสเซีย จนมาถึงอเมริกาในปัจจุบัน แต่บรรดาสิ่งเหล่านี้...คงไม่ได้ทำให้อดีตนักธุรกิจผู้พร้อมจะ “สร้างศัตรู” กับใครต่อใครไปทั่วทั้งโลก อย่าง “ทรัมป์บ้า” เกิดอาการ “เก็ต” ขึ้นมามากมายสักเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนว่า...สิ่งที่ทำให้ผู้นำอเมริกันรายนี้เกิดความสนอก สนใจ เกิดการเห็นคุณค่า ความสำคัญของประเทศเล็กๆ อย่างอัฟกานิสถานนั้น น่าจะหนีไม่พ้นไปจากเรื่อง “เงินๆ-ทองๆ” อีกเช่นเคย โดยเฉพาะเมื่อมีการประเมิน ไม่ว่าจากผู้เชี่ยวชาญจากโซเวียตรัสเซียตั้งแต่ปี ค.ศ.1980 หรือผู้เชี่ยวชาญอเมริกัน จากหน่วยงาน “United States Geological Survey” เมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ว่าประเทศอันเต็มไปด้วยหุบเหว ภูเขาหินแห่งนี้...ได้ซุกซ่อนแหล่งแร่นานาชนิด ไม่ว่าทองคำ เงิน แพลตตินั่ม เหล็ก ยูเรเนียม สังกะสี แทนทาลั่ม บอกไซต์ ถ่านหิน แก๊สธรรมชาติ ลิเธียม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินแร่หายาก ที่เรียกๆ กันว่า “Rare Earth” ฯลฯ เอาไว้เป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ขึ้นไป...

อันนี้นี่แหละ...ที่น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ อันทำให้ผู้นำอเมริกันรายนี้ พร้อมจะถมศพทหารอเมริกัน เพิ่มขึ้นไปอีกกี่ศพต่อกี่ศพได้เสมอๆ โดยเฉพาะแหล่งแร่ “Rare Earth” ที่ว่ากันว่า มีปริมาณไม่น้อยไปกว่า 1.4 ล้านตัน กระจัดกระจายอยู่ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง “Ghazni” และภาคใต้ของจังหวัด “Helmand” ที่ “นายMichael Silver” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของสถาบัน “American Element” เคยออกมาให้ความเห็นประมาณว่า ถ้าหากอเมริกาสามารถครอบครองแหล่งแร่ “Rare Earth” และแร่ “ลิเธียม” ในพื้นที่บริเวณนี้ได้แล้ว นอกจากอเมริกาจะสามารถทำลาย “การผูกขาด” สินแร่ชนิดนี้ของจีนลงไปได้เท่านั้น ยังสามารถสร้าง “จุดเปลี่ยน” ให้กับการฟื้นฟูสถานะความเป็นผู้นำในการผลิตสินค้าเทคโนโลยี ในอีก 20 ปีข้างหน้าได้อีกด้วย...

เพราะไม่ว่าแร่ “Rare Earth” หรือ “ลิเธียม” นั้น...ต่างถือเป็นวัตถุดิบพื้นฐานสำหรับผลิตสินค้าเทคโนโลยีทั้งหลายในยุคนี้ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ไปจนถึงแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ที่ต่างต้องพึ่งพา “Rare Earth” หรือไม่ก็ธาตุโลหะที่มีน้ำหนักเบา อย่าง “ลิเธียม” ซึ่งว่ากันว่ามีอยู่มากต่อมากในอัฟกานิสถาน ระดับถือเป็น “The Saudi Arabia of Lithium” เอาเลยถึงขั้นนั้น ยิ่งเมื่อต้องไล่เตะ ไล่ถีบ ไล่ทำ “สงครามการค้า” กับจีน แบบชนิดหาข้อยุติ หามุมจบกันไม่เจอ บรรดาพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งแร่ชนิดนี้ ไม่ว่าอัฟกานิสถาน ไปจนถึงเกาหลีเหนือ จึงกลายเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่ออนาคตทางเศรษฐกิจของอเมริกา โดยเฉพาะต่อผู้ที่บ้าเงิน-บ้าทอง อย่าง “ทรัมป์บ้า” จนพร้อมที่จะถมศพทหารอเมริกัน เพิ่มขึ้นไปอีกกี่ศพต่อกี่ศพก็ยังได้...

การจับเข่า จับหัวหน่าว พูดคุยเจรจาระหว่างผู้นำอเมริกันกับผู้นำอัฟกานิสถาน ประธานาธิบดี “Ashraf Ghani” เมื่อช่วงปลายปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมา ก็จึงวนไป-วนมาอยู่กับเรื่อง “ข้อตกลง” ที่รัฐบาลอัฟกานิสถาน ยอมเปิดทางให้บริษัทอเมริกันเข้าไปพัฒนาแหล่งแร่ “Rare Earth” นั่นแหละเป็นเรื่องหลัก เพียงแต่ว่า...แม้ผู้นำอัฟกานิสถานจะยอมเปิดไฟเขียวสว่างโร่ ให้กับบริษัทอเมริกันไปแล้วก็ตาม แต่พื้นที่อันเต็มไปด้วยแหล่งแร่เหล่านี้ กลับดันเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของ “กบฏตอลิบัน” ซะเป็นส่วนใหญ่ การเปิดฉากเจรจากับพวก “ตอลิบัน” ในอีกไม่นานนับจากนี้ ไปพร้อมๆ กับความจำเป็นที่จะต้องคงทหารอเมริกันไว้ในอัฟกานิสถาน อีกเกือบหมื่นๆ คน จึงทำให้ยังไงๆ...กองทัพอเมริกันก็ยังคงถอนตัวออกจากสมรภูมิอัฟกานิสถานไม่ได้อยู่ดี แม้ว่าบรรดาทหารอเมริกันจะ “ติดหล่ม” อยู่ในประเทศเล็กๆ แห่งนี้มานานถึง 18 ปีเข้าไปแล้ว...

หรือพูดง่ายๆ ว่า...เพื่อเอาชนะ หรือเพื่อให้เกิดข้อได้เปรียบ ในการทำ “สงครามการค้า” กับจีน รัฐบาลอเมริกันของ “ทรัมป์บ้า” จึงหนีไม่พ้นต้องทำ “สงครามเลือด” ในอัฟกานิสถานอีกต่อไปอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แม้ชาวอัฟกานิสถานจะล้มตายไปแล้วเป็นล้านๆ ตลอดช่วง 18 ปีที่ผ่านมา หรือแม้ว่าทหารอเมริกันจะหลั่งเลือดไปแล้วกี่ศพต่อกี่ศพ ในสมรภูมิแห่งนี้ก็ตามที...


กำลังโหลดความคิดเห็น