xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สัญญาณจาก"บิ๊กป้อม" พปชร.ไม่ใช่"พรรคเฉพาะกิจ"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แรกเริ่มเดิมที พรรคพลังประชารัฐ อาจจะเป็น “พรรคเฉพาะกิจ” ครบเทอมนี้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม น่าจะลงจากหลังเสือ หลังอยู่บนหอคอยงาช้ามานาน 8 ปี

นี่คือ สูตรเดิมที่หมายมั่นปั้นมือเอาไว้ ทว่า พลันที่พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ อย่าง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเปลืองตัวลงมาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พร้อมประกาศเป็น “นักการเมือง”เต็มตัว

มันแสดงให้เห็นว่า น่าจะมีการรื้อแผนใหม่ให้ยาวกว่า 8 ปี เพียงแต่ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีจะยังชื่อ “บิ๊กตู่”หรือไม่ ไม่มีใครฟันธง

แต่ที่แน่ๆ การที่ “บิ๊กป้อม”ถอดหัวโขน อดีตนายทหารผู้อยู่เบื้องหลัง มาสวมยูนิฟอร์มนักการเมือง เป็นการตอกย้ำให้เห็นเป้าหมาย เทอมที่ 2 ของ “บิ๊กตู่”ต้อง 4 ปีเต็ม

ไม่ใช่ปี หรือสองปี อย่างที่เซียนการเมืองวิเคราะห์สถานการณ์เอาไว้ เพราะสถานภาพ “ปริ่มน้ำ”เป็นเรื่องยากที่จะลากไปถึง 4 ปี เดี๋ยวปัญหานู้น เดี๋ยวปัญหานี้ มีให้แก้แทบจะทุกวัน

เค้าโครงมันชักใกล้เคียงกับสมัย “อาจารย์หม่อม”ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคกิจสังคม ที่จำยอมยุบสภา เพราะปัญหา “สหพรรค”ต่อรองผลประโยชน์กัน ไม่เป็นอันบริหารประเทศ สุดท้ายต้องตัดสินใจสละเรือ หลังบริหารประเทศได้ปีกว่าๆ

หันมาที่ “รัฐบาลบิ๊กตู่ 2/1”เรือเหล็กแล่นออกจากท่าไม่ทันไร บรรดาพรรคปัดเศษ ออกมาตีฆ้องร้องเป่า ขอค่าขนมกันเป็นอีเวนต์ จนต้องยอมปูนบำเหน็จ ตำแหน่งข้าราชการการเมืองให้

ขนาดคนที่ได้เป็น ส.ส.จากคะแนนเขย่ง ยังเสียงดังขนาดนี้ วันข้างหน้าหากพวกพรรคที่มีส.ส.ในสภา 10 คนขึ้นไป อยากจะเล่นบทนี้บ้าง จะทำอย่างไร

การออกมาจากหลังม่านของ “บิ๊กป้อม”นายใหญ่ตัวจริง จึงเป็นการแก้เกม ปรับหมาก วางยุทธศาสตร์กันใหม่ ให้บรรลุเป้าหมาย

อย่าลืมว่า แม้ “ท็อปบูต”ชุดนี้ที่ครองแผงอำนาจอยู่ตรงนี้ ดูเผินๆ เหมือนอ่อนพรรษาทางการเมือง ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม แต่หากย้อนกลับไปวันแรก ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจการบริหารประเทศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีใครเชื่อว่า“บิ๊กตู่”จะอยู่ได้ถึง 4 ปีกว่า

แต่เพราะมีการถอดบทเรียนบรรดารุ่นพี่นักรัฐประหาร ในอดีต เอาข้อผิดพลาดมาแก้ไข โดยเฉพาะกรณีล่าสุด 19 กันยายน 2549 ที่ “บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตอนนั้น มาเป็นตุ๊กตา

อะไรที่ “บิ๊กบัง”ทำแล้วอยู่ในหมวด “เสียของ” คสช.ไม่เดินตามสักอย่าง อย่างเช่นการให้ “บิ๊กแอ้ด”พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่รอบนี้ “บิ๊กตู่”ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหาร เป็นผู้นำประเทศเอง

หรือการปล่อยให้มีการเลือกตั้งเร็วหลังรัฐประหาร แค่ปีเดียว ทั้งที่ยังเคลียร์ปัญหาไม่เสร็จสรรพ แต่หนนี้ทีมงานท็อปบูต วางหมากกล หาเรื่องลากยาวอยู่ในอำนาจถึง 4 ปีเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการจงใจ คว่ำ ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ"บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" ในรอบแรก เพื่อมายกร่างกันใหม่

การให้ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ คิดสูตรพิสดาร สกัดขั้วอำนาจเก่า พร้อมกับล็อกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีตัวนี้ให้กับ “บิ๊กตู่”ตั้งแต่ยังหาเสียงเลือกตั้ง และยังไม่ได้มีการเข้าคูหา กากบาทกันด้วยซ้ำ

มีการตั้งพรรคพลังประชารัฐ กวาดต้อนนักการเมือง โดยเอาคดีความ ผลประโยชน์ เป็นข้อต่อรอง เพื่อให้นักเลือกตั้งยอมศิโรราบ กันแบบโดยดี

แม้จะไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างที่คาดหวัง แต่ผลลัพธ์เรื่องเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ของ “บิ๊กตู่”ถือว่า บรรลุเป้าหมาย เข้าวินอย่างที่คิดเอาไว้

เฉกเช่นเดียวกับ ปัญหาพรรคร่วมรัฐบาลแบบ “สหพรรค”อย่าประมาทว่า ท็อปบูตชุดนี้จะไม่ได้ถอดบทเรียนเอาไว้ ดูการตัดสินใจลงมาเล่นการเมืองเองของ“บิ๊กป้อม”นั้นคือ เครื่องตอกย้ำว่า ทหารทำการบ้านมา และเรียนรู้การเมืองมากขึ้นจากในอดีต

การประกาศว่า รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมของ “บิ๊กป้อม”ไม่ใช่แค่อารมณ์ หรือปากพาไป แต่เป็นเป้าหมายจริงๆ ถึงการลงมาครั้งนี้

เรื่องสมานรอยร้าว และสลายกลุ่มก๊กการเมืองภายในพรรค นั่นเรื่องหนึ่ง แต่การเป็นนักการเมืองของ “บิ๊กป้อม”ถือเป็นการส่งสัญญาณภาพใหญ่ของการเมืองไทยว่า อยู่ยาว !

แน่นอนมันมีผลต่อพรรคบรรดาฝ่ายค้าน โดยเฉพาะส.ส.ที่ไม่ได้มีเงินถุง เงินถัง อดอยากปากแห้งจากท่อน้ำเลี้ยงที่ไม่ได้จ่ายมานานนม ตั้งแต่ตอนเลือกตั้ง

ตามสัญชาตญาณนักเลือกตั้ง ย่อมต้องหยิบไปประเมินเพื่อตัดสินใจว่า จะเอาอย่างไรกับชีวิต หาก “บิ๊กตู่”ต้องอยู่ยาวเต็มเทอม 4 ปี

มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะวันนี้มององคาพยพของฝ่ายอำนาจในปัจจุบัน มันไม่ได้มีแค่ “เสียงปริ่มน้ำ”แต่ยังมีกองทัพ องค์กรอิสระ อาวุธหนักที่พร้อมรับเกมของฝ่ายค้านได้

เหนือสิ่งอื่นใดคือ “ทุน”ของพรรคพลังประชารัฐ ที่พร้อม “เปย์”นักเลือกตั้งให้อยู่โยงกับพรรค ต่างจากฝ่ายค้านที่กำลังมีปัญหาเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น พรรคเพื่อไทย หรืออนาคตใหม่

และแม้จะมีความพยายามตีรวนเรื่องปมถวายสัตย์ฯ ของคณะรัฐมนตรี แต่ทุกคนก็รับรู้กันดีว่า มันไม่เพียงพอจะโค่นรัฐบาลปัจจุบันได้

ศักยภาพของฝ่ายค้านชุดนี้ ไม่มีแกนนำ หรือตัวทีเด็ด ที่ช่ำชองเกมการเมือง มีแต่วาทกรรมเท่านั้น ที่สำคัญ 7 พรรคฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันไปเสียหมด

รัฐบาลชุดนี้ ภายใต้ “ผู้จัดการรัฐบาล”นาม “บิ๊กป้อม”พยายามทำให้เห็นหลายครั้งว่า ใครที่ตัดสินใจย้ายขั้ว เปลี่ยนข้างมา สามารถได้ดีไม่ต่างอะไรจากยุคของสองศรีพี่น้องตระกูลชินวัตร

แม้แต่คนที่ย้ายมาหลังเลือกตั้งอย่าง “เสี่ยลาว”พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ข้ามฟากมาได้ไม่ถึงเดือน ยังปูนบำเหน็จให้เป็น“ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ในทันควัน

ค่าขนม ส.ส. ภายในพรรคพลังประชารัฐ รับกันก้อนโต ตกเดือนละ 200 แบงค์สีเทา ในขณะที่ฝ่ายค้านรับกันกระปริบ กระปรอย ไม่พอยาไส้

แรกๆ อุดมการณ์มันจับต้องได้ แต่ผ่านไป มนุษย์ต้องกิน ต้องใช้ ต้องไว้เป็นทุนในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ถ้าไม่สามารถล้มรัฐบาล หนหน้าอาจไม่มีชื่ออยู่ในสภาผู้แทนราษฎร

ดูความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ “บิ๊กป้อม”เองก็สั่งให้ ส.ส.ทำพื้นที่ ตลอดจนกวาดต้อนเพื่อนส.ส.ให้แปรพักต์มาอยู่ด้วย รุกหนักมาในพื้นที่อีสาน

ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคน ก็มีท่าทีแปลกๆ ชวนให้สงสัยในความจะเป็น“งูเห่า ภาค 2”

แม้แต่เรื่องที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน”นำร่อง ขอยุบพรรคประชาชนปฏิรูป เพื่อไปซบพรรคพลังประชารัฐ เป็นโมเดลให้พรรคเล็กเอาเยี่ยงเอาอย่าง แน่นอนนอกจากเพิ่มเสียงให้พรรคพลังประชารัฐให้แข็งแรงมากขึ้น ยังง่ายต่อการดูแล และลดทอนเรื่องการต่อรองของพรรคเล็กพรรคน้อยไปในตัว

บอกเลยว่า นี่ไม่ใช่แค่ “พรรคเฉพาะกิจ”แล้ว




กำลังโหลดความคิดเห็น